บทที่ 203 เนี่ยเฟิ่งหลินผู้ลึกลับ
ฮูหยินเนี่ยมองชุนอี้ที่หน้าบวมก็นึกถึงเนี่ยเฟิ่งหลินขึ้นมา รู้สึกคับแค้นใจมาก “จะให้ข้าขวางรึ?”
“แค่นางอ้างเนี่ยหย่วนเฉียว นายท่านก็เข้าข้างนางแล้ว”
เป็นหญิงชั่วช้าซะจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อถูกพาตัวออกจากตระกูลเนี่ยไป
เมื่อมาถึงหน้าประตูตระกูลเนี่ย เนี่ยเฟิ่งหลินมองจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ย “เอาล่ะ เจ้าปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวข้าให้คนส่งเจ้ากลับบ้าน”
จางซิ่วเอ๋อฟังแล้วปีติขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านไม่ได้ให้ข้าไปเฝ้าหลุมศพของเนี่ย….คุณชายเนี่ย แต่จะให้ข้ากลับบ้านงั้นหรือเจ้าคะ?”
เมื่อครู่จางซิ่วเอ๋อยังกังวลนิดหน่อยว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะเอาอย่างไร คิดไม่ถึงว่าความสุขจะมาเร็วขนาดนี้
เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าวยิ้ม ๆ “ต่อให้เจ้าตั้งโต๊ะกราบไหว้เขาที่บ้านเจ้าก็มีค่าเท่ากัน”
เมื่อเป็นเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อจึงนึกขอบคุณเนี่ยเฟิ่งหลินจากใจจริง “ขอบคุณคุณหนูรองเนี่ยเจ้าค่ะ”
เนี่ยเฟิ่งหลินถอนหายใจ “ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านอาหญิงเหมือนหย่วนเฉียว”
จางซิ่วเอ๋อเริ่มไม่กล้าพูดอะไร นางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง หากเนี่ยเฟิ่งหลินเป็นเพียงคนไม่สำคัญสำหรับนาง นางสามารถแย้งเนี่ยเฟิ่งหลินได้เต็มที่
แต่ใครใช้ให้เนี่ยเฟิ่งหลินเพิ่งจะช่วยนางไว้กันล่ะ จางซิ่วเอ๋อจึงพูดทำร้ายจิตใจเนี่ยเฟิ่งหลินไม่ออก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อาจยอมรับฐานะลูกสะใภ้ตระกูลเนี่ยของตัวเองได้
ดูเหมือนเนี่ยเฟิ่งหลินจะดูออกว่าจางซิ่วเอ๋อกำลังลำบากใจ นางยิ้มและบอก “ช่างเถอะ”
พูดมาถึงตรงนี้เนี่ยเฟิ่งหลินชะงักไปนิดหน่อย “ครั้งนี้ทำให้เจ้าต้องลำบาก ข้าต้องขอโทษแทนหย่วนเฉียวด้วย ที่ทำให้เจ้าต้องโดนลากเข้ามาทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไร”
เผชิญกับเนี่ยเฟิ่งหลินแบบนี้ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อจะบันดาลโทสะขนาดไหนก็ไม่อาจใส่อารมณ์กับอีกฝ่ายโดยไม่สนผิดชอบชั่วดีได้ นางเอ่ยขึ้น “ข้ากลับไปแล้วจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้เขาเยอะ ๆ เลยเจ้าค่ะ”
ครั้งนี้ต้องขอบคุณเนี่ยหย่วนเฉียวที่คุ้มครองจริง ๆ
แม้จางซิ่วเอ๋อจะรู้ว่าเรื่องเข้าฝันอะไรนั่นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ก็ช่วยนางไว้ได้จริง ๆ
ความไม่พอใจที่นางมีต่อไอ้ขี้โรคนั่นก็น้อยลงไปมาก
“มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องจำไว้ ที่ฮูหยินหรูเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าไม่ใช่เพราะเจ้าดวงกินสามีจนเป็นเหตุให้หย่วนเฉียวตาย แต่เพราะเจ้าเป็นภรรยาของหย่วนเฉียว นางปฏิบัติกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหย่วนเฉียวเช่นนี้มาตลอด เจ้าอย่าเข้าใจหย่วนเฉียวผิดก็พอ” เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าวอย่างมีความหมาย
