บทที่ 237 พลังรบเต็มเปี่ยม
“พี่สะใภ้สาม ทำไมท่านไม่ไปเองเล่า?” จางอวี่หมินเถียง
แม่เถาเอ่ยขึ้น “สตรีนางนี้บ้าไปแล้ว ข้ายังต้องดูแลสือโถวนะ สือโถวยังเด็กขนาดนี้ ถ้าโดนลูกหลงจะทำอย่างไร”
จางอวี่หมินเอ่ยขึ้นอีก “พี่สามพี่สี่ พวกพี่รีบไปช่วยแม่สิ!”
“น้องสี่ เจ้าไปดึงตัวนังบ้านั่นออกมา” จางต้าเหอสั่ง
จางต้าหูไม่ได้คิดมากอะไร เดินเข้าไปดึงหยางชุ่ยฮวาออกมาทันที
และได้ยินเสียงหยางชุ่ยฮวาตะโกนใส่โจวอู่ “เจ้ามัวยืนอึ้งอะไรอยู่!”
โจวอู่รีบพุ่งเข้ามา “จางต้าหู! เดี๋ยวนี้เจ้าชักจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วนะ!”
จางต้าหูอึ้ง “เจ้ารู้จักข้าเหรอ?”
ถ้าจางต้าหูไม่พูดประโยคนี้ยังไม่เท่าไหร่ พอเขาพูดแบบนี้ก็เหมือนราดน้ำมันลงกองเพลิง โจวอู่เอ่ยเสียงเข้ม “ไอ้จางต้าหู เจ้าไม่รู้จักข้าเสียแล้วเหรอ! เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้ว่าข้าคือใคร ข้าคือพี่ใหญ่ของเหมยจื่อ!”
แม่เฒ่าจางร้องเสียงแหลม “อะไรนะ? พวกเจ้าเป็นคนในครอบครัวของนังตัวขาดทุนเหรอ?”
คนตระกูลจางไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลโจวมานานแล้ว ตอนที่คนพวกนี้รังแกแม่โจว พวกเขาไม่เคยคำนึงเลยว่าแม่โจวก็เป็นลูกสาวคนอื่นเหมือนกัน แล้วจะมีใครมาคิดบัญชีกับพวกเขาหรือไม่
บัดนี้หยางชุ่ยฮวาลุกขึ้น ถีบแม่เฒ่าจางอย่างแรง แล้วจึงตบมือและยืนตัวตรง
เสื้อผ้าเผ้าผมของแม่เฒ่าจางถูกกระชากจนยุ่งไปหมด บนใบหน้าก็มีรอยข่วนเลือดซิบหลายรอย
ส่วนหยางชุ่ยฮวาแม้จะสู้รบปรบมือกับแม่เฒ่าจางไปเมื่อครู่นี้ แต่สภาพดีกว่าแม่เฒ่าจางไม่รู้ตั้งเท่าใด
อย่างน้อยบนใบหน้าของหยางชุ่ยฮวาก็ไม่ค่อยมีรอยเลือดซิบนัก
นางจัดแจงผมเผ้าตัวเอง ดูแทบจะปกติดี
อย่างไรเสียแม่เฒ่าจางก็อายุมากแล้ว บวกกับหยางชุ่ยฮวาลงมือก่อนได้เปรียบ ตอนนี้แม่เฒ่าจางจึงเหนื่อยหอบ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้นางเสียเปรียบอย่างยิ่ง
หยางชุ่ยฮวาเลิกคิ้ว มองแม่เฒ่าจางพร้อมกล่าว “ว่าอย่างไรนะ? เจ้าว่าใครเป็นตัวขาดทุน? เดี๋ยวแม่เย็บปากเหี่ยว ๆ ซะเลยนี่?”
“จางต้าหู! นี่เป็นคนในครอบครัวเมียเจ้า! เจ้ายังไม่รีบจัดการอีก! นี่มันเรื่องอะไรกัน! อธิบายข้ามาเดี๋ยวนี้เลย!” แม่เฒ่าจางเห็นจางต้าหูที่ยืนอึ้งอยู่ด้านข้างแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด
แม่เถาพูดอย่างเห็นดีเห็นงามกับความวุ่นวายนี้ “ข้าก็นึกว่าใคร? ที่ไหนได้คนในครอบครัวแม่โจวหรอกเหรอ! ทำไมถึงมาอาละวาดที่บ้านเราเสียล่ะ?”
