บทที่ 169 อยู่กินข้าว
เด็กติดตามชุดเขียวพูดขึ้นจากด้านหลัง “คุณชายของข้ากินข้าวที่บ้านเจ้านับเป็นเกียรติของเจ้า”
เห็นท่าทางแบบนั้นของคุณชายฉินแล้ว ถ้าตัวเองไม่ยอมตกลง เขาต้องบันดาลโทสะแน่
จางซิ่วเอ๋อไม่อยากยั่วโมโหคุณชายฉินจนเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้ทั้งคู่ตกลงเรื่องเครื่องเทศไม่ลงตัว จางซิ่วเอ๋อก็ยังอยากรักษาสันติระหว่างทั้งคู่เอาไว้
จางซิ่วเอ๋อครุ่นคิด นางมองคุณชายฉินพลางเอ่ย “ได้ ในเมื่อท่านจะกินข้าวที่นี่ งั้นท่านก็อย่ารังเกียจที่อาหารบ้านข้าไม่ดีแล้วกัน”
พูดแล้วจางซิ่วเอ๋อก็เดินออกไปข้างนอก
คุณชายฉินเห็นแล้วจึงถาม “ไปทำอะไร”
จางซิ่วเอ๋อคลี่ยิ้ม “ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะชักดาบหรอกนะเจ้าคะ บ้านข้ายากจน ไม่มีอะไรให้ลงหม้อ ข้าจำต้องออกไปหาพวกผักป่าน่ะสิ”
พูดจบไม่รอให้คุณชายฉินตั้งตัว จางซิ่วเอ๋อก็ออกจากบ้านไป
พอมาถึงที่ร้างไร้ผู้คน จางซิ่วเอ๋อก็หายใจหอบแฮ่ก
ที่จริงคุณชายฉินยังไม่ได้พูดอะไรหรือทำอะไร แต่ไม่รู้ทำไม นางถึงสัมผัสถึงแรงกดดันจากตัวคุณชายฉิน
จางซิ่วเอ๋อเดินจ้ำอ้าวขึ้นเขา
พอถึงบนเขาแล้วนางก็เจอจางชุนเถา จางซานหยา และจ้าวเอ้อร์หลางสามคน ที่ตอนนี้กำลังจะเดินกลับ
“พี่ เรากำลังจะกลับแล้ว พี่มาทำไมกัน” จางชุนเถาถามอย่างไม่เข้าใจ
จางซิ่วเอ๋อมองทั้งสามคนพลางกล่าว “เที่ยงนี้พวกเจ้าไม่ต้องกลับบ้านหรอก”
“เอ้อร์หลาง เจ้าพาชุนเถาและซานหยาไปกินข้าวที่บ้านเจ้าสักมื้อนะ” จางซิ่วเอ๋อเอ่ย
จ้าวเอ้อร์หลางตาเป็นประกาย “ไม่มีปัญหา”
เขากินข้าวที่บ้านพี่ซิ่วเอ๋อตลอดจนชักจะรู้สึกอาย ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตกลงเรื่องรับผิดชอบมื้ออาหารแล้ว แต่อาหารบ้านพี่ซิ่วเอ๋อมันดีเกินไป
ที่จริงเขาอยากเลี้ยงข้าวทุกคนเป็นการขอบคุณมานานแล้ว
แต่กลัวว่าทุกคนจะไม่ชอบใจอาหารบ้านตัวเอง
ตอนนี้มีโอกาสเข้ามา จ้าวเอ้อร์หลางจึงยินดีปรีดาสุด ๆ
แต่จางชุนเถาถามอย่างไม่เข้าใจ “พี่ ถ้าพี่ยุ่งข้ากลับบ้านแล้วทำกับข้าวกินเองก็ได้…..”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ย “ชุนเถา เชื่อที่พี่บอก ค่อยกลับบ้านตอนเย็นเถอะ”
“ทำ…..” จางชุนเถายังไม่เข้าใจว่าจางซิ่วเอ๋อหมายความว่าอย่างไร
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “บ้านเรามีแขก ไม่สะดวกให้เจ้ากลับมา”
“แขก? แขกอะไรกัน?” จางชุนเถาประหลาดใจเข้าไปใหญ่ นอกจากคนตระกูลจ้าวและท่านหมอเมิ่งแล้วที่บ้านจะมีแขกคนอื่นอีกหรือ? และดูท่าทางของพี่สาวแล้วเหมือนไม่อยากให้ตัวเองได้เจอแขกผู้นี้
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่ายัยจางชุนเถาต้องถามอีกแน่ ๆ
เวลานี้นางได้แต่ลอบขอโทษและโกหกไป “ชุนเถา คนตระกูลเนี่ยมา พวกเขาอยากให้ข้ากราบไหว้คุณชายเนี่ย ก็เลย…..”
