บทที่ 247 แผนในใจ
จางต้าเหอเสริมขึ้นมาอีก “เพราะจางซิ่วเอ๋อนั่นแหละที่เป็นคนก่อเรื่อง! พวกเจ้าไม่รู้สึกหรือ? โจวหู่กับหยางชุ่ยฮวาตามจางซิ่วเอ๋อกลับมาได้ ต้องเป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อไปฟ้องแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมตั้งหลายปีคนตระกูลโจวไม่มาหา แต่จู่ ๆ อยากจะมาตอนนี้เล่า?”
แม่เถากัดฟันแน่น “ตั้งแต่นังชั้นต่ำนั่นกลายเป็นแม่ม่ายก็เก่งกล้าสามารถขึ้นเยอะเลยนะ!”
จางเป่าเกินได้ยินแบบนี้ก็เบนความแค้นไปที่จางซิ่วเอ๋อแทน “ข้าจะต้องให้จางซิ่วเอ๋อได้เห็นดีแน่!”
จางเป่าเกินนึกถึงจางซิ่วเอ๋อแล้วก็อดนึกถึงเนี่ยหย่วนเฉียว ‘ชายชู้’ ของจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ ความแค้นในใจยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
“ท่านแม่ ข้าอยากกินเนื้อ” สือโถวอายุน้อยจึงลืมง่าย เวลานี้ก็ลืมเรื่องที่จางเป่าเกินเสียงดังใส่เขาแล้ว และโหยหาถึงอาหารต่อ โดยเฉพาะกลิ่นหอมของเนื้อที่ยั่วยวนสือโถวยิ่งนัก
สือโถวเปิดประตูและจะเดินไปข้างนอก
แม่เถาคว้าสือโถวกลับมาในบัดดล “เจ้านี่ทำไมถึงเป็นเด็กพูดไม่รู้จักฟัง คนเขาไม่ได้เรียกเจ้าก็หมายความว่าไม่อยากให้เจ้ากิน!”
ในใจของแม่เถาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่นางก็ไม่อยากออกไป ถ้าออกไปตอนนี้นอกจากจะไม่ได้กินข้าวแล้วต้องโดนกระแนะกระแหนด้วย
แม่เถานึกถึงเรื่องพวกนี้แล้วอดนึกถึงแม่เฒ่าจางที่โยนทุกอย่างให้เป็นความผิดนางขึ้นมาไม่ได้ ความขุ่นเคืองใจที่มีต่อแม่เฒ่าจางนั้นพุ่งสูงถึงขีดสุด
“จางต้าเหอ ท่านยังเป็นบุรุษอยู่ไหม? รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!” แม่เถาหันกลับไปมองจางต้าเหอที่นั่งเงียบไม่พูดจา
จางต้าเหอกำลังรำคาญใจ ไหนเลยจะมีกะจิตกะใจปลอบแม่เถา เขาพูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าช่วยสงบเสงี่ยมบ้างได้ไหม? ให้ข้าคิดหาวิธี? ข้าจะคิดหาวิธีอะไรได้?”
“หรือท่านจะปล่อยให้ข้าโดนรังแกอยู่เช่นนี้เหรอ?” แม่เถาพูดอย่างโกรธเคือง
จางต้าเหอแค่นเสียงเย็น “ถ้าเจ้าเก่งนักเจ้าก็ออกไปโต้วาทีกับพวกเขาเสียเดี๋ยวนี้เลยสิ!”
แม่เถาได้ยินดังนั้นก็อารมณ์เย็นลง
ตอนนี้คนตระกูลโจวยังอยู่ที่ลาน ให้นางออกไปตอนนี้ก็เท่ากับหาเรื่องโดนตีน่ะสิ?
เดี๋ยวก่อน คนตระกูลโจวหรือ? ในเมื่อแม่โจวมีคนในครอบครัวทางแม่ออกหน้าให้ นางก็มีคนในครอบครัวทางแม่เหมือนกัน! พอคิดได้ดังนี้แม่เถาก็มีดวงตาเป็นประกาย หันไปพูดกับจางต้าเหอทันที “ท่านพอมีตำลึงเงินติดตัวอยู่ไหม?”
จางต้าเหอมองอย่างระแวง “เจ้าจะเอาตำลึงเงินไปทำไมกัน?”
