บทที่ 227 เจ้าไม่ต้องกินหรอก
จางซิ่วเอ๋อไม่เดินต่อ เพราะที่บ้านยังมีธุระต้องจัดการ
ตอนที่หันกลับไปนั้นเอง นางก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวยืนมองมาจากหน้าประตู
จางซิ่วเอ๋อเดินกลับไปโดยไม่คิดอะไร ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะออกมาเดินเล่นหน้าประตูก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ขณะที่จางซิ่วเอ๋อเดินผ่านเนี่ยหย่วนเฉียว นางก็ไม่ทันสังเกตแววซับซ้อนที่ฉายอยู่ในนัยน์ตาของเนี่ยหย่วนเฉียว
จางซิ่วเอ๋อยังเป็นคนไปส่งข้าวให้แม่โจวในเวลากลางคืนเหมือนเดิม เกี๊ยวน้ำที่ทำครั้งนี้เป็นเกี๊ยวน้ำไส้ผักจี้ฉ่ายมันเยิ้มเต็มถ้วยใหญ่ แค่เห็นก็อยากอาหารแล้ว
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อไปส่งเกี๊ยวน้ำนั้น คนตระกูลจางก็กินข้าวกันแล้วเช่นกัน
พวกเขากินโจ๊กข้าวโพดบดใส่ฟักที่แม่เถาเป็นคนทำ ฝีมือของแม่เถาห่างชั้นกับแม่โจวมากนัก โจ๊กที่นางทำดูทั้งเหนียวทั้งข้นที่แค่เห็นก็หมดความอยากอาหาร แถมยังมีกากข้าวไหม้ติดกระทะผสมอยู่ในนั้นด้วย
หากไม่ใช่เพราะอาหารนั้นมีค่ามาก ของกินเช่นนี้ต่อให้บอกว่าเป็นอาหารหมูก็มีคนเชื่อ
ก่อนหน้านี้ขอแค่ได้กินอิ่ม ต่อให้กับข้าวไม่อร่อยทุกคนก็ยอมกิน ๆ ไป แต่ตอนนี้น่ะหรือ แค่คิดว่าแม่โจวได้กินอาหารดี ๆ อยู่ในห้อง บวกกับไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ว่าพวกเขาได้กลิ่นหอมจาง ๆ นั้นจริง ๆ พวกเขาจึงหมดความอยากอาหารยามมองกับข้าวตรงหน้า
จางอวี่หมินมองแม่เฒ่าจางอย่างน่าสงสาร พลางเรียกเสียงเบา “ท่านแม่…..”
ตอนนี้แม่เฒ่าจางกำลังอารมณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นลูกสาวที่นางรักใคร่มากที่สุดเวลานี้น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “อะไร?”
“ข้าอยากกินเนื้อ” จางอวี่หมินอยากกินมากจริง ๆ
จางเป่าเกินสมทบนิ่ง ๆ “ข้าอุตส่าห์กลับมาบ้านสักครั้ง ท่านย่าก็ไม่รู้จักทำของดี ๆ ให้ข้ากินบ้างเลย”
“รีบกินเถอะ! เลิกอยากกินของคนอื่นได้แล้ว! อย่างกับเราขาดแคลนนักแหละ!” แม่เฒ่าจางพูดอย่างโมโห
ครั้งนี้ไม่ได้มีใครสนใจอยากกินของจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ เพียงแต่อยากให้แม่เฒ่าจางออกเงินซื้ออะไรบ้าง แต่แม่เฒ่าจางกลับคิดว่าที่ทุกคนเป็นแบบนี้ก็เพราะอยากกินของจางซิ่วเอ๋อ
นางเองก็อยาก แต่ใช่ว่าอยากแล้วจะได้มาเสียหน่อย
จางอวี่หมินกัดริมฝีปาก และเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ หรือว่า…..พรุ่งนี้เราเชือดไก่กันดีหรือไม่?”
