บทที่ 100 นักฉ้อฉล
“ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อเลี้ยงวิญญาณร้ายตนนั้นอยู่! พวกเจ้าบอกว่าเห็นเสื้อเปื้อนเลือดใชไหม เลือดบนเสื้อนั่นก็คือหลักฐานที่จางซิ่วเอ๋อเลี้ยงวิญญาณร้ายด้วยเลือด!” หูครึ่งเซียนพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น
“อะไรนะ ท่านหมายถึงจางซิ่วเอ๋อเลี้ยงผีไว้งั้นเหรอ?” สีหน้าจางอวี่หมินขาวซีด
“ถูกต้อง ตอนนี้วิญญาณร้ายตนนั้นได้จางซิ่วเอ๋อเลี้ยงไว้ จึงไม่ทำร้ายจางซิ่วเอ๋อ” หูครึ่งเซียนย้ำ
จางอวี่หมินหน้าซีดเผือด ถ้าจางซิ่วเอ๋อเป็นคนเลี้ยงวิญญาณนั่น เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่นางเคยล่วงเกินจางซิ่วเอ๋อไว้ หากจางซิ่วเอ๋อปล่อยวิญญาณนั่นมาสิงนางจะทำอย่างไร?
“จางซิ่วเอ๋อเลี้ยงวิญญาณได้อย่างไรกัน! นี่มันสยดสยองเกินไปแล้ว!” จางอวี่หมินขบฟันกรอด
หูครึ่งเซียนเอ่ย “โทษจางซิ่วเอ๋อไม่ได้หรอก ข้าว่าวิญญาณร้ายนั่นเก่งกาจเกินไป ลวงสติจางซิ่วเอ๋อให้หลงใหล ให้จางซิ่วเอ๋อทำทุกอย่างเพื่อมัน เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์”
“แต่สุดท้ายแล้วคนและผีต้องเดินคนละเส้นทาง ถ้าจางซิ่วเอ๋อเป็นแบบนี้ต่อไป ต้องมีสักวันที่ถูกผีตนนั้นทำร้ายแน่” หูครึ่งเซียนกล่าวต่อ
แม่เฒ่าจางกัดฟัน “ถ้านางโดนผีทำร้าย นั่นยิ่งดีมากเข้าไปใหญ่!”
จางต้าหูเตือนอยู่ข้าง ๆ “ท่านแม่ ซิ่วเอ๋อไม่รู้เรื่องนะขอรับ”
“พี่สี่ เวลานี้แล้วพี่ยังจะปกป้องจางซิ่วเอ๋ออีก ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อสั่งให้ผีตนนั้นทำร้ายพวกเราทั้งบ้านนะเจ้าคะ!” จางอวี่หมินทนดูจางต้าหูปกป้องจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ จึงแย้งขึ้นทันที
หูครึ่งเซียนถอนหายใจ “ถ้าผีนั่นทำร้ายจางซิ่วเอ๋อแล้วยอมหยุดก็ยังดี แต่ถ้าจางซิ่วเอ๋อตาย ผีตนนั้นจะยิ่งควบคุมยาก ถึงเวลานั้นคนทั้งหมู่บ้านจะไม่มีใครรอด!”
“แต่คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดต้องเป็นคนตระกูลจางที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับจางซิ่วเอ๋อ!” หูครึ่งเซียนยุยงอีก
“แล้ว….แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะเจ้าคะ?” แม่เฒ่าจางรีบถาม
หูครึ่งเซียนกล่าว “ข้าทำพิธีสะกดผีตนนั้นให้เจ้าก่อน พอจางซิ่วเอ๋อกลับมา เราค่อยลงมือกับจางซิ่วเอ๋อโดยตรง! ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่สามารถกำจัดวิญญาณร้ายตนนั้นได้ ก็ทำให้วิญญาณร้ายตนนั้นไม่อาจทำร้ายใครได้อีก!”
“แต่จางซิ่วเอ๋อจะยอมร่วมมือกับเราเหรอเจ้าคะ? ข้าว่าตอนนี้นางอยู่พวกเดียวกับวิญญาณร้ายตนนั้น!” จางอวี่หมินพูดอย่างฉุนเฉียว
แม่เฒ่าจางเอ่ยเสียงเย็น “ถึงตอนนั้นก็คงช่วยนางไม่ได้แล้ว!”
