บทที่ 99 วิญญาณร้ายตามติด
ทุกคนมองหน้ากัน จางต้าเหอถามจางต้าหูอย่างระมัดระวัง “ต้าหู เจ้าเล่าเรื่องที่พวกเราไปบ้านผีสิงให้ครึ่งเซียนฟังเหรอ?”
จางต้าหูส่ายหัว “ข้าแค่บอกว่าที่บ้านมีคนโดนผีหลอก ไม่ได้บอกเรื่องอื่นเลย”
ทันทีที่จางต้าหูพูด สายตาที่ทุกคนมองหูครึ่งเซียนก็ดูแตกต่างไปจากเดิม!
ช่างทำนายได้แม่นเหลือเกิน!
แม่เฒ่าจางถึงจะเก่งกล้า แต่ก็โง่เขลา ถ้าหูครึ่งเซียนนี่ไปหลอกล่อจางซิ่วเอ๋อ เขาต้องโดนจางซิ่วเอ๋อไล่ออกมาแน่
ถามมาได้!
ไปที่ที่ไม่ควรไปมาเหรอ?
ในหมู่บ้านนี้ ต่อให้แค่ไปที่ไร่ยังต้องผ่านหลุมศพบ้างประปราย ถ้าคิดดูดี ๆ ที่ที่ไม่ควรไปนั้นมีมากโข!
แต่ตอนนี้พวกแม่เฒ่าจางถูกหูครึ่งเซียนล้างสมองไปแล้ว นึกเรื่องพวกนี้ออกเสียที่ไหน ตอนนี้พวกเขารู้สึกเพียงว่าหูครึ่งเซียนนี่เทพจริง ๆ อีกฝ่ายพูดอะไรมาพวกเขาล้วนเชื่อหมด
แม่เฒ่าจางได้ฟังก็ลนลานขึ้นมา “ครึ่งเซียน พวกเราไปบ้านผีสิงใต้เขามาจริง ๆ ท่านช่วยดูหน่อยนะเจ้าคะว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดี? จะแก้ได้ไหม??”
จางอวี่หมินได้สติกลับมาแล้วเช่นกัน นางกลัวแทบแย่จนร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา “ท่านแม่ ข้าไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้แต่งงานนะ! ข้าอยากมีชีวิตอยู่!”
ได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของจางอวี่หมินแล้วหูครึ่งเซียนก็กลอกตา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าดูสิ ตอนนี้วิญญาณร้ายนั่นถึงจะไม่กล้าเข้าบ้านนี้ แต่ก็ยังมีผลกระทบต่อพวกเจ้าอยู่ เด็กอายุน้อยแบบนี้ยิ่งสะทกสะท้านได้ง่าย”
“ครึ่งเซียน แล้วพวกเรายังมีทางรอดอยู่ไหมขอรับ?” ตอนนี้จางต้าเหอก็นิ่งไม่ไหวแล้ว
หูครึ่งเซียนลูบเคราตัวเอง ทำหน้าตาลำบากใจ “ด้วยวิชาของข้าก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของวิญญาณร้ายนั่น! ถ้าต้องสู้กับวิญญาณร้ายนี่จริง ๆ อายุได้สั้นแน่……”
พูดมาถึงตรงนี้ หูครึ่งเซียนชะงักไปเล็กน้อย “ถึงแม้อายุขัยของข้าจะมากถึง ๅจค ปี แต่ใครจะคิดว่าตัวเองอายุยืนยาวกันล่ะ? ถ้าแก้เรื่องนี้อย่างน้อยข้าต้องมีอายุขัยน้อยลง 8 ปี!”
พูดไปหูครึ่งเซียนก็เริ่มเก็บของตัวเอง และทำท่าจะเดินออกไป “เรื่องนี้ข้าจัดการไม่ไหวหรอก พวกเจ้าไปหาคนเก่งกาจท่านอื่นเถอะ!”