“ข้าจะนำไปซื้อเนื้อสัก 2 ชั่ง” แม่เถาพูดโดยไม่คิดอะไร
จางต้าเหอบ่นอุบอิบ “เจ้าซื้อเนื้อไปก็ไม่มีที่จะปรุง! ถ้าท่านแม่เห็นเข้า เจ้ารับผิดชอบไหวไหมล่ะ?”
“ข้าจะเอากลับไปให้แม่ข้า! ข้าจะให้แม่ข้ามาออกหน้าให้ข้า!” แม่เถาพูดอย่างภาคภูมิ
“แม่เจ้าจะออกหน้าอะไรได้? เรื่องนี้เราช่างมันเถอะ” จางต้าเหอถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าแม่เถาคิดอะไรขึ้นมาได้ นางจ้องจางต้าเหอพลางถาม “จางต้าเหอ ข้าขอถามท่านหนึ่งประโยค ท่านชอบชีวิตความเป็นอยู่แบบนี้หรือไม่?”
“อะไรนะ?” จางต้าเหอตั้งสติไม่ทันไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าแม่เถาพูดถึงสิ่งใด
แม่เถาถอนหายใจยาว พยายามให้ตัวเองสงบลงก่อนจะพูดต่อ “ข้าหมายความว่า….ท่านเคยอยากแยกบ้านไหม?”
หลังจากคำว่า ‘แยกบ้าน’ สองคำถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ทั้งห้องก็เงียบไปในบัดดล
แม้แต่สือโถวเองยังไม่ส่งเสียงใด ๆ ในตอนนี้ เขาไม่เข้าใจว่าแยกบ้านหมายความว่าอย่างไร แต่พอจะสัมผัสถึงบรรยากาศอันหนักอึ้งได้
ก่อนหน้านี้แม่เถาไม่เคยคิดเรื่องแยกบ้านเลย นางรู้สึกว่าหากแยกบ้านแล้วจางต้าหูก็จะได้ครึ่งหนึ่งของสมบัติในบ้านนี้ไป ซึ่งนางยอมไม่ได้ แต่วันนี้…..นางคิดได้แล้ว ว่าเหตุใดจะต้องมาทนอัปยศในบ้านนี้ต่อไปด้วย?
อีกอย่าง ต่อให้จางต้าหูต้องการเอาสมบัติไปครึ่งหนึ่ง ก็ต้องถามนางก่อนว่าจะยินยอมหรือไม่!
จางต้าเหอลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าว่าอะไรนะ? แยกบ้าน? แต่ท่านแม่ยังอยู่นะ! เราจะแยกบ้านได้อย่างไร?”
“ท่านแค่บอกว่าอยากแยกหรือไม่ก็พอ! ท่านคิดให้ดีนะ ท่านหาเงินเก่งขนาดนี้ แต่ข้ากับลูกล่ะ? จะกินอะไรก็ได้แต่แอบกิน แถมยังต้องเลี้ยงครอบครัวตัวขาดทุนของจางต้าหูอีก! ตอนนี้ในท้องแม่โจวมีลูกอีกคนทำงานไม่ได้ ท่านทำงานหาเงินอยู่นอกบ้าน ข้ายังต้องเหนื่อยปรนนิบัติพวกเขาอยู่ในบ้าน! เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?” แม่เถาพูดอย่างไม่พอใจ
ทว่าแม่เถาและจางต้าเหอไม่เคยคิดเลยว่าต่อให้จางต้าหูจะไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน และไม่เคยหาตำลึงเงินเข้าบ้าน แต่งานหนัก ๆ ทั้งนอกทั้งในบ้านนั้นจางต้าหูและแม่โจวเป็นคนทำทั้งหมด
อย่างในไร่นั่น ที่ผลผลิตแต่ละปีพอให้คนทั้งครอบครัวกินได้นานนับปี!
ถึงแม้แม่โจวและลูก ๆ สามคนจะกินไม่อิ่ม แต่ครอบครัวจางต้าเหอกินอิ่มได้
ถ้าจางต้าหูนำเสบียงไปขายก็เป็นตำลึงเงินมิใช่รึ?