“พี่สี่ พี่เห็นไหมว่าแม่เราโดนรังแกขนาดไหน พี่ต้องออกมาจัดการแล้วนะ!” จางอวี่หมินพูดโดยไม่กลัวว่าเรื่องจะบานปลาย
“เฮอะ! พวกเจ้าเรียกจางต้าหูไปก็ไม่มีประโยชน์! ข้าจะบอกพวกเจ้าตรง ๆ เลย ว่าวันนี้ข้าไม่ได้มาเอาเรื่องพวกเจ้า ข้ามาเอาเรื่องจางต้าหู!” หยางชุ่ยฮวาเท้าสะเอวด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“เจ้าเป็น…..ของเหมยจื่อ……” จางต้าหูนึกไม่ออกว่าหยางชุ่ยฮวาเป็นใคร
หยางชุ่ยฮวาอัดอั้นตันใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งเดือดขึ้นไปใหญ่ “จางต้าหู! หนอนไชตาเจ้าหรืออย่างไร? ทำไม? แกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้จักข้าหรือไร?”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วเกือบจะหลุดขำออกมา
หนอนไชตา…..คำนี้ด่าได้น่าขยะแขยงสุด ๆ และสร้างสรรค์มากด้วย
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองนับถือหยางชุ่ยฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ
เวลานี้จางต้าหูนึกออกแล้วว่าหยางชุ่ยฮวาเป็นใครในที่สุด จึงถามอย่างหยั่งเชิง “พี่สะใภ้ใหญ่?”
“แหม! หนอนเลื้อยออกมาแล้วเหรอ?” หยางชุ่ยฮวามองจางต้าหูอย่างดูหมิ่น
จางซิ่วเอ๋อรำพึงในใจว่าโชคดีที่ตอนนี้ตัวเองยังไม่กินข้าว ถ้ากินข้าวแล้วมาได้ยินหยางชุ่ยฮวาด่าแบบนี้แล้วนึกภาพตาม คงได้อาเจียนแน่ ๆ
หลังจากจางต้าหูรู้ว่าหยางชุ่ยฮวาเป็นใครแล้ว เขาก็ไม่ทันได้โมโหกับคำพูดท้าทายของหยางชุ่ยฮวา กลับรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“คือว่า….พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไรรึ?” เนิ่นนานกว่าจางต้าหูจะขมุบขมิบถามประโยคหนึ่งออกมา
จางต้าหูหวั่นใจนิดหน่อย ก่อนหน้านี้คนในครอบครัวแม่โจวไม่เคยมาหาเลยสักครั้ง เขาจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน บัดนี้หยางชุ่ยฮวามาหาถึงที่ เขาพลันพบว่าชีวิตของแม่โจวดูจะไม่ค่อยสบายเท่าใด
เรื่องอื่นไม่ว่า เอาแค่ตอนนี้แม่โจวยังนอนอยู่บนเตียงกระดิกไปไหนไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งโดนโยนเข้าไปในห้องเก็บฟืน…..
แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ผิดมาก แต่ก็ยังหวั่นใจอยู่ดี
หยางชุ่ยฮวาแค่นเสียงเย็น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าจะบอกว่าข้ามาไม่ได้รึ? ข้ามาแล้วเกะกะลูกตาเจ้าใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น” จางต้าหูรีบอธิบายอย่างลนลาน
แม่เฒ่าจางเห็นแบบนั้นแล้วพูดอย่างเจ็บใจที่ลูกไม่รักดี “จางต้าหู! เจ้ามีศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหม? นังบ้านี่เป็นใครแล้วจะไปสนทำไม! เมื่อกี้นางทำแบบนั้นกับข้า! เจ้าไม่ควรสั่งสอนนางหน่อยเหรอ! ตอนนี้เจ้าจะทำตัวนอบน้อมทำไมกัน?”
“ท่านแม่…..” จางต้าหูมองแม่เฒ่าจางอย่างลำบากใจ ตอนนี้เขาเป็นคนกลาง จึงลำบากใจกับทั้งสองฝ่าย
หยางชุ่ยฮวาแค่นหัวเราะขณะมองแม่เฒ่าจาง “นี่นังเฒ่า ทำไมเจ้าต้องแส่ทุกเรื่องด้วยเล่า?”
