บทที่ 136 ดักรออีกครั้ง
หลังจากที่จางชุนเถาไปซื้อเหล้าไม่นาน แม่ม่ายหลิวก็มานั่งยอง ๆ อยู่ใกล้กองฟืนนอกป่าผีสิง อยากเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อชวนใครมากินเลี้ยง
ถ้าเป็นท่านหมอเมิ่งนางจะได้มั่นใจ
แต่แม่ม่ายหลิวหวังจากใจว่าจะไม่ใช่ท่านหมอเมิ่ง นางอยากให้ผู้ชายที่ออกมาจากป่าผีสิงของจางซิ่วเอ๋อเป็นผู้ชายคนอื่นเหลือเกิน
แบบนี้จะได้พิสูจน์ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี เช่นนี้นางจะได้เล่าเรื่องนี้ให้ท่านหมอเมิ่งฟัง
ท่านหมอเมิ่งจะไปชอบสตรีเหลวแหลกอย่างจางซิ่วเอ๋อได้อย่างไรอีก?
เฮอะ นางไม่เชื่อหรอกว่าแม่ม่ายอายุน้อยอย่างจางซิ่วเอ๋อจะรัดสายคาดเอว*ได้แน่นจริง ๆ!
*เป็นความหมายว่าใจง่าย เหมือนสายคาดเอวที่พร้อมจะถอดทุกเมื่อ
ถ้าทำได้จริง ก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีสัมพันธ์กับท่านหมอเมิ่งหรอก เรื่องรื่นรมย์ของชายหญิงแบบนี้หากยังไม่รู้รสก็ยังไม่เท่าไร หลังจากได้ลิ้มรสแล้วหยุดไม่ได้เลยล่ะ
ท่านหมอเมิ่งจะมาที่นี่ทุกวันคงไม่ได้ จางซิ่วเอ๋อนั่นจะทนเหงาไหวจริงเหรอ
ในขณะที่แม่ม่ายหลิวกำลังก่นด่าจางซิ่วเอ๋ออยู่ในใจ ก็เห็นท่านหมอเมิ่งเดินออกมาจากข้างใน
แม่ม่ายหลิวหน้าเสีย โกรธจนหน้าแดง เกือบจะพุ่งออกไปขวางท่านหมอเมิ่งไว้
แต่นางไม่ได้โง่ รู้ว่าถ้าท่านหมอเมิ่งรู้เข้าว่าตัวเองจับตาดูจางซิ่วเอ๋อแบบนี้ ท่านหมอเมิ่งต้องเข้าข้างจางซิ่วเอ๋อแน่ ๆ
หลังจากที่ท่านหมอเมิ่งไปแล้ว แม่ม่ายหลิวก็หมดความสนใจจะเฝ้าอยู่ที่นี่
ดังนั้น แม่ม่ายหลิวจึงไม่เห็นตอนที่บัณฑิตจ้าวเดินออกมา
ส่วนจ้าวเอ้อร์หลางหรือ? ตอนนี้ต้องไปช่วยจางซานหยาตัดหญ้าอยู่บนเขา
จางซิ่งเอ๋อบอกให้จางชุนเถาไปส่องดูที่บ้านตระกูลจางว่าจะเจอแม่โจวหรือไม่ เพื่อจะได้ชวนแม่โจวมากินข้าว กลางวันแสก ๆ แบบนี้เอาของกินไปให้คงไม่สะดวกเท่าไรนัก
ที่จริงจางซิ่วเอ๋ออยากเรียกแม่โจวมาตั้งแต่ตอนที่ที่บ้านเริ่มกินข้าวกันแล้ว
แต่จางซิ่วเอ๋อคิดว่าแม่โจวต้องไม่ชอบใจที่นางและจางชุนเถาไปมาหาสู่กับพ่อม่ายพวกนี้แน่ ๆ
เพื่อไม่ให้เป็นเรื่อง จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ได้ไปตามแม่โจว
รอจนแยกกันหมดแล้วถึงให้จางชุนเถาไปตาม
ส่วนตัวจางซิ่วเอ๋อก็เก็บกวาดที่บ้าน ที่จริงก็ไม่มีอะไรให้เก็บมากหรอก จ้าวเอ้อร์หลางเพิ่งกินอาหารเสร็จก็ตามช่วยจางซิ่วเอ๋อเก็บกวาด
ตอนนี้ที่บ้านจึงสะอาดทั้งข้างนอกข้างใน
