บทที่ 148 อยากได้เงินเหรอไม่มีให้หรอก
จางต้าหูหน้าเสีย “เด็กคนนี้นี่ ข้าเป็นพ่อเจ้านะ มาเยี่ยมเจ้าบ้างไม่ได้รึ?”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ท่านก็เห็นข้าแล้วนี่ ในเมื่อได้เยี่ยมแล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ไปเถอะเจ้าค่ะ ที่นี่เป็นบ้านผีสิง ระวังไปเจอของต่ำของโสมมนะเจ้าคะ” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
จางต้าหูฉุน “ข้ายังพูดไม่ทันจบเลย! เจ้าก็ไล่ข้าแล้ว! เจ้าเป็นลูกสาวแบบนี้รึ?”
“ข้าเป็นลูกสาวแบบไหนขึ้นอยู่กับว่าท่านเป็นพ่อแบบไหน ว่ากันว่าพ่อไม่มีเมตตาบุตรชายอกตัญญู ข้าไม่ใช่บุตรชายด้วยซ้ำ เป็นแค่บุตรสาวขาดทุนที่ไม่มีใครชอบ” จางซิ่วเอ๋อย้อน
จางต้าหูปากไม่ค่อยไว เถียงสู้จางซิ่วเอ๋อได้ที่ไหนกัน?
นอกจากย้ำสถานะพ่อของตัวเองหลายครั้งหลายหน เขาก็ไม่มีความสามารถอย่างอื่นแล้ว
จางต้าหูโดนจางซิ่วเอ๋อไล่อยู่หลายรอบ เริ่มไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ แต่อุตส่าห์มีความกล้าขึ้นมาได้แล้วหาเวลาที่แสงอาทิตย์จ้าสุดเพื่อมาบ้านผีสิง ถ้าวันนี้ไม่พูดออกมาอีกหน่อยจะมีโอกาสพูดที่ไหนกัน?
จางต้าหูจึงลอบกัดฟัน ทำใจกล้าแล้วพูด “ซิ่วเอ๋อ วันนี้ข้ามาหาเจ้าเพื่อมาคุยเรื่องเงินให้ชัด”
จางซิ่วเอ๋อตาเป็นประกาย “ตายจริง ท่านพ่อ ท่านมาคืนเงินจริง ๆ เหรอ?”
จางต้าหูหน้าเสีย “เจ้าคืน 9 ตำลึงเงินที่ติดที่บ้านมาก่อน แล้วข้าจะคืนค่าจานให้”
จางต้าหูคิดว่าถ้าตัวเองขอ 9 ตำลึงเงินนี่มาได้จริง ๆ ถึงตอนนั้นบอกแม่เฒ่าจางว่าต้องออกเหรียญจำนวนหนึ่งเพื่อชดใช้ค่าจานก็ใช่ว่าจะไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
เช้าวันนี้ตอนได้ฟังเรื่องนี้จากจางซานหยา นางก็นึกว่าจางต้าหูจะใช้ฝีมือขั้นสูงอะไรมาขอเงิน
ที่ไหนได้แค่วางท่าเป็นบิดาแล้วขอกันดื้อ ๆ!
ไม่รู้ว่าคนอย่างแม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินคิดได้อย่างไรว่าจางต้าหูจะขอเงินไปได้
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูอย่างล้อเลียน และย้อนถาม “ 9 ตำลึงเงินรึเจ้าคะ?”
“ใช่ มีที่เมื่อวานเจ้าฉีกเสื้อขาดกับเงินค่ายาอาเล็กเจ้า” จางต้าหูเอ่ย
จางซิ่วเอ๋อฟังจบก็มองจางต้าหูนิ่ง ๆ
จางต้าหูรู้สึกไม่มั่นใจ “ซิ่วเอ๋อ บ้านตระกูลเนี่ยเจ้าของที่คงให้เงินเจ้าไว้ไม่น้อย ไม่กี่ตำลึงนี่สำหรับเจ้าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม?”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มเย็น “บ้านตระกูลเนี่ยให้เงินข้า? พวกท่านอย่าลืมนะว่าค่าสินสอดตอนนั้นเข้ากระเป๋าใคร!”
“แต่เจ้าตั้งป้ายวิญญาณ…..” จางต้าหูพูดเบา ๆ
“ใช่ ข้าตั้งป้ายวิญญาณ แต่บ้านตระกูลเนี่ยไม่ได้ให้เงินข้า จริงสิ จะว่าให้…..ก็ให้จริง ๆ แหละ…..ถ้าท่านอยากได้ท่านก็เอาไปแล้วกัน” จางซิ่วเอ๋อพูดมาตรงนี้คลี่ยิ้มพิกล
“ให้เจ้ามาเท่าไหร่? เอาออกมาเร็ว! เราคืนเงินนี้ไปอีกหน่อยจะได้ตัวเบาไร้หนี้!” จางต้าหูพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาแล้วบอก “ชุนเถา ไปเอาห่อผ้าสีน้ำเงินในห้องออกมา”
จางชุนเถาได้ฟังลังเลอยู่นิดหน่อย แต่พอเห็นจางต้าหูที่คิดแต่จะขอเงินไปให้แม่เฒ่าจางก็ทำใจแข็งไปเอา
จางซิ่วเอ๋อรับห่อผ้ามา เปิดออกด้วยรอยยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก “ท่านพ่อ นี่คือของที่ตระกูลเนี่ยให้ข้ามา พวกเขายังบอกอีกว่าจะเอากระดาษเงินมาให้เป็นระยะ ๆ …..ถ้าท่านอยากได้ก็เอาไปเถอะ…….”
