กระบี่ยาวพุ่งราวสายอัสนี จนเหลือเพียงแสงเย็นเยียบ
ในคลื่นสัตว์ร้ายที่โถมทะลักเข้ามา เจียงวั่งใช้วิชาเต๋าไม่ทัน พึ่งพาเพียงวิชากระบี่ติดตัว พลิกหมุนไปมาอยู่ในฝูงสัตว์ร้าย
ศรแสงทองที่สลักอยู่บนกระบี่ ยิงเข้าใส่ดวงตาสัตว์ร้ายร่างราชสีห์ตัวหนึ่งไปพักหนึ่งแล้ว การโจมตีถัดไปยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาหลอมกายาสี่วิญญาณ เจียงวั่งคงแทบจะไม่รอดแล้ว
ในการปะทะของคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้ ผู้ฝึกบำเพ็ญล้มตายไปมากกว่าร้อย! กระทั่งศพยังไม่เหลือทิ้งไว้
เจียงวั่งตัวติดกับสัตว์ร้ายร่างวัวขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง หมุนซ้ายหมุนขวารอบตัวมัน แม้เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้จะอาละวาดเหมือนสายฟ้าฟาด แต่ก็ทำให้สัตว์ร้ายตัวอื่นๆ โจมตีเข้ามาได้ลำบาก
แต่เขาก็เข้าใจว่าเวลานี้ยังไม่ใช่ช่วงที่ปลอดภัย เพราะตอนนี้เขายังคงเต้นรำอยู่บนคมมีด หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็หมายถึงความตายที่ไม่เหลือแม้กระดูก
เขากระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ ว่าสัตว์ร้ายพุ่งเข้าหาเสาแสงก่อนหน้านั้นอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคลาดกับเจ้าหรู่เฉิงแล้วด้วย
เขาเองยังรับมือได้ยากลำบากเลย แล้วเจ้าหรูเฉิงจะเป็นอย่างไร
เจียงวั่งไม่กล้าจะจินตนาการ
เขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมาแล้ว ขณะเดียวกันที่หมุนตัวต่อสู้ ก็พยายามคนหาเงาของเจ้าหรู่เฉิงอย่างสุดกำลัง และตรวจสอบทิศทางของเสาแสงนั่นด้วย
จากการห้อตะบึงของสัตว์ร้ายร่างวัว เจียงวั่งก็เห็นเจ้าสัตว์ร้ายที่มีพลังวิเศษวิชาเวทตัวนั้น
แม้ว่าในฝูงสัตว์จะบ้าคลั่งเพียงไหน แต่ก็ยังคงเว้นที่ว่างให้กับมันภายใต้สัญชาตญาณ
นั่นคือสัตว์ร้ายที่เหมือนแมวดำตัวหนึ่ง รูปร่างเล็กปราดเปรียวกว่าที่คาดไว้ แต่มันกลับยืนตระหง่านนิ่งๆ อยู่ท่ามกลางคลื่นสัตว์ร้าย เหมือนหินโสโครกกลางกระแสน้ำไหลอย่างไรอย่างนั้น มีเพียงดวงตาสีแดงก่ำทั้งคู่ของมันเท่านั้นที่มองเห็นถึงสัญชาตญาณเดิมของสัตว์ป่า
ตอนนั้นมันดูเหมือนจะหาวออกมาอย่างขี้เกียจ ทว่าปากของมันยิ่งอ้าก็ยิ่งกว้าง ยิ่งอ้ายิ่งกว้าง เพียงครู่เดียวก็โตจนเหมือนอ่างไม้ และใจกลางปากที่อ้าออกมาของมัน ก็มีทรงกลมสีแดงลูกหนึ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
เจียงวั่งมองไปตามทางที่มันเล็ง ถลึงตาโตออกมาในพริบตา ทางนั้นเจ้าหรู่เฉิงกำลังโดนสัตว์ร้ายเจ็ดแปดตัวล้อมจะฉีกทึ้งอยู่ สถานการณ์อันตรายยิ่ง
เจียงวั่งพลิกตัวไปด้านหลังสัตว์ร้ายร่างวัว ใช้กระบี่กระตุ้นสัญชาตญาณเถื่อนของมัน จากนั้นดีดตัวออกไปด้วยปลายเท้า!
