บทที่ 127 ร่นขอบฟ้า
ด้านนอกห้องนอน แสงอาทิตย์เจิดจ้า
หวางจ่างจี๋เดินข้ามประตูห้องที่พังครืนมาถึงกลางเรือน
ก้าวข้ามศพเจ้าแมวส้มไป
เจ้าส้มมีดวงตาสีน้ำตาลคู่หนึ่ง เวลานี้กำลังเบิกโพลงจ้องมองท้องฟ้าไม่ไหวติง
ผลักประตูบ้านเดินออกจากเรือนเล็ก
เขาไม่ได้เดินออกจากเรือนเล็กตอนกลางวันช่วงคนเยอะๆ มานานแล้ว คนยิ่งเยอะ โลกใบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นทุกข์ ทั้งหมดไม่มีอะไรที่แตกต่าง
เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นแสงบนท้องฟ้าที่เจิดจ้า หรี่ตาลงเล็กน้อย
“เจ้าคนอัปยศ!”
คนที่เข้ามาคือชายชราร่างใหญ่คนหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นอย่างมาดร้ายดุดัน “จ่างเสียงอยู่ในเรือนเจ้าใช่ไหม”
เขาจำได้แน่นอน คนผู้นี้ชื่อว่าหวางเหลียนซาน เป็นประมุขตระกูลหวางในปัจจุบัน บิดาของเขา
หวางจ่างจี๋มองคนผู้นี้ ไม่พูดอะไร
“เจ้าสวะ! ข้าถามเจ้าอยู่!” ชายชราพอรู้ว่าความน่าเกรงขามถูกท้าทาย ยกมือขึ้นคิดจะตบหน้าเขา
มือของเขาเพิ่งยกขึ้น
มือของหวางจ่างจี๋ก็กดอยู่บนกระหม่อมของเขาแล้ว
หวางเหลียนซานแน่นิ่งอยู่กับที่ แต่ผมของเขา เลือดเนื้อของเขาเกิดการไหลขยับ ‘ไหล’ ลงมาจากร่างของเขากองอยู่บนพื้น ดังนั้นชายชราร่างใหญ่ ผู้ฝึกตนระดับโจวเทียนจึงเหลือเพียงโครงกระดูกยืนอยู่ที่เดิมในพริบตา
โครงกระดูกเองก็กระจัดกระจาย
มีคนที่เห็นฉากนี้จากที่ไกลๆ ส่งเสียงกรีดร้องตกตะลึงขึ้นมา “ประมุขตระกูลตายแล้ว! ประมุขตระกูลตายแล้ว! หวางจ่างจี๋สังหารประมุขตระกูล!”
“อะไรกัน”
“เป็นไปได้อย่างไร”
“สมควรตาย! องครักษ์ตระกูลอยู่ที่ไหน”
“ไปเชิญเหล่าก้งเฟิ่งมา!”
ความสงบสุขในพื้นที่ตระกูลหวางถูกทำลายลง ตกอยู่ในความพรั่นพรึงที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
มีคนหยิบจับอาวุธ ค่อยๆ เข้าล้อมหวางจ่างจี๋
และมีรุ่นหลังที่กำลังโกรธแค้นบางส่วน คว้าท่อนไม้พุ่งเข้าหาหวางจ่างจี๋ไปก่อนแล้ว
โลกนี้มันช่างเอะอะ วุ่นวายเสียจริง
หวางจ่างจี๋จ้องมองเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้า ยังคงดูสงบจิตสงบใจอย่างมาก
เขาสาวเท้าเข้าหา เดินสวนทวนกระแสผู้คน
เขาพูดออก น้ำเสียงนี้ไม่มีคลื่นกระทบใดๆ และไม่สนใจว่าจะถูกใครได้ยินหรือไม่…
“ให้ข้านำความยุติธรรมมอบให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”
…
ปฏิทินศักราชจวงอันสงบสุขปีที่สิบสี่ เมืองเฟิงหลินเขตปกครองแม่น้ำชิง ตระกูลหวางหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ ล่มสลาย
…
เมืองเฟิงหลินอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐจวง
ส่วนเมืองหลวงซินอัน ตั้งอยู่ใจกลางรัฐจวง แผ่รังสีออกไปทั่วทั้งรัฐ
แทบจะขณะเดียวกันที่ผู้ฝึกตนคนนั้นพาดกระบี่จบชีวิตตนเองลงในยอดเขาเหินทะยาน ในห้องลับแห่งหนึ่งในศูนย์หลักกรมอาญาเมืองซินอัน เทียนที่จุดอยู่แท่งหนึ่งดับมอดลง นั่นคือเปลวเทียนที่หลอมรวมกับดวงวิญญาณของผู้ที่ฝากไว้
พอเจ้าของตายลง เปลววิญญาณก็มอดดับ
ผู้ฝึกตนที่คุ้มกันที่แห่งนี้ลุกขึ้นยืนทันที ประสานปางปลดผนึกค่ายกล มองไปทางกระจกทองแดงที่เปลววิญญาณทำปฏิกิริยา
ผิวกระจกมีการผันแปร แต่ท้ายสุดก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ
หลังจากติดต่อกับยอดเขาเหินทะยานที่ห่างไกลไม่เป็นผล ผู้ฝึกตนคนนี้ก็ลุกขึ้นหยิบไม้เคาะระฆังเล็กที่แขวนอยู่ในห้องลับนี้ทันที!
