บทที่ 132 รถชน
ชายชุดเทาอึ้งที่จางซิ่วเอ๋อเปลี่ยนหน้าไวขนาดนี้ เถี่ยเสวียนที่ขายของป่าอยู่ข้าง ๆ ยิ่งทนไม่ไหวเข้าไปใหญ่ เขาอยากจะพูดอะไรแต่โดนชายชุดเทาถลึงตาใส่ จึงได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับไป
ชายชุดเทาพูดตามน้ำจางซิ่วเอ๋อไป “ข้าจำคนผิดเอง เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเนื้อหมูป่านี่ขายอย่างไร”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ชั่งละ 15 เหรียญ”
นางช่วยชีวิตเขาด้วยสองรอบ ขอเพิ่มอีก 2 เหรียญก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเนื้อหมูที่นางขายได้ราคาสูงสุดก็อยู่ที่ราคานี้ ชายชุดเทากินข้าวต้มตัวเองไปตั้งครึ่งหม้อ ตัวเองจะขอกำไรบ้างคงไม่เกินไป
เถี่ยเสวียนเห็นจางซิ่วเอ๋อขึ้นราคาเสียเฉย ๆ ก็มีสีหน้าอดกลั้นสุดขีด ถ้าไม่ใช่แม่นางที่ชื่อจางซิ่วเอ๋ออะไรนี่เป็นผู้มีพระคุณเคยช่วยชีวิตของเจ้านายไว้ เขาอยากจะตบจางซิ่วเอ๋อให้ตายคามือจริง ๆ!
ชายชุดเทาหยิบถุงเงินตัวเองออกมาและเทเหรียญทั้งหมด “เจ้าดูซิว่าซื้อได้เท่าไหร่?”
“ 10 ชั่ง” จางซิ่วเอ๋อนับและบอก
“งั้นเอาเนื้อให้ข้า 10 ชั่ง” ชายชุดเทากล่าว
จางซิ่วเอ๋อเห็นชายชุดเทาจะแทนคุณมีหรือจะไม่ให้โอกาส? นางหั่นเนื้ออย่างช่ำชอง และคิดว่าชายชุดเทานี่ดูแล้วขี้โรคอาจจะยกเนื้อไม่ไหว จึงแถมตะกร้าสานใบเล็กให้
จางซิ่วเอ๋อขายออกไปได้ทีเดียว 10 ชั่ง จึงเหลือเพียงไม่กี่ชั่ง
เนื้อหมูป่าค่อนข้างมีตลาด
มีคนจำนวนมากชอบกิน และจางซิ่วเอ๋อกำลังทำเวลาจึงขายในราคาที่ถูกใจทุกคน คนที่ยังมอง ๆ อยู่เมื่อเห็นมีคนซื้อในราคา 15 เหรียญ จึงรู้สึกว่าได้ในราคา 12 เหรียญนั้นคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม มีหรือจะไม่ซื้อบ้าง?
เนื้อไม่กี่ชั่งที่เหลือโดนแย่งกันซื้อจนเกลี้ยง
จางซิ่วเอ๋อมาขายเนื้อที่นี่ได้เงินไปทั้งหมด 2 ตำลึงเงินกว่า ๆ
ขากลับจางซิ่วเอ๋อจึงซื้อเต้าหู้มาก้อนหนึ่ง คิดไปคิดมานางซื้อพวกชาไปด้วย
จางซิ่วเอ๋อจะไปรู้ได้อย่างไรกันว่าตอนนี้ชายชุดเทาและเถี่ยเสวียนออกจากที่ที่จางซิ่วเอ๋อขายเนื้อไปอยู่ในซอยไร้ผู้คนแล้ว
เถี่ยเสวียนชักสีหน้าใส่ความไม่เอาอ่าวของเจ้านาย “เจ้านายเอ๋ย เจ้านายเอาเงินที่ขายของป่าเมื่อวานไปให้จางซิ่วเอ๋อหมดได้อย่างไรกัน? ไหนเจ้านายบอกว่าทำเรื่องเมื่อวานจบเท่ากับแทนคุณหมดแล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”
เถี่ยเสวียนรู้จักชื่อจางซิ่วเอ๋อ พวกเขาไม่ได้ไปสืบสวนอะไรและไม่มีความจำเป็นด้วย นางเป็นแค่สาวชาวไร่ธรรมดา ๆ ในหมู่บ้านนี้ แต่เถี่ยเสวียนเคยได้ยินแม่หลินเรียกชื่อจางซิ่วเอ๋อ จึงจำมา
ชายชุดเทายกตะกร้าในมือขึ้นพลางเอ่ย “ไม่ได้ให้ไปเฉย ๆ เสียหน่อย ก็ได้เนื้อมาไม่ใช่หรือ?”
