บทที่ 102 พ่อไก่เหล็กที่ยอมทิ้งขน
หยางชุ่ยฮวาที่เคยตระหนี่ประหนึ่งพ่อไก่เหล็กบัดนี้ยอมถอนขนแล้ว ทำให้คนทั้งบ้านตื้นตันสุด ๆ
ถึงจางซิ่วเอ๋อจะไม่ชอบสีของแถบผ้า เพราะดูสูงวัยเกินไปหน่อย แต่นางก็ใช้รัดผมอย่างไม่รังเกียจ
แม้แต่หนีจื่อยังผูกผมเป็นโบด้วยแถบผ้า
ส่วนป้าหยวนยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้านตระกูลโจวด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
ตระกูลโจวเป็นอะไรไป? ทุกครั้งที่แม่โจวกลับมา ตระกูลโจวต้องชุลมุนวุ่นวายเหลือแสน ครั้งนี้กลับดูรักใคร่กลมเกลียวผิดปกติ
ป้าหยวนรั้งตัวซานหยาที่เล่นอยู่ข้างนอกแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เอ๊ะ ซานหยา แถบผ้าบนหัวเจ้าสวยจริง ใครซื้อให้เหรอ?”
ป้าหยวนคิดอยู่ว่าเป็นแม่โจวที่แอบซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาพะเน้าพะนอหยางชุ่ยฮวาหรือไม่ หยางชุ่ยฮวาถึงยอมให้พวกนางอยู่บ้าน
จางซานหยาไม่เหมือนเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ตอนที่เห็นป้าหยวนก็รู้ว่าป้าหยวนไม่ใช่คนดี นางเบี่ยงหลบมือของป้าหยวนที่เอื้อมมาแล้วบอก “ป้าสะใภ้ใหญ่ข้าซื้อให้!”
ป้าหยวนตาโต นางไม่อยากจะเชื่อว่าหยางชุ่ยฮวาจะทำเรื่องแบบนี้
“อะไรนะ! ป้าใหญ่เจ้าเป็นคนซื้อเหรอ?” ป้าหยวนถามอึ้ง ๆ
ขณะนั้นหยางชุ่ยฮวายกน้ำออกมากะละมังหนึ่งแล้วสาดใส่ป้าหยวน “ข้าเป็นคนซื้อเอง เกี่ยวอะไรกับเจ้า? ทำไม? ดูถูกกันรึ!”
ซ่า….น้ำถูกสาดออกมา
ป้าหยวนรีบเบี่ยงหลบเข้าด้านข้าง ถึงไม่โดนสาด
นางมองพื้น และตาแหลมไปเห็นขนไก่ในน้ำแล้วก็ต้องตะลึงอีกครั้ง
นี่ตระกูลโจวจะเชือดไก่ให้แม่โจวกินด้วยเหรอ?
แต่หยางชุ่ยฮวาไม่ให้โอกาสป้าหยวนได้สอดส่องอีก เวลานี้นางลากจางซานหยาและไหลเป่าเข้าบ้านและปิดประตู ปากก็ไม่ลืมกำชับ “ซานหยา หมู่บ้านโกวจือมีพวกลักพาตัวเด็ก เจ้าระวังโดนคนหลอกขึ้นเขาไปเป็นอาหารหมาป่านะ”
จางซานหยากลอกตาอย่างเหนื่อยใจ ป้าสะใภ้ใหญ่เห็นนางโง่เหรอ? หลอกขึ้นเขาไปเป็นอาหารหมาป่าเนี่ยนะ ใครจะว่างจนทำเรื่องแบบนั้น? โดนหลอกไปขายยังจะน่าเชื่อกว่านี้อีก
ป้าหยวนไม่ได้อะไร ได้แต่หางลีบกลับบ้าน
วันต่อ ๆ มา หยางชุ่ยฮวาจับปลาได้จำนวนหนึ่งทุกวัน นางจึงอารมณ์ดีขึ้น ตอนทำกับข้าวก็กล้าใส่วัตถุดิบลงไปอย่างไม่หวง
แม่ลูกสี่คนอยู่บ้านตระกูลโจวมาแล้ว 5 วัน ในใจแม่โจวจึงเริ่มมีความคิดว่าจะกลับไปบ้านจางดีหรือไม่
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าหนนี้แม่โจวมาโดยไม่สนอะไร แต่ลึก ๆ ในใจนางยังมีความกังวลอยู่มากมาย
แม่โจวทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีขั้นสุดแล้ว
จู่ ๆ จะเปลี่ยนแม่โจวให้เป็นคนเข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเองโดยตัดขาดจากตระกูลจางโดยสิ้นเชิง ไม่สนว่าคนของตระกูลจางจะคิดอย่างไรนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก
ก็ก่อนหน้านี้แม่โจวอ่อนแอมาตั้งเนิ่นนานนี่นา?