สรุปก็คือแม่เถาและจางต้าเหอรู้สึกว่าเป็นตัวเองที่เลี้ยงดูครอบครัวตระกูลจาง และมองข้ามการอุทิศตนของจางต้าหูและแม่โจวไป
“ท่านพ่อ…ข้าว่าสิ่งที่ท่านแม่พูดนั้นมีเหตุผล ท่านดูอย่างวันนี้สิ ถึงเวลาคับขันแล้วท่านย่าไม่เห็นจะเข้าข้างข้าเลย” จางเป่าเกินที่มีโทสะสั่งสมในใจพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น
จางต้าเหอรู้สึกสับสนมาก เขารังเกียจพวกจางต้าหูจริง ทว่าไม่เคยคิดเรื่องแยกบ้านเลย
แต่ความคับแค้นในใจเขาสะสมมาถึงจุดหนึ่งแล้ว หากแม่เถาไม่พูดยังพอลืม ๆ ไปได้ แต่หลังจากฟังที่แม่เถาพูดแล้ว ในใจของเขาก็เริ่มหวั่นไหวขึ้นมา
ถ้าแยกบ้านจริง ๆ ….ก็ดูไม่เลว
หากเป็นเช่นนี้เวลาเขาหาเงินกลับมาได้ก็จะได้กินเนื้อ และไม่ต้องกังวลว่ากลับมาแล้วต้องทำงานจนต้องอยู่ข้างนอกไม่กล้ากลับบ้าน
พอคิดได้แบบนี้ ในใจของจางต้าเหอก็บังเกิดความยินดีปรีดาขึ้นมา
แม่เถาสังเกตสีหน้าของจางต้าเหอและดูออกว่าจางต้าเหอเริ่มสั่นคลอนแล้ว “ท่านพี่ ถ้าแยกบ้านกันแล้ว ด้วยตำลึงเงินที่ท่านหาได้ ไม่กี่ปีเราก็สร้างบ้านหลังใหญ่ได้แล้วนะเจ้าคะ”
จางต้าเหอพยักหน้า “แยกบ้านก็ดี แต่ท่านแม่นี่สิ….ต่อให้ต้องแยกบ้านจริง ๆ ก็คงไม่ยอมเอาตำลึงเงินออกมาหรอก….ข้าว่ารอให้ท่านแม่เอาเงินแต่งภรรยาให้เป่าเกินก่อนเถอะ แล้วเราค่อยแยกบ้าน”
แม่เถาพยักหน้าพลางเอ่ย “ท่านคิดได้รอบคอบจริง ๆ”
จางต้าเหอคิดขนาดนี้หมายความว่าเขาเอาจริงแล้ว เขาพูดต่อ “แล้วจะทำอย่างไรกับท่านแม่ดี?”
“ให้ท่านแม่ไปอยู่กับจางต้าหูเถอะ!” แม่เถาเอ่ย
จางต้าเหอลังเลนิดหน่อย “ข้าว่านางไม่ยอมหรอก”
พูดมาถึงตรงนี้จางต้าเหอจึงเสริมขึ้นอีก “ถ้าแม่อยากอยู่กับจางต้าหู ตอนแยกบ้านต้องลำเอียงไปทางจางต้าหูเป็นแน่”
แม่เถานึกถึงแม่เฒ่าจางแล้วรู้สึกชิงชัง นางโบกมือพลางกล่าว “เรื่องนี้ค่อยคิดกันทีหลัง ท่านหมายความว่าท่านเห็นด้วยกับการแยกบ้านแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?”
จางต้าเหอลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “แต่ถ้าแยกบ้าน สมบัติในบ้านต้องแบ่งให้จางต้าหูครึ่งหนึ่ง มรดกสืบทอดของเป่าเกินและสือโถวก็จะน้อยลงไปด้วย”
แม่เถาถลึงตา “ท่านโง่รึเปล่า? ท่านคิดจะแบ่งสมบัติให้จางต้าหูครึ่งหนึ่งจริง ๆ เหรอเจ้าคะ? ถึงตอนนั้นแค่ให้อะไรจางต้าหูเป็นพิธีก็พอแล้ว ส่วนสมบัติในส่วนของเขาที่ได้ไป ถ้าในอนาคตเขากลายเป็นคนไร้ทายาทจริง ๆ อีกหน่อยสมบัติของเขาก็เป็นของเราอยู่ดีมิใช่รึ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แยกบ้านกันก็ดี จะได้ตัดกำลังของนางแม่เฒ่าจางลงไปได้เยอะ
ไหหม่า(海馬)