บทที่ 92 พลังประจัญบานนี้
ตอนแรกนางคิดว่าเป็นเพราะหยางชุ่ยฮวา แต่ตอนนี้ดูแล้วหยางชุ่ยฮวาเองก็รู้จักหาเงินเข้าบ้าน แถมงกสุด ๆ ถึงแม้นิสัยไม่น่าพึงพอใจเท่าไรแต่ก็เป็นคนรู้จักกินรู้จักใช้
ต้องมีลับลมคมในแน่ ๆ
แต่พอคิดได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้ามของตระกูลโจว จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ถามอะไรต่อให้จะอยากรู้มากขนาดไหนก็ตาม
โจวอู่รีบรับคำ “ข้ากินข้าวคำนี้เสร็จแล้วจะออกไปเลย!”
พูดเสร็จโจวอู่ก็ยัดหมั่นโถวที่เหลืออยู่เข้าปากและลุกขึ้น หยิบมีดพร้าแล้วเดินออกไปข้างนอก
จางซิ่วเอ๋ออึ้งไปเล็กน้อย พลังการทำงานของคนผู้นี้สุดยอดจริง ๆ
หยางชุ่ยฮวาคีบกระดูกใส่ถ้วยของโจวอู่ ใส่ไปพูดไป “เขาตัดไผ่กลับมาต้องหิวอีกแน่ ๆ เก็บไว้ให้เขาหน่อย”
จางซิ่วเอ๋อเข้าใจแล้ว มิน่าล่ะโจวอู่ถึงรักหยางชุ่ยฮวาขนาดนี้ ที่แท้หยางชุ่ยฮวาก็ดีกับโจวอู่เหมือนกัน
ฝ่ายแม่เฒ่าโจวกลับมองจางซิ่วเอ๋อด้วยน้ำตารื้น ๆ “ซิ่วเอ๋อ….”
จางชุนเถาทนเห็นแม่เฒ่าโจวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม “ท่านยาย อย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ ตอนนี่พี่ใหญ่เลิกเสียใจแล้ว ถ้าท่านร้องไห้นางต้องนึกถึงเรื่องเสียใจพวกนั้นแน่ ๆ”
แม่เฒ่าโจวได้ยินจึงรีบซับน้ำตา
แม่โจวไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตอนนี้จางชุนเถาและจางซิ่วเอ๋อออกไปอยู่ข้างนอก นางรู้ว่าแม่รักตนเองมาก หากแม่เฒ่าโจวรู้จะต้องไปคิดบัญชีกับแม่เฒ่าจางแน่ ๆ
แต่แม่เฒ่าโจวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่เฒ่าจาง
หยางชุ่ยฮวามองจางซิ่วเอ๋อและเอ่ย “ข้าว่าตอนนี้ชีวิตเจ้าไม่ได้ลำบากแล้ว ดังนั้นก็กินเนื้อเยอะ ๆ หน่อย ขาวหน่อยจะได้ดูดีขึ้น อีกหน่อยป้าใหญ่จะหาบ้านคนมีเงินให้เจ้าได้แต่งงานนะ!”
เรียกได้ว่าหยางชุ่ยฮวาตกลงไปอยู่ในกองเงินกองทองแล้ว
ขณะนั้นป้าหยวนก็เดินท่อม ๆ มาจากด้านนอก ไม่รอให้ใครเรียกก็เข้ามาในบ้านเอง พอเห็นกระดูกที่กินเหลือบนโต๊ะก็ผงะไป
แค่ตอนแรกเห็นบ้านตระกูลโจวกินข้าวด้วยกันนางก็อึ้งแล้ว คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะกินกระดูกหมูกัน
ของชนิดนี้ราคาพอ ๆ กับเนื้อ แต่มีน้ำหนักกระดูกเพิ่มเข้าไปด้วย กินก็กินไม่ได้ ถึงจะอร่อยแต่คนส่วนใหญ่ไม่ซื้อหรอก
ตอนโจวเหมยจื่อกลับมา นางเห็นนะว่าพวกนางเอามาแค่ของที่ไม่เข้าตานิดหน่อยเท่านั้น
หยางชุ่ยฮวาไม่ได้ไล่ไป แล้วยังซื้อกระดูกมาอีกรึ?
