บทที่ 144 แม่โจวผู้เศร้าโศก
“เหมยจื่อ” จางต้าหูมีเรื่องจะขอร้องแม่โจว จึงเรียกแม่โจวเสียงหงอย
แม่โจวพูดทั้งที่ไม่หันมามอง “ท่านกินข้าวเสร็จแล้วเหรอ?”
ไม่รู้ทำไม คำพูดนี้เป็นเหมือนคำพูดธรรมดา ๆ แต่จางต้าหูฟังแล้วเหมือนถูกหนามทิ่มตำหัวใจ หน้าของเขาแดงก่ำ ยืนอึดอัดอยู่ตรงที่เดิม
“เหมยจื่อ…..เมื่อครู่ข้ากินข้าวแล้ว ทุกคนคุยกันอยู่ ข้าจึงไม่ได้ขโมยอาหารแห้งออกมาให้” จางต้าหูพูดด้วยความรู้สึกผิด
แม่โจวหัวเราะเสียงเย็นในใจ ขโมย? ปกตินางไม่เคยกินอิ่มที่โต๊ะอาหารอยู่แล้ว ก่อนมีลูกจางต้าหูไม่ค่อยสนใจนางหรอก แต่พอมีลูกจางต้าหูถึงขโมยอาหารแห้งมาให้นางบ้าง
ส่วนกับข้าวบนโต๊ะ นางกินได้แค่ไม่กี่คำเท่านั้น
น่าขำเสียจริง ตัวเองทำงานยุ่งทั้งวัน สุดท้ายแล้วจะกินข้าวให้อิ่มต้องใช้วิธีขโมยเอา!
ถ้าไม่ได้ซิ่วเอ๋อ เจ้าตัวน้อยในท้องนางจะเติบโตได้ไหมก็ยังไม่รู้!
จางต้าหูเห็นแม่โจวเงียบไม่พูดจา จึงรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องออกจะน่าอึดอัดไปหน่อยจึงพูดขี้น “ข้าจะไปดูที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้แหละว่ามีของกินไหม เดี๋ยวเอามาให้”
แม่โจวเรียกจางต้าหูไว้ และเอ่ยเรียบ ๆ “ไม่ต้องหรอก”
จางต้าหูได้ยินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวยิ้ม ๆ “เจ้ากินข้าวที่บ้านซิ่วเอ๋อแล้วใช่ไหม?”
แม่โจวหันกลับมามองจางต้าหูด้วยสายตาเย็นชา มองจนจางต้าหูขนลุกถึงยอมปริปาก “ข้ากินหรือไม่กิน หิวหรือไม่หิว ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน ท่านถามทำไม?”
จางต้าหูสัมผัสได้ถึงความเหินห่างของแม่โจว จึงรู้สึกไม่พอใจเท่าใดนัก
“เหมยจื่อ เจ้าคิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน? เจ้าเป็นเมียข้านะ ในท้องนั่นก็ลูกข้า ข้าก็ต้องเป็นห่วงสิ” จางต้าหูพูดได้น่าฟังมาก
แต่ในความรู้สึกของแม่โจวแล้วยังสู้เสียงสุนัขเห่าไม่ได้
เป็นห่วงนางจริงหรือ? ทำไมนางถึงมีชีวิตที่อัปยศอดสูถึงเพียงนี้?
