บทที่ 253 ป่วย
ดังนั้น จางซิ่วเอ๋อจึงต้องเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ เช่นนี้พอเข้าฤดูหนาวแล้วจะได้ไม่วุ่นวาย
หลังจากจางซิ่วเอ๋อหมักปลาไปสองไหและล้างมือเรียบร้อย นางเงยหน้ามองท้องฟ้าและพบว่าตอนนี้เย็นย่ำมากแล้ว ได้เวลาทำกับข้าวมื้อเย็นพอดี และดูท่าวันนี้นางคงไม่ต้องเตรียมกับข้าวในส่วนของหนิงอันและเถี่ยเสวียนแล้ว
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ ตอนแรกหนิงอันแค่ออกเช้ากลับดึก ทว่าสองสามวันนี้หนิงอันแทบไม่กลับมาเลย
นางอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้ว่าหนิงอันเจออุปสรรคอะไรข้างนอกอยู่หรือไม่
คิดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เอามือตีศีรษะตัวเองหนึ่งที นางจะสนใจมากขนาดนั้นไปทำไมกัน? หนิงอันเป็นแค่ลูกบ้านของนาง ไม่ได้เป็นอะไรกับนางเสียหน่อย นางไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเรื่องของหนิงอันหรอก
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อก็ได้ยินเสียงลมพัดผ่านทางด้านหลัง จากนั้นจึงมีเสียงบางสิ่งบางอย่างกระทบพื้น
จางซิ่วเอ๋อหันกลับไปก็เห็นว่าเถี่ยเสวียนยืนอยู่ด้านหลังนาง
เมื่อครู่นี้นางตกใจมาก เวลานี้จึงลูบหน้าอกตัวเองอย่างอดไม่ได้ “เจ้าทำข้าตกใจหมด ไม่รู้จักเข้าทางประตูบ้างหรือไร!”
เพิ่งโวยวายเสร็จไม่นาน นางก็เห็นคนที่เถี่ยเสวียนพยุงไว้
จางซิ่วเอ๋อมองคนที่ถูกพันผ้าไว้อย่างแน่นหนาจนมองไม่เห็นหน้าตาและถามขึ้น “นี่หนิงอันเหรอ? เดี๋ยวนะ เถี่ยเสวียน นี่มันเรื่องอะไรกัน? เจ้าห้ามพาคนอื่นกลับมาที่นี่นะ!”
สีหน้าของเถี่ยเสวียนดูหม่นหมอง แต่เมื่อต้องคุยกับจางซิ่วเอ๋อก็ยังพยายามปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวล “นี่คือเจ้านายเอง”
พูดจบแล้วเถี่ยเสวียนก็ยัดเนี่ยหย่วนเฉียวใส่อ้อมแขนของจางซิ่วเอ๋อ พร้อมกล่าว “ข้าจะไปหายาให้เจ้านาย เจ้าดูแลเจ้านายให้ดีด้วย เจ้านายเห็นแสงไม่ได้และห้ามโดนลม”
จางซิ่วเอ๋อเกือบล้ม นางในตอนนี้พยายามพยุงเนี่ยหย่วนเฉียวให้ยืนอยู่ได้อย่างยากลำบาก กำลังจะเอ่ยปากถามเถี่ยเสวียนว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ก็พบว่าเถี่ยเสวียนกระโดดพ้นกำแพงและหายไปแล้ว
จางซิ่วเอ๋อมองคนในอ้อมแขนตัวเองที่มีผ้าสีดำพันเป็นชั้น ๆ และมีสภาพอ่อนแรงปวกเปียกแล้วต้องมึนงงไปชั่วขณะ ใช้เวลาอยู่พักใหญ่นางถึงลากเนี่ยหย่วนเฉียวเข้าไปในห้องได้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
จางซิ่วเอ๋อพาเนี่ยหย่วนเฉียวไปอยู่บนเตียงแล้วหายใจหอบยกใหญ่ ก่อนจะมองพลางกล่าว “นี่หนิงอัน เจ้าเป็นอะไรไป?”