เขาเคลื่อนตัวไปยังบนศีรษะของสัตว์ร้าย
คอยหลบหลีกการฉีกทึ้งและการโจมตีอันมหาศาลตลอดทาง และเขาดีดตัวขึ้นฉับพลัน
เคล็ดกระบี่ปราณม่วงบูรพา วิชาสังหารกระบวนที่สี่ แสงกระบี่สาดยิงออกไป
เจียงวั่งห่อหุ้มอยู่ในแสงกระบี่เจิดจ้า กระแทกฝูงสัตว์ร้าย ใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งตรงไปเบื้องหน้าเจ้าหรู่เฉิง ดึงไหล่ของเขากระชากไปด้านหลัง!
ขณะเดียวกับที่เจ้าหรู่เฉิงถูกกระชากกลับ เจียงวั่งหมุนตัวกลางอากาศสามครั้ง และเสาแสงสีแดงก่ำที่สัตว์ร้ายแมวดำยิงออกมาก็แฉลบหวิวผ่านร่างเขาไปอย่างหวุดหวิด
ตึงเครียดถึงขีดสุด และยอดเยี่ยมสุดขีดด้วยเช่นกัน
แต่เขามองข้ามไป เจ้าสัตว์ร้ายร่างวัวที่ถูกเขา ‘จับเชิด’ อยู่นานสองนานตัวนั้น
นั่นคือวัวกวาง รูปร่างเหมือนวัวกับกวางผสมกัน หนังหยาบเนื้อหนา พละกำลังสุดลิ่ม หลังจากที่ถูกเจียงวั่งนำมาเป็นโล่คุ้มกายอยู่นานสองนาน มันก็มองข้ามทุกสิ่งอย่าง จ้องเขม็งมาทางเจียงวั่ง จากนั้นพุ่งขวิดเข้ามาอย่างรุนแรง
เวลาเดียวกับที่เสาแสงสีแดงเบิกทางขึ้นอีกครั้ง เจียงวั่งหมุนตัวเหยียบลงไปบนแมงมุมภูเขาตัวหนึ่ง จากนั้นใช้กระบี่จัดการทำลายตารองของแมงมุมภูเขายักษ์ตัวนี้ไป
และเวลานี้เอง เจ้าวัวกวางก็กระโจนขึ้นกลางอากาศ กระแทกตัวเจียงวั่งอย่างจัง!
ภายใต้ความฉุกละหุกเจียงวั่งทำเพียงแค่ยกกระบี่ขึ้นขวางไว้เบื้องหน้า ร่างทั้งร่างถูกกระแทกจนลอย และด้านหลังของเขาก็เป็นหน้าผา!
ยอดเขาสมดุลหยกสูงแค่ไหน อย่างน้อยมองลงไปจากกลางเขา ก็ล้วนถูกเมฆหมอกบดบังจนมิด
“พี่สาม!”
เจ้าหรู่เฉิงพุ่งตัวขึ้นหน้าเหมือนคนบ้า แต่สิ่งที่รอเขาอยู่คือฝูงสัตว์ร้ายที่กำลังโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
…
สนามรบที่พวกเขาอยู่ อยู่ทางหน้าผาทิศเหนือ
เยี่ยชิงอวี่เดินทางไปด้วยสู้ไปด้วย นางค้นหาตัวเจียงวั่งมาถึงตรงนี้
ก่อนหน้าที่คลื่นสัตว์ร้ายระลอกสองที่น่ากลัวกว่าจะระเบิดขึ้น คนที่หยิ่งทะนงเช่นนาง สิ่งที่คิดได้คือ นางจะต้องช่วยเหลือเจียงวั่งให้ได้สักครั้งจึงจะถูก
ไม่พูดถึงจำนวนสมบัติของวิเศษคุ้มครองกายที่ใช้ไปในครั้งนี้ อยู่ต่อหน้าคลื่นสัตว์ร้ายที่หลั่งทะลักออกมาเรื่อยๆ นางคิดในใจ ยังเหลือสมบัติอยู่อีกสองชิ้น ถ้าหากด้านหน้ายังหาตัวคนไม่พบคงต้องออกจากพื้นที่นี้เสียแล้ว
จากนั้นสิ่งที่นางเห็นคือ…กองเศษเนื้อของศพกองหนึ่ง
เป็นศพสัตว์ร้ายที่ถูกฟันทิ้งจนละเอียดที่สุดตั้งแต่นางเห็นมาในสนามรบครั้งนี้
พื้นที่ภูเขาก็เต็มไปด้วยหลุมนูน มีอยู่สามหลุมที่ชัดเจนที่สุด ถูกพลังบางอย่างซัดจนกลายเป็นร่องคู
และหนึ่งในร่องคูนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่
แค่มองเห็นด้านข้างใบหน้าเขา ก็หล่อเหลางดงามอย่างมาก
ข้างกายมีเลือดสดหลั่งไหล เศษชิ้นศพกระจายเต็มพื้น ชายคนนั้นเพียงแค่นั่งอยู่บนพื้น ก้มหน้าลงตก ผมยาวสยายบ่า
“…นี่” เยี่ยชิงอวี่ลองทดสอบทักถาม
ชายคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองมาทางนางผาดหนึ่ง
เป็นสายตาที่เย็นชาและเหี้ยมเกรียมอย่างมาก!