จางชุนเถาฟังมาถึงนี่ “คนตระกูลเนี่ยเหรอ งั้นข้าไม่กลับไปแล้ว ข้ากลัวว่าเห็นพวกเขาแล้วจะอดทำร้ายคนไม่ได้”
พูดไปจางชุนเถาก็มีสีหน้าเย็นยะเยือก แค่นางนึกถึงตระกูลเนี่ยก็รู้สึกโมโหแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะคนตระกูลเนี่ย พี่สาวตัวเองจะกลายเป็นแม่ม่ายได้อย่างไร?
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางชุนเถามีความแค้นเคืองต่อคนตระกูลเนี่ยอย่างมาก จึงตามน้ำจางชุนเถา “คนพวกนี้น่ารังเกียจมาก ข้ากลัวว่าถึงเวลาเจ้าเผลอทำอะไรแล้วพวกเขาจะกล่าวหาว่าไปล่วงเกินผีของคุณชายเนี่ยอีก”
จางชุนเถาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แต่พี่ พี่คนเดียวพวกเขาจะไม่รังแกเอาเหรอ”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “อย่างไรซะข้าก็เป็นฮูหยินเพียงคนเดียวที่คุณชายเนี่ยเข้าพิธีแต่งงานตามขนบธรรมเนียมนะ พวกเขาจะทำอะไรข้าได้”
จางชุนเถาพยักหน้า “เรื่องนั้นก็ใช่ งั้นข้าไม่กลับไปสร้างเรื่องวุ่นวายให้พี่ดีกว่า วันนี้เราไปกินข้าวที่บ้านเอ้อร์หลางกัน”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “รีบไปเถอะ”
พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็ทอดสายตาไปที่ผักป่าที่ทุกคนขุดมา จางซิ่วเอ๋อยื่นมือไปคว้ามาสองกำ
“พี่ เอาผักป่าพวกนี้ไปทำอะไรเหรอ” จางชุนเถาถามอีก
เมื่อครู่ที่จางซิ่วเอ๋อพูดโกหกก็กำลังหวั่นใจอยู่ โดนจางชุนเถาถามแบบนี้นางก็ตกใจจนสะดุ้งก่อนจะพูดขึ้นทันที “ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากให้คนตระกูลเนี่ยคิดว่าบ้านเรายากจน”
ถึงแม้จางชุนเถาจะไม่เข้าใจว่าทำไมจางซิ่วเอ๋อถึงต้องทำแบบนี้
แต่เวลานี้ก็ไม่ถามอะไรอีก
ด้วยเหตุนี้ จางซิ่วเอ๋อจึงหอบผักป่าเต็มอ้อมอกกลับบ้าน
ใช่แล้ว จางซิ่วเอ๋อตั้งใจจะรับแขกคุณชายฉินด้วยผักป่าพวกนี้ คุณชายฉินกินของหรูหรามาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ อยากลองประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่บ้านนางใช่ไหม แล้วนางจะไม่เติมเต็มรสนิยมประหลาดของคุณชายฉินได้อย่างไรล่ะ
ที่จริงที่บ้านมีเนื้ออยู่ ตั้งแต่จางซิ่วเอ๋อหมดกังวลเรื่องเงินแล้วก็ไม่เคยปล่อยให้ที่บ้านขาดเนื้อ
นอกจากเนื้อแล้วยังมีไข่ด้วย แต่ทำไมนางต้องให้คุณชายฉินด้วยล่ะ?