ตอนนี้แม่โจวมองจางซิ่วเอ๋ออย่างมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด “ซิ่วเอ๋อ เจ้าคิดดู เราออกมาตั้งนานแล้ว…..”
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมา รู้สึกว่าอยู่บ้านตระกูลโจวตลอดก็ไม่ดีเหมือนกัน
ถึงแม้ตอนนี้หยางชุ่ยฮวาไม่พูดถากถางประชดประชันแล้ว กลับสนิทสนมจนมากไปด้วยซ้ำ แต่จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าอย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่บ้านตัวเอง
บวกกับนางเองก็ไม่ใช่จางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่าง ไม่ได้ต่อต้านความสัมพันธ์ครอบครัวนี้ แต่ในใจก็รู้สึกไม่สนิทใจอยู่บ้าง
และการที่พวกนางอยู่ที่นี่ ถึงจะไม่ได้กินได้ใช้อะไรของตระกูลโจว แต่ในบางมุมก็กระทบการทำงานในไร่ของตระกูลโจวอยู่เหมือนกัน
พอคิดได้แบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าต้องกลับได้แล้ว
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ท่านแม่ ข้ารู้เจ้าค่ะ เช่นนั้นพรุ่งนี้เรากลับกันเลย”
แม่โจวคิดไม่ถึงว่าจางซิ่วเอ๋อจะรับปากง่ายขนาดนี้ นางนึกว่าจางซิ่วเอ๋อจะไม่อยากให้นางกลับบ้านตระกูลจางเพราะเรื่องของนางเสียอีก
ที่จริงแม่โจวก็ไม่อยากกลับไป แต่ลึก ๆ แล้วแม่โจวเป็นผู้หญิงเรียบง่าย ในหัวของนางไม่ได้คิดอะไรมาก รู้เพียงตอนนี้ตัวเองเป็นคนตระกูลจาง ช้าเร็วก็ต้องกลับไป
ส่วนเรื่องจะหย่าอะไรนั่นที่จางซิ่วเอ๋อคิด แม่โจวไม่กล้าคิดหรอก!
จางซิ่วเอ๋อเข้าใจความลำบากใจของแม่โจว ตอนนี้จะมาใช้อารมณ์กับแม่โจวก็ไม่มีความหมายใด ๆ ในเมื่อยังเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ ก็ได้แต่ประคับประคองไปก่อน
ตอนนี้แม่โจวรู้แล้วว่าจะยอมคนอื่นไปตลอดไม่ได้ นางมีการตอบโต้กลับบ้างแล้ว ถือว่ามีการพัฒนา
แม่โจวกล่าว “งั้นข้าไปบอกท่านยายเจ้ากับคนอื่น ๆ ก่อนนะ”
แม่เฒ่าโจวรู้เรื่องแล้วสีหน้าเปลี่ยนในทันใด “อะไรนะ? จะไปแล้วเหรอ? เจ้าไม่ได้กลับมาตั้งหลายปี เพิ่งอยู่บ้านได้ไม่กี่วันก็จะไปแล้วเหรอ?”