จางซิ่วเอ๋อนึกในใจ ก็แค่คนที่ตายไปแล้ว ตัวเองจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็เหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อเนี่ยหย่วนเฉียวนะ
เนี่ยเฟิ่งหลินนี่สิ เวลาแบบนี้แล้วยังต้องมาใส่ใจและอธิบายเรื่องแบบนี้ ดูท่าสำหรับเนี่ยเฟิ่งหลินแล้ว เนี่ยหย่วนเฉียวสำคัญมากจริง ๆ
ต่อให้เนี่ยหย่วนเฉียวตายไปแล้ว เนี่ยเฟิ่งหลินก็ไม่อยากให้เนี่ยหย่วนเฉียวต้องถูกแค้นเคืองโดยใช่เหตุ
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าพลางเอ่ย “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ทีแรกนางเข้าใจเนี่ยหย่วนเฉียวผิดจริง ๆ ตอนนี้ดูท่านางแค่โดนร่างแหไปกับเนี่ยหย่วนเฉียวเท่านั้น
แต่สำหรับจางซิ่วเอ๋อแล้ว ไม่ว่าฮูหยินเนี่ยจะตั้งใจเป็นปฏิปักษ์กับนางด้วยจุดประสงค์ใด ผลลัพธ์ก็เหมือนกันหมด
“ขึ้นรถม้าฝั่งโน้นเถอะ” เนี่ยเฟิ่งหลินชี้รถม้าทางนั้นแล้วเอ่ย
จางซิ่วเอ๋อครุ่นคิดก่อนจะกล่าวขึ้น “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ เมื่อครู่ก็รบกวนท่านมามากแล้ว ข้ากลับไปเองได้”
แม้เนี่ยเฟิ่งหลินเป็นคนไม่เลว แล้วยังช่วยนางไว้ด้วย แต่จางซิ่วเอ๋อไม่อยากข้องแวะกับคนตระกูลเนี่ยแล้วจริง ๆ
เนี่ยเฟิ่งหลินเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อยืนยันหนักแน่น จึงไม่ฝืน
จางซิ่วเอ๋อเดินกลับไปทีละก้าว
ต่อให้ยังเจ็บอยู่บ้าง แต่จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองแค่บาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก กลับไปรักษาตัวหน่อยเดี๋ยวก็หาย
แม้จะอัปยศไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าผลลัพธ์ที่นางคิดไว้ไม่รู้กี่เท่า ซึ่งนางยังรับได้อยู่
ส่วนเนี่ยเฟิ่งหลินขึ้นรถม้าอีกคันหนึ่งไป รถม้าคันนี้เป็นคันที่นางนั่งตอนขามา มันไม่ได้เข้าไปในตระกูลเนี่ยแต่อย่างใดและจอดรออยู่ไม่ไกล
ทันทีที่นางเข้ามาในรถม้า ก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวที่รออย่างร้อนใจอยู่ในนั้น
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เนี่ยหย่วนเฉียวจับแขนเนี่ยเฟิ่งหลินอย่างเป็นกังวล
เนี่ยเฟิ่งหลินขยับตัวนิดหน่อย “หย่วนเฉียว เจ้ามีนิสัยใจร้อนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เนี่ยหย่วนเฉียวทำใจให้สงบก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านอาหญิง นาง…..”
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะถามอะไร นางไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้กำลังเดินทางกลับบ้าน” เนี่ยเฟิ่งหลินชี้ข้างนอกพลางบอก
เนี่ยหย่วนเฉียวเลิกม่านรถม้าขึ้นนิดหนึ่งก็เห็นแผ่นหลังของจางซิ่วเอ๋อ
“ทำไมอาหญิงไม่ไปส่งนางหน่อยล่ะขอรับ?” เนี่ยหย่วนเฉียวพูดออกมาทันที
เนี่ยเฟิ่งหลินมองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยรอยยิ้มบาง “เจ้านี่นะ พอมีเมียก็ลืมอาขึ้นมาเชียว แต่ข้าจะบอกเจ้าให้ชัด ๆ นะ เจ้าจะได้ไม่ต้องมานึกเคืองขุ่นอาหญิงอย่างข้า ข้าเห็นว่าแม่หนูนั่นระแวงคนตระกูลเนี่ยมาก ข้าบอกว่าจะไปส่งนาง แต่นางปฏิเสธ ข้าจึงคิดว่าให้นางกลับไปเองนางคงจะสบายใจมากกว่า”
“ท่านอาหญิง ข้าแค่…..รู้สึกผิดมาก” เนี่ยหย่วนเฉียวอธิบาย
แม้ปากจะอธิบายไปแบบนั้น ในใจเขากลับมีความรู้สึกอย่างอื่น เพียงเพราะรู้สึกผิดถึงทำดีกับจางซิ่วเอ๋อขนาดนี้เหรอ?