“ข้าเชื่อว่าลูกเขยอายุสั้นของท่านคงไม่ถือสาที่ข้าเอาเงินที่ต้องเผาไปให้เขาไปให้ท่านใช้ก่อนด้วยความกตัญญูหรอก” จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ
จางต้าหูเห็นของในห่อผ้าแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นหลากหลายสี นี่คือห่อกระดาษเงินที่เอาไว้เผาให้คนตาย!
จางซิ่วเอ๋อหมายความว่าอะไร? นี่นางจะแช่งให้เขาตายเหรอ!
จางต้าหูรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอก กล่าวขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “นังลูกอกตัญญู!”
พูดมาถึงตรงนี้จางต้าหูก็พุ่งมาข้างหน้า
ตอนนี้จางต้าหูทำเรื่องตบตีไม่ลงหรอก เขาค่อนข้างซื่อในด้านนี้ แต่เขามีไฟโทสะสุมอยู่ในใจ จะระบายอย่างไรดี?
เขาเอามือกดโต๊ะไว้
จางซิ่วเอ๋อพูดลอย ๆ อยู่ข้าง ๆ “ค่าจานคราวก่อนท่านยังไม่ได้ให้เลย หรือท่านอยากทำจานข้าแตกอีก?”
“ท่านพ่อ อย่างไรท่านก็เป็นผู้ชายคงไม่ทำอะไรที่ไร้ยางอายแบบนั้นหรอกใช่ไหม? ถ้าท่านไม่อยากโดนข้าแดกดันก็หาเงินค่าจานมาคืนข้า หลังจากนั้นท่านจะเขวี้ยงจานบ้านข้าอย่างไรก็ได้” จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน
จางต้าหูฟังแล้วก็โมโห “เจ้าบอกเลยว่าเงินนี่เจ้าจะให้หรือไม่ให้?”
“ให้สิ ข้าบอกให้ท่านเอาไปไม่ใช่รึไง? ห่อนี้ท่านเอาไปได้หมดเลย หรือถ้าตอนนี้ท่านยังใช้ไม่ได้ อีกร้อยปีข้าค่อยส่งไปให้ก็ได้เหมือนกัน!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
คำพูดแบบนี้ฟังดูเนรคุณอย่างสุดแสน
นี่ถ้าอยู่ข้างนอกกันและมีคนได้ยินเยอะ จางซิ่วเอ๋อไม่มีทางพูดหรอก
แต่ตอนนี้มีแค่น้องสาวสองคนและจางต้าหู
จางชุนเถาและจางซานหยาต้องเข้าข้างนางอยู่แล้ว ไม่เผยแพร่คำพูดแบบนี้กับคนนอกหรอก
ส่วนจางต้าหู?
จางซิ่วเอ๋อไม่กดดันอะไรให้เป็นการกระตุ้นเขาเลยสักนิด ถ้าเป็นแม่เฒ่าจางและจางอวี่หมิน บางทีสองคนนี้อาจจะเอาไปพูดข้างนอกโดยใส่สีตีไข่ สาดน้ำเสียใส่นางเต็มที่
แต่จางต้าหูเป็นพวกสมองไร้รอยหยัก!
ไม่รู้ว่าโครงสร้างสมองเขาเป็นอย่างไร แต่จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าต่อให้วันนี้จางต้าหูได้รับความอัดอั้นตันใจที่นี่ แต่เพื่อเกียรติศักดิ์ศรีอันน่าสงสารของเขา เขาก็ไม่พูดเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังหรอก!
ในเมื่อจางต้าหูไม่พูด ส่วนจางซิ่วเอ๋อพูดไปก็ไม่ต้องกังวลกับผลที่ตามมาทีหลัง เวลาแบบนี้ก็ต้องรวบรวมเรี่ยวแรงไปเสียดสีจางต้าหูอยู่แล้ว!
จางต้าหูเองก็โมโหจริง ๆ แต่มองจางซิ่วเอ๋อที่แสดงหน้าตาเย้ยหยันแล้วก็ทำอะไรไม่ได้
เขาได้แต่หันหลังหายใจฮึดฮัดและเดินออกไป ท่าทางโมโหไม่เบา
รอจนจางต้าหูไป จางชุนเถาจึงพูดอย่างนับถือ “พี่ พี่นี่เก่งจริง ๆ! ไล่พ่อเราไปได้ง่ายดายเลย”
จางชุนเถาก็ไม่มีความรู้สึกดี ๆ กับจางต้าหู ไม่มีเหตุผลอื่นเลย เพราะสมัยยังอยู่ที่บ้านตระกูลจาง ถ้าจางอวี่หมินไปฟ้องด้วยเรื่องไม่จริงจางต้าหูก็จะสั่งสอนนาง ถึงแม้จางต้าหูไม่ได้ลงมือเอง แต่จางชุนเถาก็รู้สึกอดสู
ถึงจางซานหยาจะยังเด็ก แต่ก็แยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ นางเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ หลังจากนี้ไม่ว่าใครจะขอเงินพี่ก็จัดการแบบนี้เลย!”
จางซิ่วเอ๋อมองใบหน้าหงุดหงิดใจของจางซานหยาแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าวางใจเถอะ พี่น่ะเก่ง ไม่โดนใครรังแกหรอก”
จางซานหยาสองมือกำหมัดและโบกกลางอากาศ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางจริงจัง “พี่ใหญ่ รอให้ข้าโตก่อน ข้าก็จะเป็นเหมือนพี่! ไม่ยอมให้ใครมารังแกข้า! ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีแต่เงินกงเต๊กนะจะเอาไหมล่ะ พิโธ่
สามพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันดีจริง ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)