บทที่ 156 เป็นห่วง
จางซิ่วเอ๋อไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังนางมีคนผู้หนึ่งยืนทำหน้าเขียวอยู่
เถี่ยเสวียนแทบจะพุ่งเข้าไปถกกับจางซิ่วเอ๋อสักยก เจ้านายตัวเองไม่ใช่คนดีเหรอ? ไม่ใช่คนดีแล้วจะซ่อมบ้านให้พวกนางเหรอ? จะโยนหมูป่าไปให้พวกนางในบ้านเหรอ? จะยอมหิวเองเพื่อซื้อเนื้อหมูป่าของจางซิ่วเอ๋อเหรอ?
แต่พอนึกถึงสิ่งที่เจ้านายกำชับไว้ เถี่ยเสวียนก็จำต้องทน
เขาไม่กล้าผิดพลาดในเรื่องที่เจ้านายสั่งอย่างจริงจังหรอก
เมื่อกี้ตอนเขาเจอเจ้านาย เจ้านายก็โยนงานให้เขาซึ่งก็คือให้เขาคุ้มกันจางซิ่วเอ๋อออกไปจากที่นี่โดยสวัสดิภาพ
เถี่ยเสวียนอดโอดครวญในใจไม่ได้ นึกว่าหลังจากซื้อเนื้อหมูป่าแล้วจะหมดสิ้นกับแม่นางผู้นี้สักที ใครจะรู้ว่าแม่นางผู้นี้จะไม่ยอมหายไปสักที
แต่โชคดีที่หลังจากผ่านเรื่องก่อนหน้านี้มา เขาฉลาดขึ้นด้วยการเก็บเงินไว้กับตัวเอง
และไม่ต้องกังวลว่าเจ้านายตัวเองจะเอาเงินออกมาให้จางซิ่วเอ๋อ
ส่วนจางซิ่วเอ๋อคิดไปว่าพวกนางกินอาหารจำพวกเนื้อตุ๋นน้ำแดง ตุ๋นกระดูก ผัดเนื้อจนเบื่อแล้ว ต้องเปลี่ยนบ้าง
เมื่อก่อนนางไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ แต่ตั้งแต่มาอยู่ในยุคโบราณ ได้กินเนื้อสักคำเป็นเรื่องที่ลำบากมาก จึงไม่คิดจะเปลี่ยนรสชาติแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว สำหรับจางซิ่วเอ๋อที่แทบจะได้กินเนื้อทุกวัน ด้วยสถานการณ์แบบนี้จึงอยากเปลี่ยนรสชาติในการกินบ้าง
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมา ที่บ้านมีมันหมูที่ยังไม่ย่างอยู่ กลับไปคงย่างมันหมูก่อน
ในยุคโบราณ ไขมันสัตว์ที่กินได้บ่อยที่สุดก็คือมันหมู
ถ้าอยากได้มันหมูก็ต้องเอาเนื้อติดมันมาผัด ไม่ก็นำมันหมูดิบที่อมน้ำมันมากไปต้ม แล้วย่างเอามันออกมา
เศษมันที่กินกันบ่อย ๆ ก็ได้มาแบบนี้แหละ
จางซิ่วเอ๋อใช้ความคิด และตัดสินใจว่าคืนนี้จะทำเกี๊ยวกิน
เป็นเกี๊ยวไส้เศษมันกับเนื้อหมู ทำทั้งสองอย่างไปเลยอย่างละน้อย ถึงตอนนั้นอยากกินอันไหนก็เลือกกินอันนั้น ถ้ากินไม่หมดวันรุ่งขึ้นค่อยเอาเกี๊ยวไปทอดก็ยังได้ คิดแล้วจางซิ่วเอ๋อก็ตัดสินใจ
เรื่องของจางเป่าเกินเป็นเหตุให้แต่ละคนได้รับผลกระทบทางอารมณ์ ทุกคนจึงหมดความรู้สึกอยากเดินเล่นต่อ
หลังจากสอบถามจ้าวเอ้อร์หลางแล้วและพบว่าจ้าวเอ้อร์หลางก็อยากไปซื้ออาหารเหมือนกัน จางซิ่วเอ๋อและจ้าวเอ้อร์หลางจึงไปที่ร้านขายอาหาร
จางซิ่วเอ๋อมือเติบสุด ๆ นางซื้อทั้งแป้งหมี่ขาวและข้าวฟ่าง
ช่วงนี้ทุกคนกินแต่ข้าวต้มแป้งข้าวโพดหนืด ๆ ทุกเช้าจนจางซิ่วเอ๋อรู้สึกเลี่ยน จึงตัดสินใจเปลี่ยนไปกินข้าวต้มจากข้าวฟ่าง
ข้าวฟ่างแพงกว่าแป้งข้าวโพดเยอะ ชาวบ้านทั่วไปไม่มีใครซื้อหรอก
แต่จางซิ่วเอ๋อมีแหล่งรายได้อยู่ จึงไม่อยากให้ตัวเองต้องลำบากในเรื่องของการกิน
นอกเหนือจากนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ซื้อข้าวขัดสีไปด้วยไม่น้อย
เทียบกันแล้ว ของที่จ้าวเอ้อร์หลางซื้อออกจะน้อยไปหน่อย และมีแต่ธัญพืช แต่จ้าวเอ้อร์หลางยังคงมีความสุข ตอนนี้พวกเขาสามารถกินอิ่มได้แล้ว เมื่อก่อนเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แต่พอเห็นจางซิ่วเอ๋อซื้อแป้งที่มีราคาแพงลิ่ว จ้าวเอ้อร์หลางก็รู้สึกอายนิดหน่อย
กับข้าวสองมื้อที่ได้กินกับจางซิ่วเอ๋อ คงไม่มีใครในหมู่บ้านได้กินดีขนาดนั้นแล้วกระมัง?