แต่เขาก็เพียงโยกไปโยกมา จากนั้นจึงล้มลงกลางบ่อเลือด
…
และเวลานี้ มาพูดถึงสถานการยอดเขาสมดุลหยกทั้งหมดต่อ
เจ้าสำนักเต๋าเมืองซานซานสู้จนตัวตายไปแล้ว ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ระดมกลุ่มกว่าห้าร้อยนายก็ตายไปกว่าครึ่ง
กลุ่มสัตว์ร้ายทำลายแนวป้องกันทั้งหมดลง ที่ไกลที่สุดคือบุกลงไปถึงฐานที่มั่นกองหลังตรงบริเวณตีนเขา เข้าสังหารอย่างเหิมเกริม
จากที่เห็นคือพ่ายแพ้ไปแล้ว
หรือไม่ก็ตอนที่ฝูงเหยี่ยวหยินหยางสองหัวปรากฏตัวออกมา สถานการณ์ก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ในความสิ้นหวัง โต้วเยวี่ยเหมยเจ้าเมืองซานซานลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
แต่ไม่มีใครเชื่อมั่นว่านางจะสร้างปาฏิหาริย์
ซุนเหิงในอดีตคือผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นอวัยวะภายใน ใช้ร่างกายทวนกระแสคลื่นสัตว์ สังหารจ่าฝูงของสัตว์ร้ายลงไปจึงได้พลิกสถานการณ์กลับมา แต่เขาเองก็ยังต้องล้มตายจากไป
และใครก็รู้ว่าโต้วเยวี่ยเหมยเป็นแค่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหกมังกรทะยานสูงสุด ในปีนั้นเพราะราชวงศ์จวงเห็นแก่การเสียสละของซุนเหิง บวกกับการรวมตัวกันเพื่อขอร้องจากผู้ฝึกบำเพ็ญเมืองซานซาน จึงให้นางเข้ามาเป็นเจ้าเมืองต่อ
มิเช่นนั้น ตำแหน่งเจ้าเมืองถึงแม้จะสืบทอดต่อในตระกูลได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีขั้นฝึกบำเพ็ญที่ระดับห้าอวัยวะภายในเสียก่อน
ในอดีตเจ้าเมืองเก่าเมืองเฟิงหลินเอง ก็เพราะไม่มีคนสืบทอด จึงต้องสละตำแหน่งลงหลังจากพลังที่ลดหลั่นตามความชรา ย้ายตนเองไปอยู่ยังเมืองซินอันเพื่อพักฟื้น
ทว่าโต้วเยวี่ยเหมยกลับยืนเผชิญหน้าต่อคลื่นสัตว์ร้าย
นางเป็นสตรีคนหนึ่ง แต่กลับฮึกเหิมเสียยิ่งกว่าผู้ชายทั้งหมดเสียอีก
นางเป็นแค่ระดับมังกรทะยานสูงสุด แต่กลับระเบิดพลังอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานออกมาอย่างไม่คาดคิด
ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังระเบิด ในร่างกายนางส่งเสียงระเบิดออกมา
พลังของนางเพิ่มขึ้นเป็นจังหวะ!