จางอวี่หมินแค่ลองถามหยั่งเชิงเท่านั้น นางไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจ แม้ว่าแม่เฒ่าจางจะรักใคร่นาง แต่ก็ให้ความสำคัญกับไก่นั่นมากเช่นเดียวกัน เดี๋ยวนี้ไก่ตัวนั้นออกไข่ทุกวัน ไข่ไก่ก็นำไปขายแลกเหรียญได้
จางอวี่หมินไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าจะทำให้แม่เฒ่าจางเชือดไก่ได้
แม่เฒ่าจางเลิกคิ้ว พูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เชือดไก่? เจ้าไม่รู้หรือว่าที่บ้านเราลำบากเลี้ยงไก่พวกนี้ไว้ทำไม ก็เพื่อหาเงินเพิ่มไม่กี่เหรียญนั่นอย่างไรเล่า”
“ตอนนี้เจ้าจะกินไก่ตัวนั้น ใครจะเอาเงินให้ข้า” แม่เฒ่าจางรู้สึกว่าตอนนี้จางอวี่หมินไม่น่ารักเลยจริง ๆ
“ท่านแม่…..ในเมื่ออวี่หมินอยากกิน เราก็อย่าปล่อยให้อวี่หมินอดเลย นางใกล้จะออกเรือนแล้ว ฉวยโอกาสที่นางยังอยู่ที่บ้าน เราทำอะไรให้นางกินได้ก็ทำเถอะ” แม่เถาพูดด้วยสีหน้าหวังดีกับจางอวี่หมิน
แท้ที่จริงแล้วนางกลับคิดว่า ถึงตอนนั้นคงไม่ให้จางอวี่หมินกินลำพังหรอกถูกไหม? ทุกคนน่าจะได้กินกันหมด
แม่เฒ่าจางได้ฟังแล้วพลันนึกถึงเรื่องที่จาวอวี่หมินถึงวัยออกเรือนแล้วขึ้นมา และตอนนี้ก็เริ่มดูตัวแล้ว ขืนตอนนี้ไม่ทำดีกับจางอวี่หมินหน่อย อีกหน่อยจางอวี่หมินออกเรือนไปนางจะตามจางอวี่หมินไปกินดีอยู่ดีได้อย่างไร
พอคิดได้ดังนี้ แม่เฒ่าจางจึงกล่าวขึ้น “เรื่องเชือดไก่กินพวกเจ้าเลิกคิดได้เลย พวกเราก็ไม่มีปัญญาไปล่าไก่ป่าด้วย เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ไปซื้อเนื้อติดมันมา 1 ชั่ง พวกเราก็พัฒนาอาหารการกินหน่อย”
เนื้อติดมันจะมีราคาแพงหน่อย ทว่าสำหรับคนฐานะร่ำรวยแล้ว ของพวกนี้มันเลี่ยนเกินไป แค่เห็นก็สะอิดสะเอียน
แต่สำหรับคนฐานะยากจนที่ไม่มีเนื้อให้กินเป็นแรมปี ในกระเพาะแทบไม่มีน้ำมันเนื้อติดมันนี้จึงถือเป็นของดีที่ได้มาอย่างยากเย็น
จางอวี่หมินได้ยินแล้วยิ้มออกทันที “ท่านแม่ ท่านดีกับข้าจริง ๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านรักข้าที่สุด อีกหน่อยข้ามีเงินแล้วจะไม่ลืมตอบแทนบุญคุณของท่านเลย ข้าจะให้ท่านได้กินเนื้อกินปลาทุกวัน มีชีวิตอย่างมั่งคั่ง”
คำพูดของจางอวี่หมินช่างพูดได้ถูกใจแม่เฒ่าจางเสียจริง
แม่เฒ่าจางเลี้ยงจางอวี่หมินอย่างตามใจขนาดนี้ ด้านหนึ่งก็เพราะรักจางอวี่หมินจริง ๆ แต่สาเหตุที่มากกว่านั้นก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?
นางคิดว่าจางอวี่หมินหน้าตาดี หากเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี อนาคตจะต้องได้แต่งกับตระกูลดี ๆ แน่นอน แล้วนางจะได้สุขสบายไปด้วย…….