หูครึ่งเซียนและพวกแม่เฒ่าจางต่างหารือกันว่าจะจัดการวิญญาณร้ายและจางซิ่วเอ๋ออย่างไรดี หลังวุ่นวายกันอยู่ที่บ้านตระกูลจางอยู่พักหนึ่งและแปะยันต์เหลืองเต็มประตูบ้านตระกูลจาง พวกเขาก็นัดกันไว้ว่าหากจางซิ่วเอ๋อกลับมาจะแจ้งเขาอีกที เขาถึงได้ไป
หลังหูครึ่งเซียนไปแล้ว แม่เฒ่าจางก็รู้สึกโล่งใจขึ้น พร้อมกับเริ่มสบถ “นังชั่ว กล้าดียังไงถึงเลี้ยงผีไว้ทำร้ายพวกเรา! ครั้งนี้ข้าจะต้องถอนรากถอนโคนสิ่งชั่วร้ายของมันให้ได้ คอยดูสิว่าจะมีพลังมากขนาดไหน!”
จางต้าหูเห็นว่าเรื่องราวใหญ่โตบานปลายขนาดนี้ จึงเริ่มลังเลขึ้นมา “ท่านแม่ เราเข้าใจซิ่วเอ๋อผิดไปหรือเปล่าขอรับ?”
อย่างไรเสียนางเป็นก็ลูกสาวตัวเอง ถึงแม้ในใจจางต้าหูจะมีโทสะอยู่ แต่กับจางซิ่วเอ๋อเขายังพอมีความรักลูกอยู่บ้าง เวลานี้จึงอดพูดปกป้องจางซิ่วเอ๋อไม่ได้
แม่เฒ่าจางได้ยินก็หยิบไม้ขนไก่ขึ้นมาฟาดใส่จางต้าหู
หญิงชรากำลังอัดอั้นตันใจ แต่ระบายกับจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ จึงระบายอารมณ์ใส่จางต้าหูทั้งหมดแทน
“เพราะลูกอกตัญญูอย่างเจ้า ที่มีลูกเป็นนังชั่วจางซิ่วเอ๋อ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นพวกเราจะเจอเรื่องร้ายแบบนี้เหรอ? สุดท้ายเจ้ายังจะปกป้องนังชั่วนั่นอีก ข้านี่เลี้ยงเจ้าเสียข้าวสุกจริง ๆ!” แม่เฒ่าจางด่าเสียงกราดเกรี้ยว
ตอนนี้ในใจของแม่เฒ่าจางเปี่ยมด้วยเพลิงโทสะ ลืมความกลัวไปแล้วหมดสิ้น ลุกขึ้นมาด้วยพลังเต็มเปี่ยม
พอเป็นแบบนี้ แม่เฒ่าจางจึงรู้สึกว่าพิธีไล่ผีของหูครึ่งเซียนสำเร็จได้ผลจริง ๆ!
“ท่านแม่ เลิกตีได้แล้ว” จางต้าหูร้องห้ามซ้ำไปซ้ำมา
แม่เถาและจางต้าเหอยืนมองภาพนี้อย่างสมน้ำหน้า ไม่คิดจะเข้ามาห้าม
“เจ้ารู้หรือยังว่าผิด? ข้าท้องเจ้าสิบเดือนและคลอดเจ้าออกมาอย่างลำบาก แล้วยังเลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่! แล้วตอนนี้เจ้าตอบแทนข้าอย่างไรฮี? มีเมียมีลูกก็ไม่ต้องมีแม่อย่างข้าแล้วใช่ไหม?” แม่เฒ่าจางอ้างแต่เหตุผลเพี้ยน ๆ
ถ้าจางต้าหูอกตัญญู มีภรรยาแล้วลืมแม่ คนในหมู่บ้านนี้ก็ไม่มีใครกตัญญูแล้ว เพราะในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครจำแม่ตัวเองได้แล้ว!