ทุกคนรู้ดี ด่านต่อไปของชีพจรเต๋ามังกรทะยาน ก็คือการเคาะเปิดอวัยวะภายใน
เช่นนั้นระหว่างมังกรทะยานและอวัยวะภายใน คั่นกลางอะไรเอาไว้กัน
นั่นคือการสำรวจที่ขีดจำกัดของร่างกาย เป็นการปลุกมังกรแห่งชีพจรเต๋าให้แหวกว่ายในทะเลลำตัว!
ปกติแล้ว ขั้นตอนนี้จะยาวนานและละเอียดมาก
เพียงแค่หลังจากที่ผู้ฝึกบำเพ็ญมองทะลุปรุโปร่งถึงทะเลช่วงลำตัวส่วนใหญ่แล้ว ก็สามารถที่จะทดลองเคาะเปิดอวัยวะภายใน
และร่างกายมนุษย์มีห้าอวัยวะภายใน และทั้งห้าก็ล้วนมีความลับซ่อนอยู่
การฝึกบำเพ็ญที่ใหญ่ที่สุดในระดับอวัยวะภายใน ก็คือการเปิดความลับของห้าอวัยวะภายใน จากระดับขั้นตอนการสำรวจที่แตกต่างกัน จากความแตกต่างของพรสวรรค์แต่ละบุคคล จากประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกันของผู้ฝึกบำเพ็ญ…สิ่งที่ได้รับมาตอนท้ายก็จะแตกต่างกัน
หลายครั้งที่มันจะเป็นตัวตัดสินความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
และในความลับทางร่างกายของคนทุกคน สิ่งที่ได้รับยากที่สุดและล้ำค่าที่สุด ก็คือพลังวิเศษ…อย่างไม่ต้องสงสัย!
พูดให้ถูกก็คือเมล็ดพันธุ์พลังวิเศษ หรือก็คือพลังวิเศษแท้จริงที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ขอแค่มีเมล็ดพันธุ์พลังวิเศษ สักวันหนึ่งก็จะสามารถบุกเบิกได้จนสมบูรณ์ สุดยอดทรงพลัง
แล้วตอนนี้โต้วเยวี่ยเหมยกำลังทำอะไร
นางกำลังจะเปิดพลังอวัยวะภายในล่วงหน้า ในขณะที่ยังไม่ได้สำรวจทะเลลำตัวอย่างสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้นจะทะลวงอวัยวะภายในทั้งห้าไปด้วย!
นี่แทบจะเป็นการปล่อยวางต่ออนาคตอย่างสิ้นเชิง ตัดขาดจากวิถีเต๋า
นางเพียงแค่แฉลบเงาผ่านอวัยวะภายในทุกชิ้น ไม่พิจารณาที่จะสำรวจอย่างละเอียด แต่ตอนที่ไปถึงอวัยวะภายในชิ้นที่ห้า กลับได้รับพลังวิเศษมา!
นางมั่นใจถึงขนาดนี้ มั่นใจว่าตอนที่ยังไม่ได้ควบคุมทะเลลำตัวอย่างสมบูรณ์จะสามารถเคาะเปิดอวัยวะภายในได้ และยิ่งมั่นใจว่าสามารถได้รับพลังวิเศษมา!
นางทำได้แล้ว!
“ซุนเสี่ยวหมาน! สะเทือนเขา!” นางตะโกนขึ้น
สาวน้อยเท้าเปลือยที่กำลังล่าสังหารอยู่ พอได้ยินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมเปียทั้งสองโบกสะบัด สองมือชูลูกตุ้มสะเทือนเขาขึ้นสูง ฟาดลงผืนพสุธาอย่างรุนแรง!
หินภูเขาแตกกระจุย พื้นดินสั่นสะเทือนโดยมีลูกตุ้มสะเทือนเขาเป็นศูนย์กลาง แตกจนเกิดร่องแตกลึกร่องหนึ่งออกมา
ส่วนโต้วเยวี่ยเหมยเพียงแค่นั่งยองๆ ใช้มือที่อ่อนยวบเหมือนไม่มีกระดูกทั้งสองของนางแนบลงกับพื้นดิน
พลังวิเศษที่นางได้รับมาจากการทะลวงอวัยวะภายในทั้งห้า
มีชื่อว่า เคลื่อนคีรี!
……………………………………….