บทที่ 195 ถูกพาตัวไป
จางอวี่หมินมองจางซิ่วเอ๋อที่ตกอับอย่างยินดี เฮอะ ดูซิว่าจางซิ่วเอ๋อจะเหิมเกริมอย่างไรได้อีก!
ไปครั้งนี้ คนตระกูลเนี่ยไม่ยอมปล่อยจางซิ่วเอ๋อไปง่าย ๆ แน่นอน!
หลีฮวาที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนมีรอยยิ้มบาง ๆ เปื้อนหน้าเช่นเดียวกัน
จวี๋ฮวาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน นางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเป็นกังวล รู้สึกเป็นห่วงจางซิ่วเอ๋อขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นสะใภ้ตระกูลหวัง หากเวลานี้ฝืนออกตัวช่วย นอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังจะพาลนำเรื่องซวยมาสู่ตระกูลหวังด้วย
ที่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้กลมเกลียวขนาดนี้ ด้านหนึ่งเพราะแม่หวังเห็นอกเห็นใจคนเป็นลูกสะใภ้อย่างจวี๋ฮวา อีกด้านก็เพราะจวี๋ฮวารู้จักวางตัว
นางไม่ทำในสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ของตระกูลหวัง และทำให้คนตระกูลหวังลำบากใจ
เหล่าคนกลุ่มนี้ได้พาตัวจางซิ่วเอ๋อไปยังทางเข้าหมู่บ้าน และกำลังจะออกจากตัวหมู่บ้าน
ทันในนั้นคนผู้หนึ่งก็วิ่งโซซัดโซเซเข้ามา และกางแขนขวางอยู่ตรงหน้าทุกคน “พวกเจ้าทำอะไร! ปล่อยพี่ซิ่วเอ๋อของข้าซะ!”
จางซิ่วเอ๋อมองจ้าวเอ้อร์หลางที่หายใจหอบ นึกอบอุ่นในใจ “เอ้อร์หลาง เจ้ามาได้อย่างไร?”
“พี่ซิ่วเอ๋อ! พี่วางใจเถอะ ข้าไม่ยอมให้คนพวกนี้พาตัวพี่ไปหรอก!” จ้าวเอ้อร์หลางกัดฟันแน่น สองมือกำหมัด
“เอ๊ะ! เด็กผู้ชายจากไหนเนี่ย? ขนยังขึ้นไม่ครบเลยริอาจจะยุ่งเรื่องชาวบ้าน!” หัวหน้าแม่เฒ่าถลึงตามองจ้าวเอ้อร์หลาง
จ้าวเอ้อร์หลางตาแดงก่ำ สีหน้ามุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ “พวกเจ้าปล่อยพี่ซิ่วเอ๋อของข้ามาซะ!”
พูดเสร็จจ้าวเอ้อร์หลางก็พุ่งมาด้านหน้ากระชากแม่เฒ่าที่คุมตัวจางซิ่วเอ๋ออยู่
หัวหน้าแม่เฒ่าเห็นสิ่งที่จ้าวเอ้อร์หลางทำแล้วก็โมโหขึ้นมา
นางแค่นเสียง “จางซิ่วเอ๋อ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ มีคนอยากจะปกป้องเจ้าไว้ตั้งมากมาย แต่ข้าจะบอกเจ้าให้นะ อย่าว่าแต่ไอ้เด็กที่ขนยังขึ้นไม่ครบนี่เลย ต่อให้เป็นผู้อื่น วันนี้เจ้าก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้!”
