ตอนที่ 81 อวิ๋นลี่ลี่มาเยือน
ถึงซูตานหงจะบอกว่าการไม่สนใจอวิ๋นลี่ลี่เป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ไปที่บ้านเก่าสกุลจี้
หากจะหาข้ออ้างสักอย่างก็ถือเป็นเรื่องง่าย อย่างเช่นอากาศวันนี้เย็นเกินไป กลัวว่าถ้าเหรินเหรินน้อยไปแล้วเขาจะเป็นหวัด ซึ่งเหตุผลนี้ถือว่าฟังขึ้นและสมเหตุสมผลทีเดียว
เป็นเพราะเธอกับอวิ๋นลี่ลี่ไปด้วยกันไม่ได้จริง ๆ และทางบ้านเก่าตระกูลจี้ยังมีจี้อวิ๋นอวิ๋นอยู่ด้วย
จี้เจี้ยนอวิ๋นย่อมไม่บังคับภรรยาให้ทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบ และลูกชายของเขาก็ยังเล็กอยู่ จึงไม่สามารถอุ้มเขาออกมาในวันที่อากาศหนาวเย็นได้
“เจี้ยนอวิ๋น นำขึ้นฉ่ายไปให้คุณแม่กำหนึ่งด้วยนะคะ คุณแม่บอกว่าจะทำเกี๊ยวไส้ขึ้นฉ่าย แต่ว่าท่านลืมเก็บไปด้วย”
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา ซูตานหงก็บอกเอาไว้เช่นนี้
“ได้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและเดินไปที่โรงเรือนปลูกต้นไม้ถอนขึ้นฉ่ายมาให้หนึ่งกำมือ ต้นขึ้นฉ่ายอวบน้ำส่งกลิ่นหอมแรงกำจายไปทั่ว ช่างหอมเหลือเกิน
“พี่ชายสามมาแล้ว” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้ม
“คุณแม่บอกว่าจะทำเกี๊ยวขึ้นฉ่าย พี่เลยเก็บมาให้น่ะ ตอนนี้ท่านไปไหนแล้วล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
อวิ๋นลี่ลี่เหลือบมองขึ้นฉ่ายกรอบอวบน้ำและเอ่ยตอบ “คุณแม่ไปหาคุณป้าข้างบ้านอยู่น่ะค่ะ แล้วฉันก็มาเกือบจะเวลาเดียวกันกับที่คุณแม่ออกไปพอดี”
ขณะกำลังพูดอยู่นั้น คุณแม่จี้ก็กลับมาจากข้างนอกและเห็นลูกชายพอดี นางจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่มัวแต่คุยกับตานหงอยู่น่ะ ก็เลยไม่มีเวลาเก็บมันมา”
“ให้ผมเก็บให้ก็ได้นะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“คืนนี้แกอย่าเพิ่งทำเกี๊ยวให้ตานหงเลย แม่จะทำเผื่อไว้ให้เอง” คุณแม่จี้บอก
“ไม่จำเป็นหรอกครับ บ้านผมมีตู้เย็นอยู่ เราทำอาหารกันเองได้ แม่ทำของแม่เถอะครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย แล้วเขาก็กลับไป
“คุณแม่คะ ขึ้นฉ่ายนี่ดูสดมากเลย เพิ่งเก็บมาจริง ๆ เหรอ? ที่บ้านพี่สามมีเยอะไหมคะ?” อวิ๋นลี่ลี่ถาม
“ปลูกไว้แค่นิดหน่อยเองน่ะ” คุณแม่จี้ตอบ
อวิ๋นลี่ลี่พลันคลี่ยิ้ม “งั้นก็เยี่ยมไปเลยค่ะ ฉันเองก็ชอบกินขึ้นฉ่ายเหมือนกัน ภายหน้าฉันคงกินได้ทุกวันเลยล่ะค่ะ”
คุณแม่จี้ได้ฟังก็เหลือบมองหล่อน “ฉันก็เก็บมาแค่บางครั้งเท่านั้นแหละ จะมีให้เก็บตลอดได้ยังไง? ตานหงปลูกไว้แค่นิดเดียวจะไปกินทุกวันได้เหรอ?”
นี่คือขึ้นฉ่ายที่ตานหงปลูกไว้กินเองโดยเฉพาะ ไม่ได้จะปลูกไว้ทำคะแนนกับใคร ดังนั้นเธอจะยอมให้บ้านสี่มาเก็บกินทุกวันหรือ?
และขึ้นฉ่ายนี้ก็ดีกับตัวตานหง คุณแม่จี้ยังต้องการใช้บำรุงหลานชายคนนี้อยู่ นางจึงปฏิเสธคำขอของสะใภ้สี่ไปโดยไม่ต้องคิด
รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นลี่ลี่แข็งค้างไป พร้อมกันนั้นหล่อนก็เอ่ยขึ้น “ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ค่อยมาเก็บเป็นบางครั้งบางคราวก็ได้ จริงสิ คุณแม่คะ พี่สามซื้อตู้เย็นกับเครื่องซักผ้ามาแล้วใช่ไหมคะ?”
