บทที่ 235 สิ่งที่ชุนเถาคิด
ต่อให้พวกนางสองพี่น้องอยากมีชีวิตเรียบง่ายไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ก็มักจะมีคนบางกลุ่มที่ไม่ยอมปล่อยพวกนางไปง่าย ๆ
แม้ว่าสตรีเองก็มีชีวิตที่ดีได้ แต่การที่ในบ้านไม่มีบุรุษอยู่เลยก็ไม่ถูก
อีกอย่างจางชุนเถาเป็นห่วงและสงสารจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ จึงหวังว่าจางซิ่วเอ๋อจะหาพี่เขยมาให้นางสักคน
แน่นอนว่าจางชุนเถาลอบสังเกตมาหลายคน และรู้สึกว่าทั้งสวี่อวิ๋นซานและหนิงอันเป็นคนไม่เลว ทว่า…..ไม่เคยคิดเลยว่าคุณชายฉินจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ในใจของจางชุนเถา แม้ว่าคุณชายฉินจะดูหล่อเหลาและร่ำรวย แต่คนแบบนี้คงจะมีสตรีอยู่ไม่น้อย
หากพี่สาวแต่งเข้าไปก็ต้องเป็นอนุภรรยา จะยอมให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน!
จางซิ่วเอ๋อเห็นจางชุนเถาอยู่ในห้วงความคิด จึงรู้ว่าจางชุนเถาคงคิดอะไรไปไกล น้ำเสียงของนางพลอยนุ่มนวลขึ้น “ชุนเถา เราสองคนอยู่กันแบบตอนนี้ไม่ดีเหรอ”
จางชุนเถารีบบอก “ดี ดีมาก แต่……”
“แต่เจ้าเป็นห่วงข้า กลัวว่าหลังจากข้าอายุมากแล้วข่าวลือในหมู่บ้านจะยิ่งมากขึ้น และยิ่งหาคนดี ๆ ไม่ได้” จางซิ่วเอ๋อแทบจะพูดทุกอย่างที่จางชุนเถาคิดออกมาแล้ว
จางซิ่วเอ๋อยื่นมือไปลูบหัวจางชุนเถาพร้อมบอกเสียงอ่อนโยน “ถ้าเจอคนที่เหมาะสม พี่ก็ไม่เป็นแม่ม่ายไปทั้งชีวิตหรอก แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่ควรเร่งมาก หนิงอันเป็นคนดี แต่เจ้าอย่าลืมเรื่องที่ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้…..ว่าเรากับเขารู้จักกันผ่าน ๆ ไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนอย่างไร”
“ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่ได้ดีกับข้าในแบบที่สวี่อวิ๋นซานดีกับข้า” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่านางพบประเด็นสำคัญแล้ว
ทำไมจางชุนเถาถึงอยากจับคู่นางกับหนิงอันล่ะ
ก็เพราะจางชุนเถาคิดว่าหนิงอันดีกับนางน่ะสิ
จางชุนเถายังเด็กมาก ไม่รู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรอก นางแค่เคยเห็นว่าสวี่อวิ๋นซานดีกับนาง และอยากจะแต่งงานกับนาง จึงรู้สึกว่าจุดประสงค์ของหนิงอันเหมือนกับสวี่อวิ๋นซาน
ถึงได้ช่วยพูดให้หนิงอันแบบนี้ เหมือนที่นางเคยช่วยพูดให้สวี่อวิ๋นซาน
สายตาของจางชุนเถาเต็มไปด้วยความสงสัย “มีอะไรไม่เหมือนกันเหรอ พวกเขาดีกับพี่ก็เพราะชอบพี่ไม่ใช่หรือ?”
เห็นท่าทางไร้เดียงสาของจางชุนเถาแล้วจางซิ่วเอ๋อก็นึกขำ “ตอนนี้เจ้าอายุยังน้อย รอให้เจ้าโตกว่านี้หน่อยเจ้าก็จะรู้ว่าไม่เหมือนกัน”
“หนิงอันดีกับข้าเพราะเขาให้ความสำคัญบุญคุณช่วยชีวิตนั้นมากเกินไป” จางซิ่วเอ๋ออธิบาย จะว่าไปจางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าหนิงอันช่างเป็นคนประหลาด แค่บุญคุณช่วยชีวิตไม่ถึงขั้นให้หนิงอันต้องทำขนาดนี้…..