“เจ้าพูดจาแบบนี้ได้อย่างไร?” แม่เฒ่าจางถลึงตามองหยางชุ่ยฮวา
“ข้าพูดจาอย่างไร? ข้าว่าข้าก็เกรงใจมากแล้วนะ เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าเจ้าทำเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอะไรบ้าง! ที่วันนี้ข้ายังพูดดี ๆ อยู่ถือว่าไว้หน้าเจ้ามากแล้ว!” หยางชุ่ยฮวาไม่ยอมถอยเลยสักนิด
หยางชุ่ยฮวาและแม่เฒ่าจางต่างเป็นคนเสียงดังทั้งคู่ เพียงไม่นานนักก็มีคนไม่น้อยที่ได้ยินเสียงทั้งสองคนทะเลาะกัน
โดยเฉพาะเมื่อครู่ที่ทั้งสองไม่ใช่แค่ทะเลาะกัน แต่ลงมือกันด้วย นี่มันเรื่องสนุกชั้นดีเลยล่ะ!
คนในหมู่บ้านไม่น้อยกรูเข้ามาอยู่ที่หน้าประตูตระกูลจางและชะโงกหน้ามองเข้ามา
คนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ บัดนี้ก็มีพวกใจกล้าไม่กลัวมีปัญหาเดินเข้ามาดูถึงด้านในลานบ้านตระกูลจาง
“ทุกคนช่วยข้าตัดสินหน่อย นังแก่โฉดชั่วนี่ขายหลานสาวข้าไปให้ไอ้ขี้โรคเพื่อเงิน มันเป็นเรื่องที่คนควรทำเหรอ? เป็นเรื่องที่คนเป็นย่าควรทำเหรอ?” หยางชุ่ยฮวานึกถึงเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อต้องเป็นแม่ม่ายแล้วแค่นเสียงเย็น
นึกถึงจางซิ่วเอ๋อแล้วหยางชุ่ยฮวาสงสารเด็กคนนี้มาก เด็กคนนี้โตแล้ว รู้เรื่องแล้วและน่าเอ็นดู แต่น่าเสียดายที่เด็กสาวดี ๆ แบบนี้เพิ่งแต่งงานก็ต้องเป็นม่าย แล้วยังต้องแบกรับชื่อเสียงว่าดวงกินสามีด้วย
“เจ้าพูดอะไรน่ะ? ตระกูลเนี่ยเป็นครอบครัวที่ดีที่สุดในย่านนี้แล้วนะ ข้าให้ซิ่วเอ๋อแต่งงานก็เพื่อตัวนางเองทั้งนั้น!” แน่นอนว่าแม่เฒ่าจางไม่มีทางยอมรับต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้หรอกว่าตัวเองยกจางซิ่วเอ๋อให้เพราะเงิน
หยางชุ่ยฮวาแค่นเสียงเย็น “ในเมื่อทำเพื่อซิ่วเอ๋อ แล้วตำลึงเงินที่ตระกูลเนี่ยให้เจ้ามาทำไมตอนนี้เจ้าไม่ให้ซิ่วเอ๋อซะล่ะ? ซิ่วเอ๋อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
“ข้าว่าหญิงอย่างเจ้านี่น่ารำคาญจริง ๆ ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวข้า! เจ้ามาโวยวายอะไรที่บ้านข้า? เจ้ากล้าดีอย่างไรมารังแกแม่ข้า?” จางอวี่หมินออกตัว พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
มีคนในฝูงชนมองจางอวี่หมินดีขึ้นไปอีก “เด็กคนนี้ไม่เลว ปกติดูบอบบางทำอะไรไม่เป็น แต่พอถึงเวลาสำคัญก็เป็นคนกตัญญู”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ซิ่วเอ๋อสบายไม่ต้องทำอะไรแล้ว มีกองหนุนมาช่วยแล้ว
อวี่หมิน อยู่ดีไม่ว่าดีอยากโดนตบเหรอ ระวังเสียโฉมหาสามีไม่ได้นะ
ไหหม่า(海馬)