แม่เถามองหน้าจางอวี่หมินแล้วแค่นเสียงเย็นในใจ ดูแคลนแม่เฒ่าจางสุดขีด
นางคิดว่าต่อให้วันหน้าจางอวี่หมินได้ดิบได้ดีก็ไม่นึกถึงความดีของคนตระกูลจางหรอก!
และไม่มีทางพาแม่เฒ่าจางไปมีชีวิตมั่งคั่งด้วยกันแน่นอน!
คนอย่างแม่เฒ่าจางน่ะเหรอจะมีดวงได้ร่ำรวย?
“ต้าหู ช่วงนี้จางซิ่วเอ๋อคงเอากับข้าวให้กินไม่น้อยเลยล่ะสิ พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องกินเนื้อกับพวกเราหรอก จะได้ประหยัดส่วนของเจ้าให้ข้าและน้องสาวเจ้ากิน” แม่เฒ่าจางเอ่ยเรียบ ๆ
จางต้าหูได้ยินว่ามีเนื้อกิน กำลังนึกดีใจ…..วันนี้เขาเห็นแม่โจวกินของดีแต่ละอย่างลงท้อง เขาเองก็อยากกินมากเหมือนกัน
ตอนไม่เห็นคนอื่นกินก็ไม่ได้อยากหรอก อยู่ ๆ ไปแบบนี้ได้
แต่พอเห็นคนอื่นมีกินตัวเองกลับไม่มี ความปรารถนาในใจชั่งทำให้ทุกข์ทนเสียจริง
ทว่าดีใจอยู่ได้ไม่นานเขาก็ได้ยินประโยคนี้ของแม่เฒ่าจาง ในใจเย็นวาบไปครึ่งซีก
ปกติไม่ว่าแม่เฒ่าจางจะให้เขาทำอะไรเขาก็จะปฏิบัติตามโดยไม่แย้งใด ๆ แต่เวลานี้เขาพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ท่านแม่ ซิ่วเอ๋อไม่ได้เอาอะไรให้ข้ากินเลยขอรับ”
“น้องสี่ เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูกนะ จางซิ่วเอ๋อดีกับแม่ของนางออกปานนั้น ทำไมถึงใจร้ายกับเจ้าคนเดียวล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากกินเนื้อให้มากขึ้น แต่จะเอาแต่เอื้อให้พวกเจ้าอย่างเดียวนั้นคงไม่ได้ ที่ชีวิตบ้านเราอัตคัดขนาดนี้จะให้พูดจริง ๆ ก็เพราะจางซิ่วเอ๋อไม่ยอมคืนเงิน……” แม่เถาพูดอย่างไม่พอใจ
จางต้าเหอพูดขึ้นเสียงเข้มทันที “เจ้าเป็นสตรี มัวบ่นพิรี้พิไร้อะไร ต้าหูเป็นน้องชายของข้า ต่อให้กินมากหน่อยจะเป็นอะไรไป อย่างมากพรุ่งนี้ข้าไม่กินแล้ว เอาส่วนของข้าให้ต้าหูกินเลย”
“ต้าหูเอ๋ย พี่สะใภ้เจ้าเป็นคนแบบนี้แหละ ปากไม่มีหูรูด นางพูดจาไม่น่าฟัง แต่เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจนะ” จางต้าเหอปลอบโยน
จางต้าหูฟังแล้วพูดเสียงอึมครึม “พรุ่งนี้ข้าไม่กินแล้ว พี่สาม พวกพี่อย่าลำบากเลย”
จางต้าเหอมองจางต้าหูอย่างพอใจ แต่น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เป็นเพราะพี่ชายอย่างข้าไม่มีปัญญา อีกสักพักข้าจะออกไปทำงานหาเงินใหม่ ประหยัดให้มากขึ้น ทำงานให้มากขึ้น อย่างไรเสียก็ต้องนำเงินกลับมาที่บ้านให้มากกว่าเดิมให้ได้”