แต่พอจางต้าหูได้ยินแบบนี้กลับรู้สึกผิดขึ้นมาจริง ๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรทำให้แม่เฒ่าจางโกรธ
“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูเองที่ทำให้ท่านโกรธ” ตอนนี้จางต้าหูยอมรับผิดแล้ว
พอเห็นจางต้าหูอ่อนข้อ แม่เฒ่าจางก็เลิกตีจางต้าหู แต่พูดพร้อมหอบหายใจ “ข้าตีเจ้าก็เพราะข้าโมโหจริง ๆ ซิ่วเอ๋อก็เป็นหลานสาวข้าเหมือนกัน เจ้ารักลูกแล้วข้าไม่รักหลานรึ เจ้าไม่ได้ยินที่หูครึ่งเซียนพูดเหรอ? จางซิ่วเอ๋อโดนผีลวงไป โดนผีหลอกใช้ ถ้าเวลาแบบนี้เราไม่ช่วยไล่ผีให้ซิ่วเอ๋อ แล้ววันหน้าซิ่วเอ๋อจะยังอยู่ดีได้เหรอ?”
จางต้าหูได้ฟังก็มีสีหน้าเสียใจ “ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าเข้าใจท่านผิดไป”
“เฮอะ! เจ้าเข้าใจว่าข้าทำไปเพื่ออะไรก็ดี!” แม่เฒ่าจางพูดพลางหยิบน้ำขึ้นมาถ้วยหนึ่งและดื่มรวดเดียว
นางด่าเหนื่อยแล้ว จึงรู้สึกหิวน้ำนิดหน่อย
“เอาล่ะ หูครึ่งเซียนรับเงินแล้วและยอมเป็นธุระให้ พวกเจ้าก็เห็นความสามารถของหูครึ่งเซียนกันหมด คืนนี้ไม่มีผีเข้าบ้านเราแน่ เวลากลางวันผียิ่งไม่กล้ามา! ทุกคนกลับไปนอนกันเถอะ!” แม่เฒ่าจางสั่ง
แม่เถาลากจางต้าเหอเดินเข้าไปทางห้องตัวเอง ในลานไม่ได้แปะยันต์ไว้ พวกเขาจึงเดินเร็วมากกว่าปกติ ไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าห้องตัวเอง พอเห็นว่ามียันต์แปะหน้าห้องพวกเขาถึงได้เข้าห้องอย่างสบายใจ
ตอนนี้จางอวี่หมินและแม่เฒ่าจางก็เอนตัวนอนแล้ว ในห้องมีเตียงสองเตียง เตียงหนึ่งแม่เฒ่าจางนอน อีกเตียงจางอวี่หมินนอน เทียบกับเตียงที่สามพี่น้องจางซิ่วเอ๋อเคยนอนก็ไม่รู้ว่ากว้างขวางกว่ากันตั้งเท่าใด
ตอนนั้นแม่โจวก็เคยเสนอให้จางซิ่วเอ๋อนอนเตียงเดียวกับจางอวี่หมิน เป็นแบบนั้นแล้วห้องฝั่งตะวันตกของพวกนางจะได้กว้างขึ้น
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อไปนอน จางอวี่หมินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อหน้า แต่แอบทำไม่ดีลับหลัง
กลางคืนแย่งผ้าห่มจางซิ่วเอ๋อ ทุกครั้งที่ปลดทุกข์เสร็จแล้วรังเกียจกลิ่น ก็ใช้ให้จางซิ่วเอ๋อออกไปเทกระโถนปัสสาวะตอนกลางคืน
จางซิ่วเอ๋อขัดขืนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกลับไปหลบจางอวี่หมินที่ห้องฝั่งตะวันตก หลังจากนั้นก็ยอมเบียดขนัดกันอยู่ที่ห้องฝั่งตะวันตกและไม่อยากไปนอนกับจางอวี่หมินอีก
จางอวี่หมินเอนตัวนอนอยู่นานก็ไม่ง่วงเสียที ตาคู่นั้นเปล่งประกายพิศวงอยู่ในความมืด
“ท่านแม่ ทำไมข้าไม่ง่วงล่ะ” จางอวี่หมินถามเสียงเบา
เวลานี้แม่เฒ่าจางก็ยังไม่หลับ ปกติคุณภาพการนอนของแม่เฒ่าจางดีเกินความคาดหมาย ไม่เคยมีอาการนอนไม่หลับ
“หูครึ่งเซียนคงเก่งเกินไป เขาบอกว่าน้ำที่ให้เราดื่มใส่ขี้ธูปของเขาไปด้วย นอกจากจะไล่ผีได้แล้วยังเพิ่มพลังชีวิตให้คนด้วย ข้าว่าต้องเพราะน้ำนั่นได้ผลแน่ ๆ” แม่เฒ่าจางที่นึกว่าตัวเองจับจุดได้ก็บอกอย่างพิศวง
……………………………