แม่โจวนึกถึงเรื่องที่วันนี้จางต้าหูเข้าข้างจางอวี่หมินรังแกลูกสาวตัวเองอีกแล้วก็ยิ่งโมโห ตอนนี้มองจางต้าหูแล้วยิ่งเหม็นขี้หน้า
แต่แม่โจวไมใช่คนประเภทเหม็นขี้หน้าก็ชวนทะเลาะ
ตอนนี้แม่โจวแค่ไม่อยากสนใจจางต้าหู นางเอ่ยขึ้น “ข้าซักผ้ามาทั้งวันเหนื่อยแล้ว จะนอนแล้ว”
จางต้าหูรีบพูด “เหมยจื่อ เจ้าอย่าเพิ่งรีบนอน ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
แม่โจวได้ยินมาถึงตรงนี้ก็หน่วงขึ้นมาในใจ นึกแล้วว่าการที่จางต้าหูคุยกับนางด้วยท่าทางจริงจังแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
จางต้าหูไม่ให้โอกาสแม่โจวเลี่ยง เขาเอ่ยทันที “คืออย่างนี้ เจ้าก็รู้ว่าคราวก่อนบ้านเราทำพิธีไล่ผีให้ซิ่วเอ๋อใช้เงินไปทั้งหมด 8 ตำลึงเงินกับอีก 30 เหรียญ แล้วก็วันนี้เสื้อของอวี่หมินพัง ไหนจะเงินที่ต้องเอาไปซื้อยาลดรอยแผลเป็นอีก……”
เวลาฟังอะไรให้ฟังจากน้ำเสียง แม่โจวได้ยินจางต้าหูพูดแค่ครึ่งแรกก็รู้แล้วว่าจางต้าหูจะพูดอะไรต่อ แต่นางก็ยังถามออกไป
“แล้ว?” จางต้าหูอาจจะยังไม่รู้สึกตัวว่าน้ำเสียงแม่โจวแฝงแววเย็นเยียบ
“แล้ว…..เงินนี่ซิ่วเอ๋อต้องออกส่วนหนึ่ง” จางต้าหูพูดต่อ
แม่โจวถามเสียงเย็น “ส่วนหนึ่ง? แม่ท่านบอกแบบนั้นเหรอ?”
เมื่อครู่นี้จางต้าหูเองก็ปอดแหก ถึงได้พูดความจริงส่วนหนึ่ง พอแม่โจวซักไซ้เข้า เขาจึงพูดความจริงทั้งหมดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ทั้ง…..ทั้งหมด 9 ตำลึงเงิน”
แม่โจวเงียบ
จางต้าหูไม่รู้ว่าแม่โจวคิดอย่างไร เวลานี้จึงได้แต่พยายามโน้มน้าว “ข้าว่าเงินนี่ลูกสาวเราต้องออก แต่เจ้าก็รู้……ซิ่วเอ๋อไม่สนิทกับข้า……”
“เหมยจื่อ คืออย่างนี้ เจ้าไปถามซิ่วเอ๋อให้ข้าหน่อยได้ไหม?” จางต้าหูบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาในที่สุด
ตอนนี้แม่โจวไม่รู้ว่าตัวเองโกรธหรือหงุดหงิด หรือผิดหวัง
สรุปก็คือ ตอนนี้แม่โจวรู้สึกมีไฟสุมอยู่ในใจแทบปะทุออกมา
นางเงยหน้ามองจางต้าหูด้วยสายตาทิ่มแทง ก่อนจะกัดฟันคำรามเสียงต่ำ “จางต้าหู! ทำไมท่านไม่ไปตายเสียล่ะ!”
จางต้าหูเห็นสีหน้าแม่โจวอย่างกับจะกัดเขาให้เนื้อหลุดแล้วก็ตะลึง
เมื่อก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้แม่โจวไม่เห็นด้วยกับที่เขาพูด ก็ไม่มีทางแสดงสีหน้าแบบนี้
กับแม่โจวตรงหน้า จางต้าหู้รู้สึกแปลกหน้าเหลือเกิน
แต่เมื่อขึ้นคันธนูแล้วก็ต้องยิง ในเมื่อจางต้าหูพูดไปแล้ว ก็ต้องโน้มน้าวต่อ
จางต้าหูจึงกล่าวต่อ “เหมยจื่อ เจ้าเป็นอะไรไป? มีอะไรก็พูดกันดี ๆ สิ เจ้าโกรธขนาดนี้ทำไม?”