แต่ตอนนี้นางคิดหาสาเหตุอย่างอื่นมาอธิบายพฤติกรรมประหลาดของหนิงอันไม่ได้เลย
ถ้าจะบอกว่าหนิงอันให้ความสำคัญกับบุญคุณช่วยชีวิตมากเกินไป แต่ในตอนแรกก็ไม่ถึงขนาดนี้
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าแม้หนิงอันจะดีกับนาง แต่เรื่องนี้ยังแฝงความพิศวงไว้ไม่มากก็น้อย แต่ตรงไหนที่พิศวงนั้นนางก็พูดไม่ถูก บางครั้งนางถึงได้ต่อต้านความหวังดีของหนิงอัน
จางชุนเถาฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่
เด็กสาวที่ไม่เคยมีความรักคิดว่าการทำดีเท่ากับชอบได้อย่างง่ายดาย
จางซิ่วเอ๋อพูดขึ้นอีกครั้งอย่างเรียบง่าย “พูดง่าย ๆ คือหนิงอันไม่ได้อยากแต่งงานกับข้า ข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับหนิงอัน เพราะฉะนั้นวันหลังเจ้าห้ามพูดเช่นนี้อีก หากหนิงอันได้ยินเข้า…..จะรู้สึกไม่ดี”
จางชุนเถาพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้สวี่อวิ๋นซานเป็นไปไม่ได้แล้ว หนิงอันก็เป็นไปไม่ได้อีก…..แล้วเมื่อใดพี่สาวถึงจะพบคนที่ต้องใจกันล่ะ
ฝนข้างนอกนั้นเทลงมาอย่างรุนแรง แต่ก็ดูเหมือนจะหยุดเร็วเช่นกัน
ขณะนั้นฝนที่เทลงมาได้หยุดแล้ว กลายเป็นเพียงฝนตกปรอย ๆ
เวลานี้ข้างนอกดูมืดมิด แต่ก็ไม่ได้ดึกมาก ยังไม่ถึงเวลานอน จางซิ่วเอ๋อคิดได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองและหนิงอันเปียกฝนทั้งคู่ จึงคิดจะไปต้มน้ำขิง
จางซิ่วเอ๋อจึงออกจากประตูไป
จนกระทั่งมาถึงห้องครัว นางก็พบว่าภายในนั้นมีแสงไฟสว่างวอมแวมอยู่
เนี่ยหย่วนเฉียวนั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้างเตาและกำลังมองเปลวไฟในนั้น
เอ่อ……
“หนิงอัน?” จางซิ่วเอ๋อถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
เนี่ยหย่วนเฉียวหันกลับมามองจางซิ่วเอ๋อก่อนจะบอก “ข้ามาต้มน้ำขิง”
จางซิ่วเอ๋อแปลกใจขึ้นไปอีก ไหนบอกว่าสุภาพชนไม่เข้าห้องครัว ทำไมหนิงอันไม่ทำตามบทบาทเลยล่ะ
“เสร็จแล้ว” เนี่ยหย่วนเฉียวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
เขาเปิดฝาหม้ออย่างช่ำชอง หยิบถ้วยมาตักน้ำขิง “เดี๋ยวเจ้ากินให้เยอะ ๆ เลยนะ ก่อนหน้าไม่นานเจ้าเพิ่งบาดเจ็บมา ร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นจะเป็นหวัดไม่ได้”
เนี่ยหย่วนเฉียวพูดทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ไม่รู้ทำไมจางซิ่วเอ๋อถึงรู้สึกว่าคำพูดของเนี่ยหย่วนเฉียวนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าพลางเอ่ย “ขอบคุณนะ”
ทั้งสองนั่งในห้องครัวและดื่มน้ำขิงจนหมด เมื่อจางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าร่างกายอุ่นขึ้นแล้วจึงกลับไปนอน
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่อากาศดี
จางซิ่วเอ๋อตื่นค่อนข้างเช้า และจะไปเก็บลอบจับปลากลับมา แต่เพิ่งจะออกจากห้องก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวอยู่ที่ลานบ้านพร้อมกับลอบจับปลา กะละมังไม้ข้างกายเขามีปลาอยู่ไม่น้อย
จางซิ่วเอ๋อมุมปากกระตุก ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย พ่อพระเนี่ยหย่วนเฉียวไปเก็บลอบจับปลากลับมาแล้ว
จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามองไปก็เห็นว่าในนั้นมีปลาจี้ที่ตัวไม่เล็กอยู่หลายตัว จึงพูดกับจางชุนเถา “ชุนเถา วันนี้เราตุ๋นแกงปลาจี้ให้ท่านแม่กินตอนเที่ยง เดี๋ยวข้าจะไปที่เมืองเพื่อซื้อพวกขาหมูมานะ”
ของประเภทปลาจี้และขาหมูนั้น หญิงสาวในบ้านอื่นก็คงไม่มีโอกาสได้กินต่อให้เป็นตอนอยู่ไฟก็ตาม
แม่โจวมีลูกมาสามคนแล้ว ไม่ว่าจะตอนท้องหรือตอนอยู่ไฟก็ไม่เคยได้กินของดีขนาดนี้
จางซิ่วเอ๋อกลับยอมซื้อให้แม่โจว
ถึงแม้ชีวิตนางเองจะไม่ได้มั่งคั่ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องงกของกินกับคนในครอบครัว
จางซิ่วเอ๋อเข้าเมืองไปซื้อของที่ต้องการเรียบร้อยตามที่คิด ก่อนจะไปเยี่ยมโจวเหวิน
ไกลลิบออกไปจากร้านช่างไม้นั่นเอง จางซิ่วเอ๋อก็ได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นของหยางชุ่ยฮวา “ทำแบบนี้ได้อย่างไร! ไม่ได้การ ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้แหละ! โจวเหวิน ประเดี๋ยวเจ้ากลับบ้านไปบอกท่านแม่ว่าให้มาพรุ่งนี้ด้วย!”
“ข้าจะดูซิว่านังแม่เฒ่าชั่วช้าชั้นต่ำนั่นจะเอาอย่างไร! คิดว่าบ้านเราไม่มีคนหรือไร!” หยางชุ่ยฮวาพูดเสียงโมโห
จางซิ่วเอ๋อมองไป ไม่รู้ว่าหยางชุ่ยฮวาและโจวเหวินสองคนคุยอะไรกัน ด้านข้างหยางชุ่ยฮวามีถังไม้สองถัง ดูก็รู้ว่ามาขายปลา
เมื่อวานฝนตก อากาศแบบนี้ทำให้จับปลาได้มากกว่าปกติ ซึ่งครั้งนี้หยางชุ่ยฮวาน่าจะหาเงินได้ไม่น้อย
จางซิ่วเอ๋อเดินไปข้างหน้า “ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ น้าเล็ก”
โจวอู่ โจวเหวินและหยางชุ่ยฮวาต่างมองมาที่จางซิ่วเอ๋อ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชุนเถาชงเรือเฉียวเอ๋อแรงมากเลยค่ะ
หยางชุ่ยฮวานี่คือเตรียมไปตบคนบ้านจางแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)