ชั่วขณะหนึ่ง เถี่ยเสวียนก็ไม่มีอะไรจะเถียง
พักใหญ่กว่าเถี่ยเสวียนจะพูดขึ้น “ต่อให้พวกเรามีเนื้อก็ไม่มีที่ปรุงอาหารหรอกขอรับ”
ชายชุดเทากล่าว “เอาไปขาย”
ไม่นานนัก เถี่ยเสวียนก็ไปอีกสถานที่เพื่อขายเนื้อ เขาไม่มีหน้าจะขายที่เดิมหรอก ถ้าคนอื่นรู้ว่าเจ้านายตัวเองซื้อเนื้อมาในราคาสูง แล้วขายด้วยราคาต่ำกว่า ต้องมีคนคิดว่าเขาเป็นไอ้โง่แน่ ๆ
จางซิ่วเอ๋อที่ไปแล้วจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
เรื่องวันนี้ไม่ว่าจะเป็นจางซิ่วเอ๋อหรือชายชุดเทาต่างพึงพอใจอย่างมาก แต่น่าสงสารเถี่ยเสวียนที่ยังขายเนื้อหมูป่าด้วยความอดสู
จางซิ่วเอ๋อมองฟ้าขณะออกจากเมือง นางทำทุกอย่างเร็วมากแล้ว แต่ก็เลยเวลาถึงมื้อเที่ยง กว่านางจะกลับไปถึงคงเป็นเวลาบ่ายแก่มากแล้ว
แต่เมื่อคิดไปว่าเวลานี้ชุนเถาน่าจะถึงบ้านแล้ว คงจะช่วยตัวเองทำกับข้าวไปแล้วส่วนหนึ่ง จางซิ่วเอ๋อจึงสบายใจขึ้น
และในตอนนั้นเองก็มีรถม้าเร็วจี๋คันหนึ่งพุ่งออกมา หากรถของจางซิ่วเอ๋อเป็นรถม้าเหมือนกันอาจจะทำอะไรทัน แต่จางซิ่วเอ๋อขับรถลากวัว จะทำอะไรทันได้อย่างไร?
หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อเห็นรถม้า ก็ดึงเชือกสนตะพายวัวไว้สุดชีวิต แต่วัวเฒ่าตัวนี้ยังคงนิ่งไม่ไหวติงแม้ภูเขาไท่ซานจะถล่มตรงหน้า มันส่งเสียงร้องมอและหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม
จางซิ่วเอ๋อคิดว่านางตั้งฉายาให้วัวตัวนี้ได้แล้วว่าเจ้าบื้อ
มิน่าล่ะแม่เฒ่าซ่งถึงไม่เต็มใจขนาดนั้น แต่สุดท้ายก็ยอมให้นางยืมวัว วัวตัวนี้เชื่องเกินไปนี่เอง แม่เฒ่าซ่งจึงวางใจว่าไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน
แต่แม่เฒ่าซ่งคงคาดไม่ถึง หากวัวเชื่องเกินไปอาจจะมีภัยพุ่งเข้ามาเองได้
อย่างเช่นสถานการณ์ตรงหน้า……
จางซิ่วเอ๋อดึงวัวเสร็จก็ได้พลาดช่วงเวลาที่สามารถหนีไปได้แล้ว ตอนนี้นางไม่อาจหลีกไปไหนได้
เมื่อเห็นอยู่ว่ารถม้าคันนั้นกำลังจะพุ่งมาชน จางซิ่วเอ๋อก็มีเพียงความคิดเดียวคือชีวิตตนคงหาไม่แล้ว หากทะลุมิติได้อีกครั้ง นางก็ขอไม่เจอญาติสุดโต่งอย่างตระกูลจางอีก…..