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ตอบจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อเดินเข้าไปด้วยความลังเล ยื่นมือไปดึงผ้าดำที่พันตัวเนี่ยหย่วนเฉียวอยู่ เนี่ยหย่วนเฉียวบาดเจ็บหนักจากอะไรกันแน่? อย่ามาตายที่บ้านนางเชียวนะ ถึงตอนนั้นบ้านผีสิงของนางได้กลายเป็นบ้านผีสิงขนานแท้
หลังจากจางซิ่วเอ๋อดึงผ้าดำบนตัวเขาออกแล้ว นางก็เห็นหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียว สีหน้าของเขาซีดเผือด ไม่มีสีของเลือดฝาดเลยสักนิด ซึ่งมันทำให้จางซิ่วเอ๋อพลันนึกถึงสภาพของเนี่ยหย่วนเฉียวในคืนฝนตกที่นางลากกลับมา
รอจนจางซิ่วเอ๋อตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่พบว่าเนี่ยหย่วนเฉียวมีบาดแผลใด ๆ
วันนี้เขาสวมชุดผ้าหยาบสีเทาเหมือนเดิม หากบนตัวมีรอยเลือดคงสามารถมองออกได้ง่าย ๆ
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง เนี่ยหย่วนเฉียวก็พลันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าไม่สบายตรงไหน?” จางซิ่วเอ๋อได้ยินไม่ชัดว่าเนี่ยหย่วนเฉียวพูดอะไร
ขณะนี้หน้าผากของเนี่ยหย่วนเฉียวชุ่มไปด้วยเหงื่อ เอ็นปูดเป็นเส้น ราวกับกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัส
“แสง…..แสง…….”
เมื่อจางซิ่วเอ๋อเอาหูไปใกล้ ถึงได้ยินว่าเนี่ยหย่วนเฉียวพูดอะไร
จางซิ่วเอ๋อทวนคำ “แสง?”
นางเงยหน้ามองแสงแดดที่สาดผ่านหน้าต่างที่ตัวเองปิดไม่มิดเข้ามา ถึงนึกขึ้นได้อย่างเชื่องช้าในตอนนี้ว่าก่อนที่เถี่ยเสวียนจะผละจากไป เขาได้บอกไว้ว่าห้ามให้เนี่ยหย่วนเฉียวโดนลมและเห็นแสง
ตอนนั้นนางฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นปฏิกิริยาของเนี่ยหย่วนเฉียวในตอนนี้ มีหรือที่จางซิ่วเอ๋อจะไม่เข้าใจ?
จางซิ่วเอ๋อหยิบผ้าดำผืนนั้นมาคลุมร่างเนี่ยหย่วนเฉียวไว้ทันที
หลังทำแบบนี้แล้ว เนี่ยหย่วนเฉียวก็เงียบลงมากกว่าเดิม และในขณะที่คลุมผ้าดำให้เนี่ยหย่วนเฉียวนี่เอง จางซิ่วเอ๋อก็ได้แตะโดนมือของเนี่ยหย่วนเฉียวโดยไม่รู้ตัว
นางตัวสั่นเล็กน้อย นั่นยังเป็นมือของมนุษย์อยู่หรือ? เย็นยะเยือกจนน่าขนลุกจริง ๆ!