แม่โจวถามกลับเสียงกราดเกรี้ยว “มีอะไรพูดกันดี ๆ? พูดกันดี ๆ ได้เหรอ? ตอนนี้ตัวท่าน มารดาท่าน แล้วก็น้องสาวท่านเอาแต่วางแผนหลอกลวงซิ่วเอ๋อ ซิ่วเอ๋อเป็นใครกัน? นางเป็นลูกสาวเรานะ! ข้าเป็นคนคลอดก็จริง แต่ก็เป็นเชื้อสายของเจ้าด้วย! ซิ่วเอ๋อไม่ใช่ลูกสาวข้าคนเดียวนะ!”
“เมื่อก่อนตอนซิ่วเอ๋อยังอยู่ที่บ้านโดนรังแกน่ะช่างมันเถอะ ตอนนี้ซิ่วเอ๋อออกไปแล้ว…..เหอะ! ท่านคงยังไม่ลืมใช่ไหมว่าซิ่วเอ๋อและชุนเถาออกไปเพราะอะไร? เพราะย่าแท้ ๆ ของพวกนางจะขายพวกนางอย่างไรล่ะ!” แม่โจวขบเคี้ยวฟัน
“แต่….แต่ท่านแม่ทำไปเพราะหวังดีกับซิ่วเอ๋อ อย่างเรื่องแต่งงานของซิ่วเอ๋อ นั่นน่ะตระกูลเนี่ยเจ้าของที่เลยนะ ถ้าซิ่วเอ๋อทำตัวได้เรื่องหน่อย แต่งเข้าไปก็ได้ใช้ชีวิตคุณนายน้อยกินดีอยู่ดีแล้วนะ!” จางต้าหูแถ
แม่โจวหัวเราะ “แล้วทำไมไม่ให้น้องสาวท่านแต่งเข้าไปล่ะ อวี่หมินโตกว่าซิ่วเอ๋ออีกนะ!”
จางต้าหูรู้สึกขลาดขึ้นมา “พูดถึงซิ่วเอ๋ออยู่ ดึงไปหาอวี่หมินทำไม”
“ถ้าอย่างนั้นพูดถึงชุนเถาก็ได้ใช่ไหม? เด็กคนนั้นโตมาอยู่ข้างกายท่านนะ ปกติตื่นเร็วยิ่งกว่าไก่ นอนก็ดึก วิ่งวุ่นเพื่อบ้านนี้ สุดท้ายกลับต้องถูกจับขายให้กับคนค้ามนุษย์! ตอนนี้เรามีชีวิตที่ไม่มีเงินกินข้าวกันแล้วเหรอ? ต่อให้บ้านเรายากจนแค่ไหนก็ไม่ถึงขั้นขายลูกสาวกินนะ?” แม่โจวพูดสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาจนหมด
จางต้าหูพูดเสียงหงอย “เรื่องนั้น……”
จางต้าหูพูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินแม่โจวกล่าวต่อ “ท่านคิดว่ามารดาท่านขายชุนเถาก็เพื่อให้ชุนเถาได้มีชีวิตที่ดีเหรอ?”
จางต้าหูไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
เป็นเวลาพักใหญ่กว่าจางต้าหูจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้าแค่อยากหารือเรื่องเงินกับเจ้า ทำไมเจ้าออกประเด็นไปเสียไกลเพียงนี้?”
แม่โจวยิ้มเย็น “เงินนั่นข้าขอเตือนว่าท่านอย่าไปขอดีกว่า! ถ้าท่านไม่อยากให้ลูกยิ่งเหินห่างกับท่านไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ต้องไปพูดเรื่องนี้กับซิ่วเอ๋อ!”
“ถ้าท่านจะไปขอให้ได้! ท่านก็ไปเองแล้วกัน ไม่ต้องเอาข้าไปเกี่ยว!” แม่โจวแค่นเสียง
“แต่……” จางต้าหูไม่รู้จะหาคำไหนมาพูด เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ภรรยาผู้ดูหัวอ่อนสงบเสงี่ยมเจียมตนกลับกลายเป็นคนเขี้ยวขนาดนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่โจวพัฒนาแล้วจ้า คนที่ดูนิ่ม ๆ ไม่มีปากเสียงกับใครบทจะโมโหขึ้นมามันน่ากลัวมากนะ
ไหหม่า(海馬)