จางซิ่วเอ๋อมองจ้าวเอ้อร์หลางและพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ “เอ้อร์หลาง เจ้ารีบไปเร็ว เจ้าทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”
เจ้าเอ้อร์หลางช่วยนางโดยไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง นางรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่เหนือความซาบซึ้งแล้วนางเป็นห่วงความปลอดภัยของจ้าวเอ้อร์หลางมากกว่า
คนตระกูลเนี่ยเหล่านี้ไว้ใจไม่ได้ หากพาลโมโหเอ้อร์หลาง เอ้อร์หลางได้เจอดีแน่
แม้จางซิ่วเอ๋อจะอยากให้มีใครมาช่วยออกไป แต่ก็ไม่อยากทำให้คนที่ห่วงใยตัวเองอย่างจ้าวเอ้อร์หลางติดร่างแหไปด้วย
“พี่ซิ่วเอ๋อ ข้าจะช่วยพี่ออกมาให้ได้” จ้าวเอ้อร์หลางพูดอย่างแน่วแน่
แม่เฒ่าคนหนึ่งดึงตัวจ้าวเอ้อร์หลางไว้ได้ และผลักจ้าวเอ้อร์หลางไปข้างหลังอย่างแรง ก่อนจะถีบเขา
หัวหน้าแม่เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น “ไม่รู้จักเจียมตัวเอาซะเลย!”
จางซิ่วเอ๋อมองจ้าวเอ้อร์หลางด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก “เอ้อร์หลาง…..”
ต่อให้จ้าวเอ้อร์หลางจะแรงมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแค่เด็กรุ่น คนที่ฮูหยินเนี่ยส่งมาเพื่อพาตัวจางซิ่วเอ๋อกลับไปนั้นเป็นแม่เฒ่าทำงานหนักที่แรงมาก
จ้าวเอ้อร์หลางจะสู้คนพวกนี้ได้อย่างไร?
จ้าวเอ้อร์หลางกลิ้งไปกับพื้นก่อนจะคลานขึ้นมา
หลังจากเขาคลานขึ้นมาได้แล้วก็พุ่งมาข้างหน้าอีกครั้ง
“เอ้อร์หลาง! เจ้ารีบไปเถอะ เจ้าทำแบบนี้ต่อไปนอกจากจะช่วยข้าไม่ได้แล้วจะพาลทำให้ตัวเองต้องติดร่างแหไปด้วย!” จางซิ่วเอ๋อบอกอย่างร้อนใจ
หัวหน้าแม่เฒ่าเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าเห็นว่าเจ้าอายุน้อย เวลานี้จึงตั้งใจจะปล่อยเจ้าไป หากเจ้าดึงดัน ก็อย่าหาว่าพวกเราใจร้ายแล้วกัน เรื่องของพวกเราตระกูลเนี่ยไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามายุ่งได้หรอกนะ!”
จ้าวเอ้อร์หลางมองจางซิ่วเอ๋อตาแดง ไม่สนใจหัวหน้าแม่เฒ่าเลยสักนิด
“เอ้อร์หลาง! เจ้ายังนับข้าเป็นพี่สาวอยู่หรือไม่?” จางซิ่วเอ๋อถามเสียงโกรธขึ้ง
น้ำเสียงของจ้าวเอ้อร์หลางอ่อนลง “พี่เป็นพี่สาวของข้า เป็นมาตลอด” แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของเขา ทั้งคู่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยด้วยซ้ำ แต่ในใจของจ้าวเอ้อร์หลางยกจางซิ่วเอ๋อเป็นพี่สาวแท้ ๆ จริง ๆ
“ในเมื่อเจ้ายังนับข้าเป็นพี่สาว ก็อย่าทำในสิ่งที่ทำให้ข้าต้องเสียใจ” จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ
จ้าวเอ้อร์หลางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเศร้าสร้อย “พี่ซิ่วเอ๋อ…..”