แม่เฒ่าโจวพูดไปน้ำตาจะไหล คงคิดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่ได้เจอบุตรสาวมาหลายปี
จางซิ่วเอ๋อเดินเข้ามาปลอบเสียงเบา “ท่านยาย อย่าร้อนใจไปเลยเจ้าค่ะ ครั้งนี้ข้ารับประกันว่าเราจะไม่กลับมาแบบนานทีปีหนแล้ว ตอนนี้ความเป็นอยู่ของเราไม่เหมือนเมื่อก่อน ถึงตอนนั้นแม่ข้าอยากกลับมาเยี่ยมท่านยายก็เป็นเรื่องง่ายมาก!”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “และตอนนี้ท่านยายก็น่าจะไปเยี่ยมพวกเราที่หมู่บ้านชิงสือได้แล้ว”
จางซิ่วเอ๋อทอดสายตาไปที่หยางชุ่ยฮวา
เมื่อก่อนสองตระกูลไม่ได้ไปมาหาสู่กัน หยางชุ่ยฮวานับเป็นตัวการสำคัญเชียวนะ
หยางชุ่ยฮวากระแอมอย่างกระอักกระอ่วน และเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ ถ้าอีกหน่อยท่านอยากไปเยี่ยมเหมยจื่อ ข้าจะไปกับท่านเอง ถึงแม้คนตระกูลจางจะน่ารังเกียจไปบ้าง แต่ข้าจะไม่ยอมให้คนตระกูลจางทำอะไรแน่”
“ถึงตอนนั้นที่เราไปก็จะได้เป็นกองหนุนให้เหมยจื่อได้ด้วย ให้คนตระกูลจางได้รู้ว่าเหมยจื่อก็เป็นคนมีบ้านมีครอบครัว!” หยางชุ่ยฮวาพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่
สำหรับคนเห็นแก่ผลประโยชน์อย่างหยางชุ่ยฮวา ตอนนี้นางไม่ต่อต้านการไปมาหาสู่กับแม่โจวเลยสักนิด
แถมนางอยากให้ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ด้วยเสียอีก นางคิดว่าตอนนี้จางซิ่วเอ๋อน่าจะมีเงินไม่น้อย ไม่อย่างนั้นกลับมาหนนี้คงไม่ซื้อของมากมายขนาดนี้หรอก ถ้านางเกาะขอผลประโยชน์ได้บ้างก็คงดีไม่น้อย
พอได้การรับประกันจากหยางชุ่ยฮวา แม่เฒ่าโจวก็ได้สติ
รู้ว่าหลังจากนี้หยางชุ่ยฮวาคงไม่ขวางไม่ให้แม่โจวเข้าบ้าน และไม่ห้ามนางไปเยี่ยมแม่โจวแล้ว
พอคิดได้แบบนี้แม่เฒ่าโจวก็อารมณ์ดีขึ้น นางมองแม่โจวแล้วบอก “ถ้าเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็ควรกลับไปได้แล้ว”
แม่เฒ่าโจวก็สงสารแม่โจว กลัวว่าชีวิตของแม่โจวที่บ้านตระกูลจางจะไม่มีความสุข แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ บุตรสาวแต่งออกไปแล้ว ถึงนางสงสารแค่ไหนก็ให้บุตรสาวอยู่บ้านไปตลอดไม่ได้
แม่เฒ่าโจวมองหยางชุ่ยฮวาพลางกล่าว “ชุ่ยฮวา คืนนี้เรากินเกี๊ยวกัน เหลือไส้นิดหน่อยแขวนอยู่ในบ่อน้ำ พรุ่งนี้ทำเป็นซาลาเปาให้เหมยจื่อและเด็ก ๆ เอาไปกินระหว่างทาง”
……………………………………………