แก๊ง!
เสียงระฆังสะท้อนก้อง ข่าวสารส่งไปถึงวิหารบวงสรวงเป็นอันดับแรก แต่กลับไม่มีเสียงดังลอดออกไปจากห้องลับ
ยอดเขาเหินทะยานถูกโจมตี!
วิหารบวงสรวงเวลานี้ กำลังดำเนินการพิธีบวงสรวงต่อบรรพชนรัฐจวง
จวงเกาเสี้ยนเจ้าแห่งรัฐปิดวังฝึกบำเพ็ญมาตลอดเกือบปี ไม่สนใจต่อเหตุบ้านการเมืองนานแล้ว
คนที่กำลังจัดการพิธีบวงสรวงคือตู้หรูฮุ่ยอัครเสนาบดีแห่งรัฐ ชายชราอายุเกินร้อยปีคนหนึ่ง
ใบหน้ากร้านโลก ผมเผ้ากลับสีดำสนิท
พอได้รับข่าวสาร เขาไม่แม้แต่จะปลดชุดพิธี เพียงปลดมงกุฎพิธีลง เหยียบเท้าก้าวหนึ่ง พื้นดินบิดเบี้ยว ทะยานออกไปกว่าพันลี้!
จุดเดิมนอกจากคลื่นการเปลี่ยนแปลงของมิติ ก็ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้อีก
นี่คือพลังวิเศษร่นขอบฟ้า!
ภาพเช่นนี้เคยเห็นมากันนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่เหล่าข้าราชการที่อยู่ในพิธีในใจยังคงตื่นเต้น เพียงแต่กลัวว่าจะไปขัดต่อพิธีบวงสรวง จึงไม่กล้าที่จะส่งเสียงกัน
นี่คือเสาค้ำสมุทรของรัฐจวงเลยนะ!
นับตั้งแต่ตู้หรูฮุ่ยอัครเสนาบดีรัฐกุมอำนาจ ก็ใช้พลังวิเศษร่นขอบฟ้าทะยานไปสี่ทิศอย่างว่องไว สะกดใต้หล้าทั่วสารทิศ เมื่อมีสถานการณ์ไม่มั่นคงภายใน ก็เข้าต่อต้านความแข็งแกร่งภายนอกที่ระรานเข้ามา
แทบจะเป็นตัวตนที่ค้ำจุนจิตวิญญาณเหล่าทหารประชาชนของรัฐจวงเอาไว้เลยทีเดียว
จำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว ที่เรื่องราวดำเนินการได้ครึ่งหนึ่ง ตู้หรูฮุ่ยก็ปลีกตัวออกไป
ไม่มีเหตุผลอื่น เพียงแค่รัฐจวงอ่อนแอเกินไป ต้องการเขามากเกินไป!