ได้อย่างไรกัน?
คุณชายฉินมาโดยไม่หวังดี ตั้งใจมาหาเรื่อง ถ้าคนอย่างคุณชายฉินนางยังต้องต้อนรับอย่างดี นางคงมีแนวโน้มชอบการถูกทรมานแล้วล่ะ
อาหารหรู ๆ นั่นต่อให้จางซิ่วเอ๋อเอาไปเทให้สุนัขกินก็ไม่ให้คุณชายฉินกิน
จางซิ่วเอ๋อทำครัวอย่างคล่องแคล่ว
ก่อนจะยกกับข้าวขึ้นโต๊ะจานแล้วจานเล่า ท้ายสุดจางซิ่วเอ๋อก็ยกข้าวต้มเม็ดข้าวโพดดำปี๋ถ้วยหนึ่งขึ้นโต๊ะ
นี่เป็นธัญพืชที่ซื้อไว้ตอนยากจน ข้าวต้มแบบนี้กินแล้วบาดคอนัก
หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อเริ่มมีเงินในมือแล้ว จางซิ่วเอ๋อไม่ได้กินของพวกนี้อีกเลย วันนี้จึงไปค้นออกจากซอกหลืบในห้องครัวเพื่อเอามาต้อนรับคุณชายฉินโดยเฉพาะ
คุณชายฉินมองกับข้าวสี่จานบวกกับข้าวต้มหนึ่งถ้วยบนโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉย
กับข้าวทั้งสี่อย่างทำด้วยการใช้น้ำร้อนลวกผักป่าแล้วสาดเกลือ จากนั้นก็ยกขึ้นมาทั้งแบบนั้นเลย
ส่วนข้าวต้มเหรอ? ดูแล้วอนาถาอย่างเหลือแสน
ตอนนี้คุณชายฉินยังนิ่งงันได้อยู่ แต่เด็กติดตามชุดเขียวนิ่งไม่ไหวแล้ว “จางซิ่วเอ๋อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าตั้งใจจะเอาของพวกนี้ต้อนรับคุณชายของข้ารึ?”
จางซิ่วเอ๋อเงยหน้ามองเด็กติดตามชุดเขียว พูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา “คุณชายของเจ้ายังไม่ว่าอะไรเลย เจ้าปากมากขึ้นมาทำไมกัน? ข้าบอกไปแต่แรกแล้วว่าบ้านข้ายากจน ไม่มีอาหารดี ๆ พวกเจ้าอยากกินดี ๆ ก็ไปกินที่อิ๋งเค่อจวีสิ!”
“ที่ตอนนี้ข้าทำอาหารมื้อนี้ได้ก็เพราะต้องยอมอดตอนกลางคืนหรอกนะ” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
คุณชายฉินคีบผักป่าขึ้นมาเงียบ ๆ ก่อนจะเตือนอย่างหวังดี “บนคานบ้านยังมีเนื้อแขวนอยู่เลย คราวหน้าจะร้องโวยวายว่ายากจนก็อย่าลืมเก็บก่อน”
จางซิ่วเอ๋อตั้งใจจะพูดต่อ แต่พอได้ยินคุณชายฉินพูดแบบนี้ก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา
นางแขวนเนื้อไว้นอกบ้านจริง คนทั่วไปแขวนเนื้อเพราะเสียดายไม่กล้ากินทีเดียว จึงเก็บไว้เพื่อค่อย ๆ กิน
แต่จางซิ่วเอ๋อไม่เหมือนกัน จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าเนื้อแดดเดียวอร่อย จึงตากไว้ทำเนื้อแดดเดียวกิน
จางซิ่วเอ๋อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เนื้อนั่นข้าเก็บไว้กินตอนปีใหม่! มีแค่ชิ้นเดียวข้ากล้ากินที่ไหน? หรือพวกท่านอยากให้ข้าไม่มีเนื้อกินตอนฉลองปีใหม่เหรอ”
พรืด….
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โป๊ะแล้วซิ่วเอ๋อเอ๊ย จะหาทางแก้ตัวยังไงเนี่ย
ไหหม่า(海馬)