พอเห็นหูครึ่งเซียนจะไป คนตระกูลจางทำอะไรไม่ถูก
โดยเฉพาะแม่เฒ่าจางซึ่งเวลานี้ไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบายแล้ว นางพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าฉับไวเสมือนบินได้ ขวางหูครึ่งเซียนไว้ “ท่านรับเงินเราไปแล้ว! ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เราสิเจ้าคะ”
หูครึ่งเซียนผงะ เขาคงไม่เคยเห็นคนตรรกะเพี้ยนขนาดนี้กระมัง?
เวลาแบบนี้แม่เฒ่าจางต้องเอาเงินออกมาแล้วรั้งเขาไว้สารพัดรูปแบบสิ?
หูครึ่งเซียนชะงักนิดหน่อย เขาคิดว่าถ้าไม่มีเสียก็ไม่มีได้ เขาโยน 30 เหรียญที่เพิ่งได้มาลงพื้น หน้าตากราดเกรี้ยว “เฮอะ! แค่ 30 เหรียญก็จะซื้ออายุขัยของข้ารึ! วันนี้ถือว่าข้ายอมมาแบบไม่คิดเงิน พวกเจ้ารอให้วิญญาณร้ายนั่นมาเอาชีวิตเถอะ!”
แม่เฒ่าจางได้ยินเสียงเหรียญกระทบพื้นดังกราว เมื่อเห็นหูครึ่งเซียนมีท่าทางเด็ดขาดก็นึกกลัวเหมือนกัน
นางรีบเปลี่ยนสีหน้า “ครึ่งเซียน ครึ่งเซียน มีอะไรเราคุยกันดี ๆ ได้นะเจ้าคะ”
หูครึ่งเซียนเห็นว่าสุดท้ายแม่เฒ่าจางก็กลัว จึงมีสีหน้าสะใจจาง ๆ “ถ้าพวกเจ้าให้ข้า 8 ตำลึงเงิน ข้าจะทำให้วิญญาณร้ายนั่นไม่มาทำร้ายพวกเจ้าอีก! ข้าเองก็สงสารพวกเจ้า หวังว่าจะเก็บเป็นแต้มบุญ ไม่อย่างนั้นต่อให้เอา 80 ตำลึงทองมาให้ข้า ข้าก็ไม่รับเรื่องนี้ไว้หรอก”
แม่เฒ่าจางผงะ “แปด….แปดตำลึงเงิน?”
“ทำไม? มันมากไปเหรอ? ข้าก็แค่ขอตามเลขมงคลเท่านั้น ข้าขอถามหน่อย ถ้าข้าขอซื้อชีวิตเจ้าด้วย 8 ตำลึงเงิน เจ้าจะยอมไหม?” หูครึ่งเซียนแค่นเสียงถาม ทำเหมือนตัวเองเสียเปรียบอย่างยิ่ง
จางอวี่หมินก็เดินออกมาดึงแขนเสื้อแม่เฒ่าจาง “ท่านแม่ เรายอมเสียตำลึงเงินเยอะหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ให้ครึ่งเซียนช่วยไล่วิญญาณร้ายไปเถอะ”
“ท่านแม่ เงินหายไปยังหาใหม่ได้ แต่ถ้าชีวิตหาไม่ก็ไม่เหลืออะไรเลยนะเจ้าคะ” จางอวี่หมินขอร้อง
“ยิ่งกว่านั้นเงินนี้เราไม่ต้องออกเอง ให้จางซิ่วเอ๋อออก ถึงเวลาก็ให้พี่สี่ไปขอเงินสิเจ้าคะ!” จางอวี่หมินย้ำความคิดชั่ว ๆ นี้
แม่เฒ่าจางก็ไม่กล้าตัดสินใจ แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว นางจึงได้แต่พยักหน้าตอบตกลงอย่างทำอะไรไม่ถูก
หูครึ่งเซียนเห็นแม่เฒ่าจางตกลงแล้ว ก็ทอดสายตาไปที่เหรียญบนพื้น
จางอวี่หมินรีบเก็บเหรียญบนพื้นขึ้นมา ส่วนแม่เฒ่าจางคลานไปอยู่ใต้เตียง อุ้มโถออกมาหนึ่งใบ คลำออกมา 8 ตำลึงเงิน