พอตู้หรูฮุ่ยออกไป ก็มีข้าราชการฝ่ายพิธีการขึ้นมาสวมมงกฎพิธี ดำเนินการพิธีบวงสรวงที่ยังไม่เสร็จสิ้นต่อ
เรื่องสำคัญแห่งรัฐ คือศึกสงครามและพิธีกรรม
อัครเสนาบดีที่ควบคุมพิธีกรรมออกไปด้วยธุระ แต่พิธีบวงสรวงจะหยุดลงไม่ได้
…
ตู้หรูฮุ่ยเหยียบเท้าก้าวออกมา แต่ไม่ได้ปรากฏตัวบนยอดเขาเหินทะยาน
เพราะมีพลังที่แข็งแกร่งวูบหนึ่ง สั่นสะเทือนมิติ ตัดเส้นทางการไปของเขาขาดลง จนเขาต้องปรากฏตัวที่ด้านนอกยอดเขาเหินทะยานแทน!
การฆ่าสังหารบนยอดเขาเหินทะยานสะท้อนชัดเจนแจ่มแจ้งในสายตาของเขา แต่เขากลับไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีก
หนังตาตู้หรูฮุ่ยยกขึ้น จากนั้นจึงมองเห็นซุ้มประตูหินที่ดูเดี๋ยวเหมือนจริงเดี๋ยวเหมือนภาพมายาบนท้องฟ้า มองออกว่านั่นคือภาพมายาด่านประตูผี
มีเพียงด่านประตูผีที่ติดต่อกับโลกหยินหยางทั้งสองได้เท่านั้น จึงจะสามารถผนึกมิติของที่นี่ จำกัดวิชาร่นขอบฟ้าของเขาได้
นี่เป็นการซุ่มโจมตีที่วางแผนไว้นานแล้ว!
ยอดเขาพู่กันกวาดล้างไปแล้ว ยอดเขาสมดุลหยกพังทลายไปแล้ว ยอดเขาเหินทะยานจึงเป็นตำแหน่งร่อนลงที่เป็นไปได้มากที่สุดของเขา และภายในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ อาจจะเป็นตำแหน่งร่อนลงเพียงจุดเดียว
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ควันดำรวมตัวกันจนกลายเป็นผีถือดาบขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
ฮูม! ฮูม!
เสียงคำรามกึกก้องไม่ขาดสาย
ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ เหนือ ใต้ ตะวันตก ตะวันออก ทุกทิศทุกทางล้วนผีถือดาบขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้น บางก็แยกเขี้ยวยิงฟัน บ้างก็มีโซ่คล้องพันรัด แต่ละตัวล้วนดุร้าย แข็งแกร่ง ราวกับร่วมกันแบกภาพมายาด่านประตูผีที่อยู่บนท้องฟ้าไว้ร่วมกันอย่างไรอย่างนั้น
จนทำให้ซุ้มประตูในตำนานบานนั้นเหมือนมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ
ผีทิศเฉียน ผีทิศข่าน ผีทิศเกิ้น ผีทิศเจิ้น ผีทิศซวิ่น ผีทิศหลี ผีทิศคุน ผีทิศตุ้ย ค่ายกลแปดผีผนึกมังกร
ตู้หรูฮุ่ยตกอยู่ท่ามกลางค่ายกล แต่กลับไม่ลนลาน เพียงแค่ก้มลงมองใต้เท้าตนเองกลางอากาศ ขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าผีเฒ่าโอวหยาง! หรือว่าหอหลิงเซียวจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เยี่ยหลิงเซียวไม่ทำร้ายเจ้า แต่แค่เล่นละครไปกับเจ้าเท่านั้นหรือ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ เขาเอ่ยต่อว่า “เป็นไปไม่ได้ ละครแบบนี้หลอกข้าไม่ได้หรอก เยี่ยหลิงเซียวเองก็คงไม่ทะลวงด่านล่วงหน้าออกมาเพื่อรวมมือกับเจ้า เจ้าไม่ได้มีข้อดีถึงระดับนั้น!”
“ไม่เจอกันหลายสิบปี เด็กน้อยยังคงมั่นใจในตัวเองถึงขนาดนี้!”