จางซิ่วเอ๋อไม่เคยเจอคนที่ป่วยด้วยอาการประหลาดเช่นนี้มาก่อน ประเภทที่ว่ากลัวแสงกลัวลม
นางมองเนี่ยหย่วนเฉียวที่ถูกห่อจนเป็นหนอนสีดำและหันไปดูหน้าต่าง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าที่ตัวเองใช้ตรึงหน้าต่างก่อนหน้านี้อย่างยอมรับชะตากรรม แม้จะเป็นผ้าขาว แต่เมื่อพับเป็นสองชั้นแล้วก็พอจะบดบังแสงแดดยามเย็นได้
เรื่องแบบนี้จางซิ่วเอ๋อทำจนชำนาญแล้ว ไม่นานนักจางซิ่วเอ๋อก็ตรึงหน้าต่างเรียบร้อย หนึ่งคือบังลมยามค่ำคืนได้ สองคือบังแสงแดดได้
หลังจากจางซิ่วเอ๋อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว นางก็เดินเข้าไปในห้องและเลิกผ้าสีดำบนตัวเนี่ยหย่วนเฉียวออก
ขณะนี้สีหน้าของเขายังคงซีดเผือด จางซิ่วเอ๋อก็อดยื่นมือไปแตะหน้าเขาไม่ได้ เย็นเยียบจนน่ากลัวจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋ออดคาดเดาไม่ได้แล้วว่าเป็นสิ่งใดที่ทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวมีสภาพเช่นนี้
นี่เขาป่วยหรือโดนวางยากันนะ?
เถี่ยเสวียนยังไม่ทันพูดให้ชัดเจนก็ทิ้งเขาไว้ที่นี่ ลำบากนางจริง ๆ!
“พี่ใหญ่?” เสียงของจางชุนเถาดังมาจากในลานบ้าน
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางชุนเถากลับมาแล้ว นางขมวดคิ้วมองเนี่ยหย่วนเฉียว ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
“พี่ใหญ่ ข้านึกว่าพี่ออกไปข้างนอกเสียอีก” จางชุนเถาถามพร้อมรอยยิ้ม
ขณะนั้นจางชุนเถาก็หันไปมองหน้าต่างที่จางซิ่วเอ๋อตรึงไว้ “พี่ ทำไมถึงตรึงหน้าต่างไว้เล่า เดี๋ยวพี่หนิงอันและพี่เถี่ยเสวียนกลับมาอยู่แล้วหนาวแย่”
จางซิ่วเอ๋อขยับริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “หนิงอันกับเถี่ยเสวียนกลับมาแล้วล่ะ”
“หนิงอันป่วย ตอนนี้โดนลมไม่ได้ ข้าเลยตรึงหน้าต่างไว้” จางซิ่วเอ๋ออธิบาย
นางไม่อยากให้จางชุนเถารับรู้เรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้หนิงอันอยู่ที่บ้าน จะปิดบังจางชุนเถาไปตลอดไม่ได้หรอก
จางชุนเถาได้ยินแล้วตาโต “ป่วย? อาการหนักหรือไม่”
จางชุนเถาไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรถึงต้องตรึงหน้าต่างนี้ แต่สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ ทว่าเป็นห่วงเรื่องที่หนิงอันเป็นอะไรไป
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ก็หนักอยู่ไม่น้อย”
จางชุนเถารีบเอ่ยขึ้น “พี่ คืนนี้เราทำของอร่อย ๆ แล้วพี่ยกไปให้พี่หนิงอันนะ ปกติเขาดูแลเราขนาดนั้น ครั้งนี้เราจะรังเกียจเห็นเขาเป็นตัวปัญหาเพียงเพราะเขาป่วยไม่ได้”
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างนึกขำ “ข้ารู้แล้ว เห็นข้าเป็นคนที่รังเกียจใครเพราะเห็นเป็นตัวปัญหาเหรอ?”
พูดไปแบบนี้แล้วจางซิ่วเอ๋อรู้สึกผิดในใจ
เมื่อครู่นี้นางคิดจริง ๆ ว่าอาการป่วยของหนิงอันเป็นสร้างปัญหาให้นางมากมาย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เนี่ยเป็นอะไรไป โดนพิษหรือโดนวิชาอะไรเข้าหรือเปล่าเนี่ย
ไหหม่า(海馬)