จางซิ่วเอ๋ออุ่นกับข้าวที่บ้าน ส่วนหนึ่งเก็บไว้ในหม้อให้แม่โจว อีกส่วนหนึ่งจางซิ่วเอ๋อตักใส่ถ้วยใหญ่ ไว้ในตะกร้าแล้วออกจากบ้านไป
นางตั้งใจเอาไปให้บ้านจวี๋ฮวา
จวี๋ฮวาเป็นคนไม่เลว จางซิ่วเอ๋อตั้งใจจะไปมาหาสู่กันให้มากขึ้น
ส่วนแม่สามีของจวี๋ฮวานั้น จางซิ่วเอ๋อยังไม่รู้จักดีนัก นึกอยู่ในใจว่าตัวเองเอาของไปฝาก ต่อให้แม่สามีจวี๋ฮวาจะไม่พอใจขนาดไหนก็คงไม่ไล่ตัวเองออกไป
เนื่องจากจางซิ่วเอ๋อกินข้าวเที่ยงช้า กว่าจะส่งแขกกว่าจะเก็บกวาดก็ถึงเวลามื้อเย็นของบ้านอื่นแล้ว
สามีและแม่สามีของจวี๋ฮวาให้จวี๋ฮวาทำกับข้าวที่บ้าน
จะว่าไปจวี๋ฮวานี่ก็โชคดีจริง ๆ ที่ได้แม่สามีแบบนี้ เหมือนแม่แท้ ๆ ที่ไม่อยากให้นางเหนื่อยไม่อยากให้นางร้อน
ปล่องควันบ้านจวี๋ฮวามีควันลอยกรุ่นออกมา จางซิ่วเอ๋อเรียกอยู่หน้าบ้านและพบว่าไม่มีใครสนใจตัวเอง นางมองรั้วที่แง้มไว้และผลักเข้าไป
ประตูห้องครัวเปิดอยู่ มีเสียงน้ำเดือดดังออกมาจากข้างในเนือง ๆ
ดูท่าเป็นเพราะเสียงนี้แหละจวี๋ฮวาถึงไม่ได้ยิน
จางซิ่วเอ๋อจึงทักทายอยู่หน้าประตู “จวี๋ฮวาอยู่ไหม?”
ไม่นานนัก จวี๋ฮวาโผล่ออกมาจากห้องครัวที่ฟุ้งไปด้วยควัน มองจางซิ่วเอ๋ออย่างดีใจพลางกล่าว “ซิ่วเอ๋อ เจ้าเองเหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองเข้าไปในห้องครัวพลางกล่าวยิ้ม ๆ “เจ้าทำกับข้าวอยู่เหรอ?”
จวี๋ฮวาพยักหน้า “ใช่ ข้าเพิ่งจะนึ่งหมั่นโถว เดี๋ยวว่าจะผัดผักอีกจาน”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าเอาของกินมาให้เจ้า เย็นนี้เจ้าจะได้ไม่ต้องทำกับข้าวเยอะมาก”
พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็ยกถ้วยใหญ่ออกจากตะกร้า
บอกว่าเป็นถ้วยใหญ่ ก็หมายความว่าไม่ใช่ถ้วยขนาดกินข้าวทั่วไป ใหญ่กว่าถ้วยปกติอยู่ไม่น้อย เนื้อติดกระดูกเต็มถ้วยนี่พอเป็นจานเสริมให้อาหารเย็นนี้ของบ้านจวี๋ฮวา
จวี๋ฮวาอึ้งงันไป เนื้อนี่ไม่น้อยเลยนะ
“ซิ่วเอ๋อ เจ้าทำอะไรเนี่ย? ของแบบนี้ข้าไม่กล้ารับไว้หรอก” จวี๋ฮวารีบโบกมือปฏิเสธ
จางซิ่วเอ๋อกลับพูดขึ้น “เจ้าเก็บไว้เถอะ ไม่อย่างนั้นวันหน้าข้าไม่กล้ามาขออะไรจากบ้านเจ้าแล้ว”
จวี๋ฮวามองจางซิ่วเอ๋อ ไม่กล้าขออะไรกัน? จางซิ่งเอ๋อเคยมาขอแค่ผักกำเดียว ก่อนหน้านี้เคยเอาปลามาแทนคำขอบคุณแล้ว ตอนนี้เอาเนื้อมาให้อีก
“แล้วที่ข้าเอาของมาให้ครั้งนี้ก็เพื่อตอบแทนท่านป้าหวังด้วย” จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ
ท่านป้าหวังก็คือแม่สามีของจวี๋ฮวา
จวี๋ฮวามองจางซิ่วเอ๋อด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าแม่สามีตัวเองข้องแวะอะไรกับจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ “เรื่องหูครึ่งเซียนคราวก่อนโชคดีที่ได้ท่านป้าหวังช่วย ถ้าไม่ได้นางออกตัวอย่างมีคุณธรรม ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าจะถูกหูครึ่งเซียนนั่นว่าร้ายขนาดไหน”
พอพูดเรื่องนี้จวี๋ฮวาก็นึกได้
จวี๋ฮวาบอกยิ้ม ๆ “แม่สามีข้าบอกว่านางไม่ชอบหูครึ่งเซียนมานานแล้ว คราวก่อนหูครึ่งเซียนเคยจะมาต้มตุ๋นบ้านเราด้วย”
จวี๋ฮวามองจางซิ่วเอ๋ออย่างประเมิน นึกถึงที่แม่สามีบอกว่าถึงจางซิ่วเอ๋อจะเป็นแม่ม่าย แต่ความรู้เยอะ ทำอะไรเด็ดขาดกระฉับกระเฉง ไม่ใช่คนแบบแม่ม่ายหลิวแน่นอน จะไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ก็ย่อมได้
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้เลยว่าที่ตัวเองรบกับหูครึ่งเซียนจะเป็นผลให้คนตระกูลหวังมองนางดีขึ้น
จวี๋ฮวาใช้ความคิด ถ้าของนี่เอามาให้ตัวเองคงไม่อาจรับไว้ แต่จางซิ่วเอ๋อบอกว่าอยากขอบคุณแม่สามีตัวเอง
ถ้าเป็นเช่นนั้นนางไม่อาจปฏิเสธแทนในส่วนของแม่สามีได้
จวี๋ฮวาคิดในใจว่าหากแม่สามีอยู่บ้านก็คงไม่รับไว้ แต่ตอนนี้นางอยากรับไว้
ถึงตอนนั้นแม่สามีอยากคืนกลับไปก็คืนไม่ได้…..
แน่นอนว่านางไม่ได้ตะกละอยากกินเนื้อ แต่นางคิดว่าถึงตอนนั้นแม่สามีต้องรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นเด็กดี ต่อให้ปากไม่พูดอะไร แต่กินเนื้อที่จางซิ่วเอ๋อเอามาให้ต้องมองนางเปลี่ยนไปแน่ ๆ
ถึงตอนนั้นนางจะไปมาหาสู่กับจางซิ่วเอ๋อบ่อยขึ้น คนที่บ้านต้องไม่ว่าอะไรแน่นอน
จวี๋ฮวาเป็นคนนิสัยดี ปกติไม่โอ้อวดและไม่พลั้งปากบอกใคร แถมนางยังเป็นคนไหวพริบดีเฉลียวฉลาด พริบตาเดียวก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด
ในเมื่อตัดสินใจว่าจะรับไว้แล้ว จวี๋ฮวาจะไม่เสแสร้งบอกปัด
นางยิ้มและรับของเข้าไปในห้องครัว
ตอนนางออกมา อาหารในถ้วยก็ถูกถ่ายออกไปแล้ว ถ้วยถูกล้างจนสะอาด มีไข่สี่ฟองใส่ไว้ข้างใน
“ที่บ้านไม่มีของดีอะไร ไข่นี่ยังสดอยู่ เอากลับไปลองชิมดูนะ” จวี๋ฮวาบอกยิ้ม ๆ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตลกแม่ม่ายหลิวจริง อายุเยอะกว่าเด็ก ๆ พวกนี้ตั้งมาก แต่ตามติดเป็นสตอล์กเกอร์แบบนี้เนี่ยนะคะ
ซิ่วเอ๋อมีเพื่อนแล้ว ต่อไปคงจะมีคนหนุนหลังเรื่อย ๆ ล่ะ
ไหหม่า(海馬)