และในขณะนั้นเอง ก็มีพัดร่อนออกมาจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
ส่วนปลายของพัดอันแหลมคมทิ่มไปที่ส่วนคอด้านข้างของม้า ม้าเอียงคอและลากรถม้าวิ่งเฉออกไป
ม้าที่เดิมวิ่งเร็วจี๋อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ได้รับความตกใจจึงพุ่งเฉออกไป แต่ทิศที่วิ่งไปเป็นคูน้ำและไม่มีทางให้ไปต่อ
จางซิ่วเอ๋อเบิกตากว้างมองรถม้าที่คว่ำอยู่ในคูน้ำ
จางซิ่วเอ๋ออึ้งไปหมด
ตอนแรกนางตกใจจนอึ้งไปในตอนนี้ เป็นเวลาพักใหญ่กว่าจางซิ่วเอ๋อจะได้สติกลับมา
และโชคดีที่เป็นรถม้า ต่อให้รถจะเร็วแค่ไหนก็ไม่เร็วมากจนเกินไป คนกระเด็นออกไปไม่ได้ซวยมาก คงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
รอจนจางซิ่วเอ๋อได้สติกลับมา ความรู้สึกแรกคือต้องรีบไป!
ไม่อย่างนั้นปัญหาต้องมาถึงตัวแน่
แต่จริยธรรมในใจกลับทำให้จางซิ่วเอ๋อไปไหนไม่ได้
ถึงแม้เมื่อครู่นี้ตอนที่รถม้าพุ่งเข้ามาถือว่าผิด แต่สุดท้ายคนในรถม้าก็รักษาชีวิตนางไว้ได้ จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าถ้าตัวเองไปทั้งแบบนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก
แต่นางกลับรู้สึกร้อนรนและสับสนสุดขีด
รถม้าคู่กรณีดูปราดเดียวก็เห็นว่าหรูหรา ถ้าคนฝั่งตรงข้ามเป็นคนไร้เหตุผล คนต่ำต้อยอย่างนางคงสู้ไม่ได้….
และในตอนนี้ มีเสียงร้องโอดโอยดังมาจากรถม้า “โอ๊ย เจ็บ”
จากนั้นชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งคลานขึ้นมาจากร่องน้ำ ก่อนจะพยุงอีกคนออกมาจากรถม้า “คุณชาย ไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”
จางซิ่วเอ๋อมองเด็กติดตามแล้วรู้สึกคุ้นตา จากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็เห็นชายหนุ่มชุดผ้าแพรได้อย่างแจ่มแจ้ง
เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดูมุ่งร้าย ไม่โมโหก็ดูมีอำนาจ
คน ๆ นี้….
คุ้นตามากเช่นกัน…..
คุณชายฉินนี่เอง……
จางซิ่วเอ๋อหน้าเสีย โลกช่างกลมจริง ๆ นี่มันคุณชายฉินที่นางพยายามหลบหน้ามาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?
ครั้งก่อนนางล่วงเกินคุณชายฉินไว้ แต่คุณชายฉินนอกจากจะไม่ได้ทำอะไรนางกลับตกรางวัลให้นาง เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เถี่ยเสวียนคือตัวแบกทั้งหมดของตอนนี้ สู้ ๆ นะคะ
ซวยแล้วซิ่วเอ๋อ ตาคุณชายนี่เป็นพวกแค้นฝังหุ่นด้วย จะทำอะไรน้องไหมนะ
ไหหม่า(海馬)