บทที่ 180 ก่อไฟ
หลังจากนั้นในห้องก็เหลือเพียงชายชุดเทาและเถี่ยเสวียน
ชายชุดเทาเคาะโต๊ะเบา ๆ ไม่พูดไม่จาอะไร
เถี่ยเสวียนมองชายชุดเทาอย่างระมัดระวัง นี่เจ้านายตัวเองไม่พอใจหรือเปล่า? ก็ได้ ก็ได้ เขาเองก็รู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองทำไม่ถูก แต่เขานึกโกรธเคืองจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ
คราวก่อนเจ้านายช่วยไล่พี่ชายอะไรนั่นของจางซิ่วเอ๋อไป สุดท้ายจางซิ่วเอ๋อกลับพูดกับน้องสาวตัวเองว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ!
เขาฟังแล้วโมโหชะมัด!
ต่อให้จางซิ่วเอ๋อเคยช่วยชีวิตเจ้านายไว้ พวกเขาสมควรต้องตอบแทน แต่จางซิ่วเอ๋อจะมองพวกเขาในแง่ร้ายไม่ได้
สุดท้ายเถี่ยเสวียนจึงเอ่ยขึ้น “เจ้านาย…….”
ชายชุดเท้ายืนขึ้นและเดินออกไปด้านนอก
“เจ้านาย ท่านไม่ได้จะไปใช่ไหม? ข้า….หิวจริง ๆ ถ้างั้น….ถ้างั้นตอนเราไป เราล่าอาหารป่าไว้ให้จางซิ่วเอ๋อเป็นการตอบแทนก็ได้” เถี่ยเสวียนรีบบอก
ตอนนี้เขาพูดว่าจะทิ้งเงินไว้ให้ไม่ออก
แค่เขาและเจ้านายจะไปอยู่ในโรงเตี๊ยมยังเป็นปัญหาเลย
แต่จะขึ้นเขาล่าสัตว์ทุกวันก็ไม่ได้ พวกเขายังมีเรื่องต้องทำ ในสายตาเจ้านายเรื่องนี้สำคัญกว่าเรื่องปากท้องนัก แต่สำหรับเขาแล้ว ฟ้าดินจะใหญ่แค่ไหนก็ใหญ่ไม่เท่าเรื่องปากท้องของตัวเอง
ชายชุดเทาเอ่ยเสียงเย็น “รอในห้อง!”
เถี่ยเสวียนชะงัก ก่อนจะดีใจขึ้นมา ที่เจ้านายพูดหมายความว่าอย่างไร? น่าจะให้เขารอกินข้าวที่นี่อย่างนั้นสินะ?
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เถี่ยเสวียนจึงกลับไปในห้องอย่างเบิกบานใจ
ชายชุดเทากลับเดินไปทางห้องครัว
ประตูห้องครัวเปิดอยู่ จางซิ่วเอ๋อกำลังก่อไฟอย่างช่ำชอง
ก่อนนอนพวกเขาเพิ่งกินอาหารมื้อโอชะไป ตอนนี้เหลือเนื้อตุ๋นน้ำแดงอยู่ครึ่งถ้วยใหญ่ แล้วยังพริกหยวกผัดเนื้ออีกจาน
จางซิ่วเอ๋อกลัวไม่พอกินจึงนึ่งไข่ตุ๋นด้วย นางวางรวมไว้กับพวกหมั่นโถวบนผืนผ้า ส่วนใต้ผืนผ้าคือข้าวฟ่าง นางว่าจะต้มข้าวต้มด้วย
ของกินมีไม่มากก็จริง แต่กลางคืนดึกดื่นแบบนี้ไม่สะดวกทำกับข้าวจริง ๆ
ชายชุดเทายืนอยู่หน้าประตูห้องครัว มองจางซิ่วเอ๋ออย่างพิจารณา
นางมีรูปร่างผอมแห้ง เส้นผมแห้งกรังดั่งฟางข้าว เนื้อตัวดูไร้ซึ่งเนื้อหนัง แต่ร่างกายเล็ก ๆ แค่นี้กลับทำให้เขารู้สึกถึงพลังชีวิตอันเปี่ยมล้น
มันเป็นพลังชีวิตของต้นหญ้าที่คิดจะทะลวงหินหยาบเพื่อเติบโต
แสงจากเตาไฟสะท้อนอยู่บนใบหน้าจางซิ่วเอ๋อ ชายชุดเทาพลันตกอยู่ในภวังค์นึกไปถึงเมื่อหลายปีก่อนสมัยตัวเองยังเด็กมาก แม่ของเขาเองก็หยอดฟืนใส่เตาแบบนี้เพื่อทำอาหารให้เขากิน
ต่อให้เป็นแค่ข้าวต้มผักป่า ทว่าอร่อยกว่าอาหารดี ๆ ที่เขาได้กินหลังจากนั้นมาก
จางซิ่วเอ๋อก่อไฟได้แล้วจึงลุกขึ้นยืน
นางหันไปก็เห็นชายชุดเทายืนอยู่หน้าประตูกำลังจ้องมองนางอยู่
จางซิ่วเอ๋อส่งรอยยิ้มเจิดจ้าให้ เดินเข้าไปหาพลางกล่าว “เสร็จแล้ว ข้าใส่ฟืนเข้าไปเพิ่มจะได้อุ่นข้าวได้ เราไปรอในห้องนู้นเถอะ”
ชายชุดเทาเลิกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
จางซิ่วเอ๋อยกแขนเสื้อเช็ดเม็ดเหงื่อที่ขมับตัวเอง
ชายชุดเทากลับหยิบผ้าผืนหนึ่งจากอกเสื้อตัวเองยื่นให้
จางซิ่วเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับผ้านั้นมาจากมือชายชุดเทาและเช็ดเหงื่อตัวเอง
ตอนจะคืนจางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย
ของติดตัวแบบนี้ตัวเองใช้ไปแล้วจะคืนได้อย่างไร? แต่ถ้าไม่คืน จะให้เก็บผ้าเช็ดหน้าของผู้ชายไว้มันใช่ที่ไหน?
ชายชุดเทากลับหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือของจางซิ่วเอ๋อมา
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะแห้ง ๆ และเอ่ยถาม “จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่าเจ้าชื่ออะไร”
ที่ก่อนหน้านี้จางซิ่วเอ๋อไม่ถามเพราะไม่อยากชักปัญหาเข้าตัว จึงไม่คิดจะสมาคมอะไรกับชายชุดเทา
แต่ชายชุดเทาคอยช่วยนางครั้งแล้วครั้งเล่า ท่าทางที่นางมีต่อชายชุดเทาก็เปลี่ยนไป
ชายชุดเทาชะงัก สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้น “หนิงอัน”
“หนิงอัน….คุณชายหนิง ข้าชื่อจางซิ่วเอ๋อ” จางซิ่วเอ๋อยิ้มพลางแนะนำตัว
ชายชุดเทาพยักหน้า “ข้ารู้”
จางซิ่วเอ๋อตะลึง “เจ้ารู้เหรอ”
“รู้” ชายชุดเทาตอบสั้นกระชับได้ใจความ
จางซิ่วเอ๋อชะงัก ก่อนจะหัวเราะ “เจ้าได้ยินจากจางเป่าเกินที่ตลาดตอนนั้นใช่ไหม?”
ชายชุดเทาไม่ตอบอะไร ไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเข้ามาถึงในห้อง เถี่ยเสวียนก็ฉีกกระชากเศษผ้าขาวบนตัวออกและมัดผมขึ้นเป็นที่เรียบร้อย
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทางคุ้นเคยของเถี่ยเสวียนแล้วร้องเสียงหลง “เจ้าเองหรือ!”
เถี่ยเสวียนแค่นเสียง “เพิ่งจำได้รึ?”
เวลานี้จางซิ่วเอ๋อไม่รู้จะพูดอะไรดี ตอนนั้นที่เถี่ยเสวียนเอาแต่จ้องนาง นางหงุดหงิดใจจึงแดกดันไปชุดใหญ่
คิดไม่ถึงว่าคนที่มาช่วยตัวเองในวันนี้จะเป็นเขา!
นางไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรมที่ชักนำให้ทั้งสองได้มาเจอกัน!
เถี่ยเสวียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เอาล่ะ ๆ ข้าเป็นคนใจกว้าง ไม่ถือสาเจ้าหรอก!”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเสียงแห้ง เรื่องครั้งนี้นางนึกขอบคุณเถี่ยเสวียนจริง แต่นางไม่เสียใจที่ตอนนั้นตัวเองทำแบบนั้นหรอก ใครโดนจ้องขนาดนั้นจะไม่หงุดหงิดบ้าง?
ทั้งสามนั่งลง จางซิ่วเอ๋อมองหนิงอันและเถี่ยเสวียนอย่างพิจารณา
หนิงอันไม่ต้องพูดถึง หน้าตาโดดเด่น ให้ความรู้สึกมังกรเหนือคน ต่อให้สวมเพียงเสื้อผ้าสีเทาซอมซ่อก็มิอาจบดบังรัศมีของเขาได้
เถี่ยเสวียนเองก็รูปงามใช้ได้
สรุปก็คือสองคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา และไม่ใช่พวกชาวไร่ที่บุกบั่นตากแดดตากฝนตามหมู่บ้าน
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสามก็เงียบไป
ดีที่ไม่นานนักอาหารในหม้อก็อุ่นพอดี
จางซิ่วเอ๋อรีบไปยกของที่ห้องครัวมา
นางตักข้าวต้มให้ทั้งสองคนละถ้วยและพูดเขิน ๆ “วันหน้าข้าจะขอบคุณพวกเจ้าอย่างงามเลย”
เถี่ยเสวียนไม่สนหรอก เขาหยิบหมั่นโถวแป้งขาวขึ้นมาหนึ่งลูกและกัดกินทันที
พอเขาได้กินเนื้อตุ๋นน้ำแดงเข้าไปคำหนึ่ง ดวงตาก็เป็นประกายทันที! ต่อให้เขาไม่ชอบจางซิ่วเอ๋อขนาดไหน นาทีนี้ก็ต้องถอนหายใจ! อุทานว่าโคตรพ่อโคตรแม่อร่อยเลยโว้ย!
ทั้งชีวิตของเขาเถี่ยเสวียนยังไม่เคยกินเนื้อตุ๋นน้ำแดงอร่อยขนาดนี้มาก่อน!
นุ่มลิ้นรสหอมหวาน และไม่มีกลิ่นคาวเนื้อแม้แต่น้อย!
พริกหยวกผัดเนื้อก็อร่อยเป็นพิเศษ!
เถี่ยเสวียนคิดในใจว่าตัวเองคงไม่ได้กินอาหารแบบนี้มานานถึงรู้สึกเช่นนี้……
แต่เขาก็กินคำแล้วคำเล่าอย่างอดไม่ได้
ท่าทางการกินของชายชุดเทาดูสุภาพกว่ามาก แต่ดูออกว่าเขาชอบกับข้าวที่จางซิ่วเอ๋อทำนัก