“อืม มันคือการตอบแทนบุญคุณของตานหงด้วยน่ะ หล่อนรู้ว่าแม่เอวไม่ดีช่วยงานหล่อนมากไม่ได้ หล่อนก็เลยขอให้เจี้ยนอวิ๋นซื้อเครื่องซักผ้ากลับมา มันซักผ้าสะดวกขึ้นเยอะเลย” คุณแม่จี้บอก
“ถ้างั้นฉันต้องรบกวนพี่สะใภ้สามแล้วล่ะค่ะ ที่บ้านมีผ้าต้องซักอีกเยอะเลย นับว่าปีนี้ค่อยเบาแรงไปได้บ้างแล้ว” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้ม
คุณแม่จี้เหลือบมองหล่อน “ก็ได้นะ เธอค่อยไปขอซักตอนที่เจี้ยนอวิ๋นอยู่บ้านก็แล้วกัน”
สะใภ้บ้านสี่คนนี้ช่างเป็นคุณนายจอมเจ้าเล่ห์โดยแท้ ในอากาศหนาวเช่นนี้หล่อนทำเพียงเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อให้อากาศหนาวเย็นเพียงใด หล่อนก็ไม่เคยซักเสื้อผ้าเลย
อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกหน้าเสียขึ้นมานิดหน่อย มันหมายความว่าอย่างไรที่บอกให้ไปซักตอนที่พี่ชายสามอยู่ที่บ้าน ถ้าพี่ชายสามไม่อยู่ที่บ้านแล้วจะขอให้ซูตานหงซักให้หล่อนไม่ได้หรือ?
อวิ๋นลี่ลี่จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันกับลูกสาวของหล่อน และรวบรวมเสื้อผ้าทั้งหมดมาที่บ้านครอบครัวสาม
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เดินมาเปิดประตู ที่มาพร้อมกับเขานั้นเป็นสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่งสูงราวครึ่งคน ซึ่งเจ้าสุนัขตัวใหญ่ก็จ้องมองหล่อนพลางส่งเสียงขู่ในลำคอ
อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย เพียงแค่เห็นมันครั้งแรก หล่อนก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะรู้สึกกลัวด้วยซ้ำ!
“พี่…พี่สามีสามคะ นี่หมาของพี่เหรอ?” อวิ๋นลี่ลี่พูดตะกุกตะกัก
“ต้าเฮย กลับไป” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าพลางสั่งกับต้าเฮย
ต้าเฮยเหลือบมองอวิ๋นลี่ลี่และค่อย ๆ หมุนตัวกลับไป แต่ต่อให้กลับหลังหันไปแล้ว มันก็ยังมองอวิ๋นลี่ลี่อยู่ราวกับพร้อมที่จะกระโจนใส่ถ้าคนแปลกหน้าคนนี้ขยับตัวทำอะไรเกินเลย
อวิ๋นลี่ลี่กลืนน้ำลายพลางยิ้มแห้งให้จี้เจี้ยนอวิ๋น “พี่สาม ฉันเอาเสื้อผ้ามาด้วยกะจะขอใช้เครื่องซักผ้าบ้านพี่ซักน่ะค่ะ”
จี้เจี้ยนอวิ๋นเหลือบมองหล่อนและเอ่ยตอบ “เครื่องซักผ้าตอนนี้ใช้ซักเสื้อผ้าของเหรินเหรินอยู่น่ะ ถ้ามีเสื้อผ้าของคนที่เป็นหวัดอยู่ด้วย พี่เกรงว่าจะต้องหยิบออก”
“ไม่ ไม่หรอกค่ะ มีแค่เสื้อผ้าฉันกับเวยเวยเท่านั้น” อวิ๋นลี่ลี่พูดอย่างรวดเร็ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและพาหล่อนเข้ามา
อวิ๋นลี่ลี่เหลือบมองสุนัขดำตัวใหญ่ที่แสดงท่าทางปกป้องราวกับหล่อนเป็นขโมย จากนั้นหล่อนก็เข้าใจในสิ่งที่แม่สามีบอกไว้ก่อนที่หล่อนจะมา มีสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้อยู่ที่บ้านแล้ว หล่อนก็ไม่กล้ามาถ้าเกิดพี่ชายสามไม่อยู่ที่บ้านหรอก
ซูตานหงคนเดียวคงช่วยอะไรหล่อนไม่ได้ หากสุนัขตัวนี้กระโจนใส่หล่อนล่ะก็ ไม่ต้องคิดถึงเลย
“ใช้เป็นไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“เป็นค่ะ ที่บ้านฉันก็มีเครื่องหนึ่ง” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้ม
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าพี่ชายสามเป็นทหารเก่าหัวรั้นและตรงไปตรงมาแล้วล่ะก็ หล่อนคงคิดว่าเขาจงใจดูถูกหล่อน
อย่าว่าอย่างนั้นเลย เครื่องซักผ้าไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปสามารถใช้ได้จริง ๆ แต่ด้วยความที่บ้านหล่อนมีอยู่หนึ่งเครื่องและยังใช้เงินจำนวนมากซื้อมันมา จึงทำให้หล่อนใช้เป็นอยู่
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพัง “เธอใช้ซักได้เลย เครื่องซักผ้าอยู่ตรงนั้นนะ”
หลังชี้บอกตำแหน่งเครื่องซักผ้าให้แล้ว เขาก็กลับเข้าครัวไปวุ่นวายทำอาหารต่อ
อวิ๋นลี่ลี่โยนเสื้อผ้าของหล่อนลงไปและเทผงซักฟอกตาม จากนั้นก็ถามขึ้น “พี่สามีสามคะ พี่สะใภ้สามอยู่ไหนเหรอ?”