น้ำเสียงของจางซิ่วเอ๋ออ่อนลงมาก นางรู้ว่าที่จ้าวเอ้อร์หลางพุ่งเข้ามาในเวลานี้ก็เพราะหวังดีกับตัวเอง แม้ว่าการที่จ้าวเอ้อร์หลางพุ่งเข้ามาแบบนี้จะไม่มีประโยชน์ แต่นางก็เข้าใจในสายใยนี้
จ้าวเอ้อร์หลางอายุน้อยเกินไป ไม่รู้จักวิธีช่วยคน รู้เพียงว่าต้องหยุดนางด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เขาไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ผลีผลามพุ่งเข้ามา
เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋ออบอุ่นใจมาก
จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ “เอ้อร์หลาง ในเมื่อเจ้านับข้าเป็นพี่สาว ก็เชื่อฟังในสิ่งที่ข้าบอก”
“เจ้าไปหาชุนเถาซะ ไปดูแลชุนเถาแทนพี่” จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าหากให้จ้าวเอ้อร์หลางไปเฉย ๆ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าเอ้อร์หลางก็ไม่ยอมไปหรอก เวลานี้ได้แต่ให้จ้าวเอ้อร์หลางไปทำอย่างอื่นที่เป็นการช่วยตัวเอง
จ้าวเอ้อร์หลางได้ฟังแล้วลังเลขึ้นมา
จางซิ่วเอ๋อถามกลับ “หรือเจ้าไม่เชื่อฟังข้า? เมื่อกี้เจ้าพูดแล้วนะว่านับข้าเป็นพี่สาว”
จ้าวเอ้อร์หลางเม้มปาก พูดอย่างน้อยใจ “พี่ซิ่วเอ๋อ ข้าจะเชื่อฟังพี่”
แม้ว่าจ้าวเอ้อร์หลางจะวู่วามไปหน่อยแต่เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อครู่นี้เขาลองแล้ว รู้ว่าวิธีแบบนี้ช่วยจางซิ่วเอ๋อออกมาไม่ได้ และเขารู้ด้วยว่าที่จางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ก็เพราะต้องการปกป้องเขา
“ดีมาก แบบนี้สิเด็กดี เชื่อข้านะ ไปหาชุนเถา” จางซิ่วเอ๋อกำชับ
ชุนเถาต้องการคนคอยช่วยเหลือจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ไม่ค่อยจะวางใจเท่าใด
หัวหน้าแม่เฒ่าพูดอย่างดูแคลน “พวกเจ้าพูดกันจบหรือยัง พูดจบแล้วก็รีบไปได้แล้ว”
พูดเสร็จคนพวกนี้ก็คุมตัวจางซิ่วเอ๋อเดินต่อไปข้างหน้า ด้านหน้ามีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่
แม่เฒ่าผู้รุนแรงยื่นมือคิดจะหิ้วตัวจางซิ่วเอ๋อขึ้นไป แขนของจางซิ่วเอ๋อโดนบีบจนเจ็บไปหมด
จางซิ่วเอ๋อขยับปากและเอ่ยขึ้น “ข้าไปเอง”
ในเมื่อหนีไม่พ้น แล้วนางจะทนให้คนพวกนี้ปฏิบัติต่อตัวเองเช่นนี้ไปทำไมกัน?
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเอง จางซิ่วเอ๋อจึงหัวเราะเสียงเย็น “ข้าเป็นแบบนี้แล้วยังจะหนีไปไหนได้อีกเหรอ?”
“เลิกพูดมากแล้วขึ้นรถซะ” แม่เฒ่าที่จับตัวจางซิ่วเอ๋ออยู่ไม่อยากใช้แรงเหมือนกัน แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ผ่อนแรงที่มือลงไม่น้อย จางซิ่วเอ๋อจึงคลานขึ้นรถม้าเอง
ระหว่างทางที่รถม้าเคลื่อนไปตระกูลเนี่ย จางชุนเถาและจ้าวเอ้อร์หลางสองคนก็รุดหน้าเข้าเมืองด้วยความเร็วสูงสุด
ทั้งสองหาเถ้าแก่เฉียนของอิ๋งเค่อจวีเจออย่างง่ายดาย
เถ้าแก่เฉียนรับปากทั้งคู่ว่าจะส่งข่าวให้คุณชายฉิน
แต่หลังจากส่งข่าวไปแล้ว กลับไม่มีการตอบรับกลับมาเสียที
จางชุนเถาและจ้าวเอ้อร์หลางสองคนนั่งรออยู่หน้าโรงเตี๊ยม ทั้งคู่รอไปร้องไห้ไป
เถ้าแก่เฉียนอยากให้ทั้งสองคนเข้าไปรอในห้อง แต่พวกเขากลับดึงดันจะรอคนตระกูลฉินอยู่ตรงนี้