หากจางซิ่วเอ๋อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเนี่ย แต่นางเจออันตรายเข้า เขาจะช่วยหรือไม่?
คำตอบคือช่วยอยู่แล้ว
เขาทนเห็นจางซิ่วเอ๋อทุกข์ใจไม่ได้หรอก
แต่น่าเสียดาย ความทุกข์ใจที่จางซิ่วเอ๋อได้รับในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างจัง คิดมาถึงตรงนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็ใจไม่ดีขึ้นมา
เขาคิดจะเลิกม่านรถม้าออกและเดินลงไปจากรถเสียเดี๋ยวนี้
เนี่ยเฟิ่งหลินยื่นหมับไปคว้าเนี่ยหย่วนเฉียวไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! นี่หน้าประตูจวนตระกูลเนี่ยเลยนะ เจ้าลงไปแบบนี้ต้องถูกพบเจอแน่ ๆ!”
แม้ว่าตอนอยู่ตระกูลเนี่ยภาพลักษณ์ของเนี่ยหย่วนเฉียวจะเป็นเพียงคนขี้โรคที่ไม่ออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว คนในจวนตระกูลเนี่ยก็อาจจะไม่ได้รู้จักเนี่ยหย่วนเฉียวไปเสียทุกคน แต่การที่เนี่ยหย่วนเฉียวปรากฏตัวที่นี่ก็ยังอันตรายเกินไป
เนี่ยเฟิ่งหลินมองสีหน้าร้อนใจของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วก็อ่อนใจ
“ออกรถ” เนี่ยเฟิ่งหลินสั่ง
รอจนถึงที่ที่ไม่มีใครเห็นแล้ว เนี่ยเฟิ่งหลินถึงเอ่ยปาก “ตอนนี้ลงไปได้แล้ว ขืนข้ายังไม่ยอมหยุดรถเจ้าได้กระโดดลงไปแน่”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองเนี่ยเฟิ่งหลินอย่างมีความหมาย “ขอบคุณท่านอาหญิงมาก”
“เอาเถอะ ๆ ไม่ต้องมาพูดจายกยอข้าหรอก เจ้านี่นะ ถ้ายังนึกถึงข้าบ้างก็มาเยี่ยมข้าบ่อย ๆ หากตอนไหนพาแม่หนูนั่นมาพบข้าได้ข้าจะยิ่งดีใจกว่านี้” เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าวยิ้ม ๆ
สีหน้าเนี่ยหย่วนเฉียวดูพิลึกพิลั่นขึ้นมา ทว่าไม่ได้อธิบายอะไร เขาลงจากรถม้าไปและไล่ตามไปทางทิศที่จางซิ่วเอ๋อจากไป
จางซิ่วเอ๋อเดินไปสักพักก็สัมผัสได้ว่ามีคนสะกดรอยตามตัวเองมาทางด้านหลัง
ความรู้สึกนั้นชัดเจนมาก ราวกับมีคนมองนางด้วยสายตาเร่าร้อนจากด้านหลัง ต่อให้นางอยากจะหลอกตัวเองว่ารู้สึกไปเองก็ทำไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อขนลุกในใจ เพราะตัวเองออกมาจากตระกูลเนี่ยทั้งแบบนี้
แม้ว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะขู่ฮูหยินเนี่ยไปแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าฮูหยินเนี่ยจะส่งคนมาสั่งสอนตัวเองเพื่อดับความโมโหและอับอายหรือไม่?
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เป็นห่วงเขาล่ะสิหย่วนเฉียว ตามไปให้ทันนะ
ไหหม่า(海馬)