นางยื่นตำลึงเงินใส่มือหูครึ่งเซียนอย่างลังเล
หูครึ่งเซียนเหลือบมองตำลึงเงิน แต่พยายามทำเป็นไม่แยแสตำลึงเงินพวกนี้
สุดท้ายเธอกัดฟัน หลับตายัดตำลึงเงินให้หูครึ่งเซียน
“ครึ่งเซียน ตอนนี้ท่านก็ได้ตำลึงเงินไปแล้ว ท่านต้องทำพิธีขับไล่ให้เราดี ๆ นะเจ้าคะ จับวิญญาณร้ายนั่นให้ได้ยิ่งดี!” หลังแม่เฒ่าจางให้เงินแล้วก็กล้าพูดขึ้นไม่น้อย
นางคิดในใจว่าถ้าจับวิญญาณร้ายได้ คงดีเยี่ยมไปเลย
อีกหน่อยพวกนางไปเอาของอะไรที่บ้านผีสิงก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป นังตัวร้ายจางซิ่วเอ๋อปากบอกไม่มีเงิน แต่กลับแต่งตัวดีขนาดนั้น คนทั้งคนก็ดูดีขึ้นไม่น้อย ไม่รู้ว่าซ่อนตำลึงไว้เท่าไร!
ถึงตอนนั้นพวกนางไปบ่อย ๆ เข้า ต่อให้จางซิ่วเอ๋อไม่ยอมออก 8 ตำลึงเงินนี่ พวกนางก็เอา 8 ตำลึงเงินคืนได้อยู่ดี
หูครึ่งเซียนนั่งลงและดื่มน้ำ ก่อนจะถาม “บอกมาซิ พวกเจ้าไปที่ไหนมา? เจออะไรมาบ้าง?”
แม่เฒ่าจางเล่าเรื่องที่ไปบ้านผีสิงให้ฟัง แน่นอนว่านางไม่ได้บอกว่าตัวเองไปขนของ บอกเพียงกลัวว่าบ้านจางซิ่วเอ๋อไม่มีคนแล้วของจะหาย จึงอยากไปช่วยเฝ้าบ้าน
คำพูดไร้สาระพรรค์นี้มีใครเชื่อบ้าง? แต่เพื่อตำลึงเงินแล้วหูครึ่งเซียนก็ยังพยักหน้า “พวกเจ้านี่ใจดีจริง แต่น่าเสียดายที่วิญญาณร้ายนั่นไร้ความเป็นมนุษย์เกินไป!”
จางอวี่หมินจึงถามขึ้นมา “ครึ่งเซียน ท่านว่าทำไมจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ทำไมพวกนางถึงไม่กลัวล่ะ? และไม่โดนผีตามด้วย? หรือเพราะจางซิ่วเอ๋อดวงแข็งจริง ๆ?”
หูครึ่งเซียนทำงานนี้ ย่อมรู้เรื่องของเหล่าผู้คนในละแวกใกล้เคียงอยู่บ้าง
สำหรับเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อแต่งงานแล้วกลายเป็นแม่ม่าย ถึงเขาจะรู้ไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้อยู่
หูครึ่งเซียนนึกวางแผนในใจ นังแม่ม่ายนี่อาจจะมีอะไรให้ตักตวงก็ได้ ที่หูครึ่งเซียนคิดแบบนี้ก็เพราะได้ยินจางอวี่หมินพูดว่าให้จางซิ่วเอ๋อออกเงิน
ตอนนี้หูครึ่งเซียนรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อมีเงิน จึงวางแผนเพิ่มอีก
พอคิดได้แบบนี้ หูครึ่งเซียนก็ทำท่าจีบนิ้ว วางมาดเต็มที่ก่อนจะเอ่ย “ดวงแข็งก็ส่วนหนึ่ง แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเจ้าคงยังไม่รู้”
………………………………………………