ควันดำกลุ่มหนึ่งราวกับพวยพุ่งออกมาจากส่วนลึกใต้พิภพ ก่อร่างเป็นหัวกะโหลกขนาดยักษ์ใต้เท้าตู้หรูฮุ่ย
กะโหลกควันดำอ้าปากพะงาบๆ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงหัวเราะประหลาด “เจ้ามันหลอกง่าย ดังนั้นข้าเลยไปปะทะกับเยี่ยหลิงเซียวจริงๆ และข้าก็บาดเจ็บหนักจริง! แต่ก่อนข้าออกเดินทางได้อัญเชิญหุ่นเชิดตัวตายตัวแทนไว้แล้ว อาการบาดเจ็บจึงไปตกอยู่บนหุ่นเชิดตัวตายตัวแทนทั้งหมด ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้าสกุลเยี่ยตัวน้อยจะแข็งแกร่งสักเพียงไหน คิดหรือว่าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้”
“ที่แท้ก็ใช้สมบัติในตำนานอย่างหุ่นเชิดตัวตายตัวแทนนี่เอง” ตู้หรูฮุ่ยดูจะไม่สนใจที่ถูกเรียกว่าเด็กน้อย ถ้าว่ากันด้วยอายุ อีกฝ่ายก็โตกว่าตนเองหลายรอบจริง พยักหน้าเอ่ยต่อว่า “มิน่าจึงเป็นเช่นนี้”
“เจ้ามีสายสืบอยู่ในลัทธิข้า คิดว่าข้าไม่รู้หรือ หุ่นเชิดตัวตายตัวแทนถึงแม้จะเป็นสิ่งล้ำค่า แต่ถ้าทำลายการปิดด่านของเยี่ยหลิงเซียวลงได้ ยืดเวลาการทะลวงระดับของเขาออกไป ซ้ำยังทำให้เจ้าลดความระมัดระวังลงได้ด้วย มันไม่คุ้มค่าตรงไหน!” โอวหยางเลี่ยผู้อาวุโสใหญ่สำนักกระดูกขาวหัวเราะเสียงประหลาด ราวกับหยิ่งผยองเสียเหลือเกิน “เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าจะมารู้แผนการของข้าหรือ!”
เขาเองก็มีคุณสมบัติที่จะหยิ่งผยองจริงๆ หากมองไปรอบๆ เยี่ยหลิงเซียวเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะฟ้าประทาน ส่วนตู้หรูฮุ่ยก็วางแผนได้ลึกล้ำมาแต่ไหนแต่ไร สติปัญญาและกำลังก็ลือชื่อ แต่ไหนแต่ไรมีแต่พวกเขาที่ทำให้คนอื่นเสียเปรียบ แต่คนที่ทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ ดูเหมือนจะมีแค่โอวหยางเลี่ยครั้งนี้เท่านั้น
พอเห็นว่ายอดเขาเหินทะยานกำลังจะพังทลาย ตัวเองก็ติดอยู่ในค่ายกลชั่วร้าย คอยประวิงเวลาเพื่อผู้คน ทั่วทั้งเขตเมืองซานซาน กระทั่งทั้งเขตปกครองแม่น้ำชิงกำลังตกอยู่ในอันตราย ครั้นจะส่งผลกระทบไปทั่วรัฐจวงอีกด้วย
ตู้หรูฮุ่ยกลับหัวเราะเสียงเบา
“ในเมื่อเยี่ยหลิงเซียวไม่ได้ร่วมมือกับเจ้า แล้วข้าจะต้องกลัวอะไร ลำพังไม้ใกล้ฝั่งอย่างเจ้า กระดูกผุพังในสุสาน! ต่อให้มีภาพมายาด่านประตูผี หรือเพิ่มค่ายกลแปดผีผนึกมังกรเข้าไป แต่จะทำอะไรข้าได้หรือ”
“ฮ่าๆๆๆ” โอวหยางเลี่ยเองก็หัวเราะขึ้นมา “ข้าไม่จำเป็นต้องสังหารเจ้า เจ้าเองก็คอยดูแล้วกันว่ายอดเขาเหินทะยาน จะรักษาไว้ได้ไหม!”
ตู้หรูฮุ่ยหยุดยิ้ม “ข้าไม่เชื่อว่าที่เจ้าลงทุนลงแรงไปมากมาย จะทำเพียงเพื่อยอดเขาเหินทะยาน”
หัวกะโหลกควันดำยักษ์นั่นก็ส่งเสียแปลกประหลาดออกมา “เช่นนั้นเจ้าก็ลองเดาดู ว่าข้าทำเพื่ออะไร”
“ไม่เดาแล้ว” ตู้หรู่ฮุ่ยตอบกลับเสียงเรียบ สองมือกางออก ผมดำปลิวสยาย “ข้าจะถามเจ้าเอง!”
แสงดำระเบิด ผีทั้งแปดกรูกันเข้ามา!
……………………………………….