แต่พี่น้องตระกูลจางจะกินแป้งแบบนี้ จ้าวเอ้อร์หลางจึงไม่กล้าห้าม ได้แต่พูดกับตัวเองในใจว่าต้องช่วยพี่น้องตระกูลจางทำงานเยอะ ๆ
พอถึงหน้าประตูเมือง จางซิ่วเอ๋อก็จ้างรถลากวัวคันหนึ่ง
เห็นท่าทางลังเลของจ้าวเอ้อร์หลางแล้ว จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยยิ้ม ๆ “เอ้อร์หลางขึ้นรถเร็ว”
จ้าวเอ้อร์หลางพูดอาย ๆ “พี่ซิ่วเอ๋อ…..”
“ข้ารู้! เอาอย่างนี้ วันนี้หลังมื้อเย็นข้ามีงานให้เจ้าทำ ถึงตอนนั้นถือว่าเป็นค่ารถนี่แล้วกัน”
จ้าวเอ้อร์หลางไม่ใช่คนที่ยอมรับความสงสารจากคนอื่น แต่ก็เสียดายเงินไม่ยอมนั่งรถแน่ จางซิ่วเอ๋อถึงพูดแบบนี้
จ้าวเอ้อร์หลางขึ้นรถอย่างเหนียมอาย เขาคิดว่าการช่วยพี่ซิ่วเอ๋อทำงานเป็นเรื่องสมควรทำ จะกล้าหักเป็นค่ารถได้อย่างไร แต่เขาก็รู้ว่าหากตัวเองไม่ตกลงก็เท่ากับไม่ยอมรับน้ำใจจากจางซิ่วเอ๋อ จึงไม่ได้พูดอะไร
ตอนผ่านบ้านตระกูลจาง EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ถ้าคนตระกูลจางมาตื๊อนี่คงเรื่องใหญ่แน่ แป้งเต็มรถแบบนี้ถ้าโดนแย่งไปจางซิ่วเอ๋อคงเจ็บใจเหลือแสน
เนื่องจากจ้างรถส่วนตัวขากลับ จึงกลับไวกว่าที่คาดไว้เยอะ
เวลานี้ฟ้ายังสว่างจ้า
หลังจากจ้าวเอ้อร์หลางช่วยจางซิ่วเอ๋อส่งของกลับไปแล้วและฝากของตัวเองไว้ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อ จากนั้นก็พาจางซานหยาขึ้นเขา เพราะยังตัดหญ้ามาไม่พอ
ถ้าจางซานหยาไม่เอาหญ้าและผักป่าที่เพียงพอกลับไป อย่างเบาคือโดนด่า อย่างหนักคือโดนตี
ขณะนั้นจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาก็ทำงานกันวุ่น
พวกนางล้างมันหมูดิบที่บ้านให้สะอาด ก่อนหั่นเป็นชิ้นใหญ่ใส่ลงหม้อและเติมน้ำ จากนั้นก็เริ่มต้ม
เมื่อต้มสุกแล้ว ค่อยย่างน้ำด้านในออกไปทีละนิดให้เหลือเพียงมันหมูและเศษมัน
ผู้อาศัยก่อนหน้านี้ทิ้งไหไว้ให้หลายใบ จางซิ่งเอ๋อเอาไหออกมาหนึ่งใบ ล้างให้สะอาดและไปวางตากลมด้านนอก ตั้งใจว่าจะเอามาเก็บมันหมู
มันหมูถูกน้ำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะขึ้นราและรสเปลี่ยน ไหนี้จึงจำเป็นต้องสะอาด
“พี่ พี่ว่าทำไมจางเป่าเกินถึงมีเงินมากขนาดนั้นล่ะ? ข้าจำได้ว่าท่านป้าสามเคยบอกว่าจางเป่าเกินไปฝึกตัวเป็นศิษย์ข้างนอก ใช้ชีวิตด้วยความลำเค็ญ ที่ไม่ยอมกลับบ้านเลยเพราะอาจารย์ไม่ให้กลับ…..แต่ดูท่าจะไม่ใช่แบบนั้นนะ” จางชุนเถาพูดอย่างสงสัย
จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าจางเป่าเกินน่าสงสัยมาก
แต่จางซิ่วเอ๋อจำเรื่องที่เกี่ยวกับจางเป่าเกินก่อนหน้านี้ไม่ได้ ตอนนี้นางจึงอึกอักนิดหน่อยเวลาพูดถึงจางเป่าเกิน
จางซิ่วเอ๋อจึงพูดคลุมเครือ “เจ้าจะไปสนใจเขาทำไม? วันหน้าถ้าไม่ได้มารังแกพวกเรา เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ!”
จางชุนเถารู้สึกว่ามีเหตุผล นางพูดอย่างกังวล “พี่ว่าจางเป่าเกินจะกลับมาหาเรื่องเราไหม? พวกเรายังดีไม่ต้องเจอเขาให้รำคาญตา แต่ซานหยายังอยู่ที่บ้านตระกูลจางนะ”
จางซิ่วเอ๋อชะงัก แค่นเสียง “ดูท่าเขาไม่ใช่คนยอมเสียเปรียบ ถึงเวลาต้องกลับมาหาเรื่องแน่”
“ถ้าอย่างนั้นซานหยา….” จางชุนเถาพูดอย่างเป็นกังวล
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “ต่อให้เราไม่หาเรื่องเขา แล้วเจ้าคิดว่าเขาจะไม่มาหาเรื่องเหรอ?”
จางชุนเถาได้ฟังแล้วหายว้าวุ่น เอาปังตอสับเนื้อแรง ๆ อย่างหงุดหงิด “พี่พูดถูก! อย่างวันนี้ข้ากับซานหยาไม่ได้ไปหาเรื่องเขาเลย แต่เขาก็ยังมาหาเรื่อง!”
“ใช่ไหมล่ะ เขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าวันนี้พวกเราไม่ตอบโต้ หลังจากนี้เขาก็ไม่รังแกเราน้อยลงเพราะเรื่องนี้หรอก หากจะมาหาเรื่อง…?”
จางซิ่วเอ๋อพูดมาถึงตรงนี้แล้วหยุดไปครู่หนึ่ง พูดต่อด้วยสีหน้าชวนขนลุก “หากมาหาเรื่องหนึ่งครั้งก็สั่งสอนกลับไปครั้งหนึ่ง ถ้าสองครั้งก็สั่งสอนกลับเป็นครั้งที่สอง! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่หลาบจำ?”
จางชุนเถาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ที่จริงข้ากลัวว่าเขาจะไปฟ้องท่านย่า พี่ก็รู้ว่าท่านย่าเราไม่เห็นเด็กผู้หญิงอย่างเราอยู่ในสายตา แต่รักจางเป่าเกินอย่างกับเป็นยอดดวงใจ”
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ รู้สึกปวดหัวเหมือนกัน
แม่เฒ่าจางลำเอียงไปถึงขอบฟ้าแล้ว
จางซิ่วเอ๋อจึงพูดปลอบโยน “ถ้าจางเป่าเกินกล้าฟ้องจริง ๆ เราก็ต้องให้เขาได้รับผลที่ตามมาเหมือนกัน ครึ่งตำลึงเงินเลยนะ เขาไปเอามาจากไหน? ต่อให้ได้จากการฝากตัวเป็นศิษย์ ตอนนี้ยังไม่แยกบ้านกัน ตามความคิดว่าก็ต้องเป็นของนางทั้งหมด……”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทำไมได้กลิ่นเปรี้ยวจากเถี่ยเสวียนล่ะ อาการหวงเจ้านายออกแล้วนั่น
น่าปวดหัวแทนซิ่วเอ๋อจริง ๆ คนตระกูลจางนอกจากน้องกับแม่แล้วมีใครดีบ้างไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)