“โอ๊ย กับข้าวบ้านเจ้านี่ดีจริง ๆ กระดูกนี่มาจากไหนเหรอ?” ป้าหยวนถาม
แม่เฒ่าโจวกำลังจะเรียกให้ป้าหยวนนั่งกินสักคำ ก็เห็นหยางชุ่ยฮวาถลึงตาใส่นาง นางที่ไม่กล้าท้าทายอำนาจของลูกสะใภ้ตัวเองในเวลานี้จึงได้แต่บอกยิ้ม ๆ “เหมยจื่อเอากลับมาน่ะ”
ป้าหยวนนึกดูแคลน เวลาแบบนี้ยังจะกู้หน้าให้ลูกสาวอีก
นางยื่นมือหมายจะหยิบเนื้อสักชิ้นในกะละมังมาชิม “จานนี้ดูน่าอร่อยจริง ข้าขอชิมหน่อย”
หยางชุ่ยฮวายื่นตะเกียบไปขวางมือของป้าหยวนไว้ ก่อนจะคีบกระดูกที่มีเนื้อติดอยู่เพียงเล็กน้อยยื่นส่งให้ “ให้ท่านชิมชิ้นนี้แล้วกัน ชิมเสร็จแล้วก็รีบไป บ้านเราไม่มีเนื้อมากพอให้ท่านกินหรอกนะ!”
ป้าหยวนรับเนื้อมาด้วยสีหน้างอง้ำ นึกว่าหยางชุ่ยฮวานิสัยเปลี่ยนแล้วเสียอีกถึงยอมให้เหมยจื่อนั่งกินข้าวที่นี่ ที่ไหนได้ดุร้ายเหมือนเดิม!
ป้าหยวนรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือของหยางชุ่ยฮวา เวลานี้จึงได้แต่รับกระดูกชิ้นนั้นมาแทะ แทะไปพลางถามนู่นถามนี่ไปพลาง
หยางชุ่ยฮวาหยิบกระดูกหมูชิ้นใหญ่แบบไม่มีกระดูกขึ้นมา กินไปพลางทำปากแจ๊บ ๆ ไปพลาง “รสชาติเนื้อนี่ไม่เลวจริง ๆ!”
ป้าหยวนส่งสายตาอิจฉา อยากยื่นมือไปหยิบอีกแต่ไม่กล้า
สุดท้ายโกรธหยางชุ่ยฮวาจนหันหลังกลับไป!
หยางชุ่ยฮวามีสีหน้าสะใจ “เฮอะ นังแก่เดนตายนี่ถ้ากล้ามาวุ่นวายที่บ้านข้าอีก ข้าจะยั่วโมโหให้อกแตกตายเลย!”
จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วก็นึกทึ่ง พลังประจัญบานของหยางชุ่ยฮวานี่แข็งแกร่งจริง ๆ คนแบบป้าหยวนดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย ๆ กลับโดนหยางชุ่ยฮวาจัดการไล่ไปในไม่กี่ประโยค
ดูท่าการจัดการคนไร้ยางอายก็ต้องใช้วิธีไร้ยางอาย
วันหลังตอนจัดการแม่เฒ่าจาง นางก็ต้องไร้ยางอายบ้าง!
หยางชุ่ยฮวาไม่รู้ว่าเลยบัดนี้จางซิ่วเอ๋อได้วิชาจากนางไปแล้ว
ครั้นฟ้ามืดลง โจวอู่ก็แบกไผ่มัดใหญ่กลับมา จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วจะขยับปาก ตั้งใจจะบอกว่าไม่ต้องใช้เยอะขนาดนี้ แต่พอเห็นเหงื่อเต็มหน้าของโจวอู่ก็ไม่กล้าพูด
ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นให้ตระกูลโจวทำลอบจับปลามากหน่อยก็จบ
อย่างไรเสียก็ปล่อยไว้ที่ไหนก็ได้ที่มีน้ำ
จางซิ่วเอ๋อตั้งใจจะทำพรุ่งนี้ แต่หยางชุ่ยฮวากลับยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างกับหัวหน้าคุมงาน ชี้พระจันทร์บนฟ้าพลางกล่าว “วันนี้พระจันทร์สว่างดี ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพวกเจ้า!”