พวกเขาเรียกสรรพนามไม่เหมือนกับที่อื่น คำว่าพี่สามียังคงเป็นพี่สามี แต่คำที่ภูมิภาคอื่นเรียกว่าป้านั้นจะแปลว่าพี่สะใภ้ เหมือนกับพื้นที่ตอนใต้บางส่วนในมณฑลฝูเจี้ยน
“ดูแลเหรินเหรินอยู่ในห้องน่ะ เด็กนั่นติดแม่มาก อยู่ห่างแม่เพียงชั่วครู่ไม่ได้เลย เธอจะไปเยี่ยมหล่อนก็ได้นะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
อวิ๋นลี่ลี่รับคำ จากนั้นก็เดินมา
หล่อนเคาะประตูแล้วร้องเรียก “พี่สะใภ้สามคะ พี่อยู่ไหมคะ?”
แม้ว่าลึก ๆ แล้วซูตานหงจะไม่อยากยุ่งกับน้องสะใภ้คนนี้เลย แต่เธอก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติและเอ่ยกลับไป “อยู่จ้ะ สะใภ้สี่เธอเข้ามาได้เลย”
อวิ๋นลี่ลี่เปิดประตูเดินเข้ามา ทันทีที่เข้ามาในห้อง หล่อนก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนผ่าว เห็นได้ว่าเตียงเตาถูกจุดให้อุ่นขนาดไหน
ตอนที่หล่อนเข้ามานั้น ซูตานหงกำลังถือขวดนมให้เหรินเหรินน้อยดูดน้ำอยู่ ซึ่งเด็กน้อยก็ถือขวดนมขวดเล็กดูดน้ำอย่างมีความสุข
“นี่หลานชายของฉันเหรอคะเนี่ย หล่อจังเลย” อวิ๋นลี่ลี่เริ่มเอ่ยยกยอในทันทีที่เห็น
ต่อให้จริง ๆ แล้วหล่อนจะไม่ทันได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ
ซูตานหงเองก็ชอบให้คนอื่นชมลูกชายเช่นกัน แต่ยังคงเอ่ยอย่างถ่อมตัวด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้ติดพี่แจจนวัน ๆ พี่ไปไหนมาไหนไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นเขาคงตะเบ็งร้องจนได้ยินไปครึ่งหมู่บ้านน่ะจ้ะ”
“เด็กก็แบบนี้แหละค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้ม
บางทีอาจเป็นเพราะได้ยินเสียง เหรินเหรินน้อยจึงหันหน้ามามองหล่อน
คราวนี้อวิ๋นลี่ลี่เป็นฝ่ายอึ้งไปบ้าง หล่อนยกมือป้องปาก ไม่คิดเลยว่าหลานชายตัวน้อยจะมีหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้
“พี่สะใภ้สามคะ ดูเหมือนหลานชายของฉันจะมีอายุอย่างมากสามเดือนแล้วนะคะเนี่ย” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยอย่างอดไม่ได้
หล่อนเคยได้ยินคุณแม่จี้พูดในตอนที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อคราวที่แล้วเช่นกัน ซึ่งประมาณอายุกันเต็มที่แล้วก็ไม่น่าเกินสองเดือนนี่ถูกไหม?
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แปลแล้วก็กำหมัดแน่นกับอวิ๋นลี่ลี่ บ้านเธอก็มีเครื่องซักผ้าแต่มาขอคนอื่นใช้เนี่ยนะ แต่ถ้าไม่ให้ใช้เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก เฮ้อ
ไหหม่า(海馬)
Related