จางซิ่วเอ๋อพูดไม่ออกอีกครั้ง อย่างไรเสียตัวเองก็เป็นแขกนะ? ทำไมหยางชุ่ยฮวาถึงทำแบบนี้?
นางไม่อยากสนใจ แต่พอเห็นสายตาคาดหวังและตื่นเต้นของโจวอู่ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าตัวเองปฏิเสธไม่ได้ เวลานี้จึงได้แต่บอกอย่างยอมรับชะตากรรม “ผ่าไผ่ให้เป็นแผ่นเล็ก ๆ”
โจวอู่ได้ฟังก็เริ่มงานทันที
การได้โจวอู่มาช่วย ทำให้จางซิ่วเอ๋อทำลอบจับปลาได้เร็วกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า
พอเตรียมไผ่ที่ต้องใช้เสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็ลงมือช้า ๆ ให้โจวอู่และหยางชุ่ยฮวาได้ดูอย่างละเอียด
หยางชุ่ยฮวาถามอย่างเคลือบแคลง “ของแบบนี้จะจับปลาได้เหรอ?”
“เพียงท่านวางของที่ปลาชอบกินไว้ในนี้ ปลาต้องเข้ามาแน่ ๆ เจ้าค่ะ! ถึงตอนนั้นปัญหาเดียวคือเข้ามาเยอะหรือเข้ามาน้อย” จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ
หยางชุ่ยฮวาได้ฟังก็บ่นพึมพำ จางซิ่วเอ๋อหยุดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ตั้งใจฟัง
ก็ได้ยินหยางชุ่ยฮวากำลังพูด “จะให้คนอื่นเห็นลอบจับปลานี่ไม่ได้เด็ดขาด ตอนขายปลาก็ต้องระวัง อย่าให้ใครเห็น…..”
จางซิ่วเอ๋อขำ ไม่รอให้นางพูด หยางชุ่ยฮวาก็พูดเองเสียแล้ว!
ที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่คือตระกูลโจว จางซิ่วเอ๋อไม่ยอมสอนวิธีทำลอบจับปลาให้พวกเขาหรอก ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านโกวจือหรือหมู่บ้านชิงสือ ของที่ได้มาก็ต้องเอาไปขายในเมือง
หากมีปลามากขึ้นต้องมีผลต่อราคาแน่ ๆ
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกำลังคิดอยู่ว่าอย่างไรเสียนางยังมีเครื่องปรุง ตอนนี้จึงไม่หวังพึ่งปลานี่ในการหาเลี้ยงปากท้องแล้ว ยกให้ตระกูลโจวไปก็ไม่เป็นไร นี่มันบ้านของแม่โจว บ้านยายของเจ้าของร่างนี่นา
หลังทำไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม จางซิ่วเอ๋อมองลอดจับปลาที่ทำเสร็จไปกว่าครึ่งแล้วก็รู้สึกเหนื่อย กำลังจะบอกว่าไม่ทำแล้ว
แต่นางก็เห็นหยางชุ่ยฮวาหยิบอะไรสักอย่างออกมาจานหนึ่ง รอจนนางเดินเข้ามาจางซิ่วเอ๋อก็เห็นว่าในจานคือแผ่นหมั่นโถวทอด บนนั้นราดไข่ไว้ ซึ่งผ่านการทอดเป็นสีทองอร่าม
ในจานมีเนื้อซี่โครงอยู่นิดหน่อย
หยางชุ่ยฮวายื่นตะเกียบให้จางซิ่วเอ๋ออย่างสนิทสนม “เจ้าคงเหนื่อยแล้วใช่ไหม รีบมากินเร็ว”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า ถึงแม้เมื่อครู่เพิ่งจะกินอิ่ม แต่พอเห็นหมั่นโถวนางก็อยากกินอีกหน่อย
………………………………………………