ตั้งแต่เลือดโซมกายหนีตายออกมาจากหอชมจันทร์ เจียงวั่งไม่ได้หลับเต็มตาเลยสักคืน ครั้งนี้เขาจึงหลับไปนานเป็นพิเศษ
เขาฝันหลายเรื่อง ฝันว่าเขากำลังสังหารไปทั่วทิศบนเวทีเสวนากระบี่ ฝันว่าเขาฝึกบำเพ็ญยกระดับไปไกลในวันเดียว ได้ขี่ลมทะลวงเมฆ เขาฝันเห็นท้องฟ้าหมื่นลี้ ฝันเห็นลำแสงห้าสายพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ห้าสาย…
เจียงวั่งตื่นขึ้น
เขาลุกขึ้นมานั่งเงียบๆ เอนพิงหัวเตียง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่จู่ๆ ก็รู้สึกเป็นความหวาดผวาหรือความเสียใจ
เขาส่ายศีรษะ เก็บความคิดในจิตใจไป
เวลานี้ท้องฟ้านอกหน้าต่างย่ำค่ำแล้ว ในห้องพักก็ยังมีเพียงเขาคนเดียว
เจียงวั่งเลิกคิ้ว
ตู้เหยี่ยหู่ดื่มสุราหลายวันหลายคืนเป็นเรื่องปกตินัก แต่หลิงเหอที่อยู่ในกฎเกณฑ์มาตลอด เป็นไปไม่ได้ที่ค่ำแล้วจะยังไม่กลับหอพัก
หอพักศิษย์สายนอกของสำนักเต๋าเฟิงหลินเป็นห้องหลายแถวเรียงติดกัน เมื่อเขาหยิบเสื้อมาคลุมตัวเดินออกไป ประตูห้องพักฝั่งตรงข้ามปิดสนิท ห้องข้างๆ ซ้ายขวาเงียบกริบ บนทางเดินดูวังเวงอย่างประหลาด
เจียงวั่งสุ่มเรียกคนที่เดินผ่านมา “ศิษย์น้องคนนั้น เห็นศิษย์พี่หลิงเหอบ้างหรือไม่”
“หลิงเหอ? ไม่เห็นเลย” คนผู้นั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
ตอบพลางส่ายศีรษะไปด้วย
ตุบ!
ศีรษะของเขาหลุดร่วงลงบนพื้นเช่นนั้น กลิ้งขลุกๆ ไปหลายตลบ
เขาส่ายหน้าจนศีรษะหลุด!
เมื่อเห็นร่างไร้ศีรษะที่เพิ่งจะคุยกันเมื่อครู่ เจียงวั่งรู้สึกถึงความเย็นวาบที่แล่นขึ้นมาจากปลายกระดูกสันหลัง พุ่งขึ้นมาถึงกลางกระหม่อม
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ผ่านศึกมามากมาย จึงถอยไปก้าวหนึ่งตามจิตใต้สำนึก เตรียมจะกลับเข้าไปในห้องพัก อย่างน้อยก็ไปหยิบอาวุธออกมา
ทว่าประตูห้องพักพลันปิดสนิท ผลักเปิดไม่ได้! ราวกับว่าในห้องมีคนมายันประตูไว้ ไม่ให้เขาเข้าไป
และเวลานี้เอง ร่างไร้ศีรษะนั้นหันมา กางสองแขนสาวก้าวยาววิ่งมาทางเขา! ศีรษะที่หล่นอยู่บนพื้นกลิ้งไปไม่กี่ตลบก็ดีดผึงขึ้นมา พุ่งเข้าถึงตัวเจียงวั่งก่อนร่างกายก้าวหนึ่ง! ผมยาวของมันสยายออก ใบหน้าบิดเบี้ยว จมูกยุบเข้าไป ดวงตาทั้งสองปูดโปนขึ้นมา
ผีร้ายยามเที่ยงคืน วิญญาณเหี้ยมช่วงชิงชีวิต
“แสร้งเป็นผีหลอกเป็นเทพ!” เจียงวั่งคำรามขึ้น หวังว่าจะทำให้ศิษย์สายนอกในหอพักคนอื่นๆ รู้ตัวและถอยหนีไปในเวลาเดียวกัน
ที่นี่คือสำนักเต๋าเฟิงหลิน มีผู้ฝึกตนพลังบำเพ็ญระดับห้าอย่างต่งเออดูแลอยู่ หากมีความเคลื่อนไหวประหลาด ต้องสังหารทิ้งทันทีแน่! ไม่ว่าจะเป็นผีปีศาจประหลาดอะไรก็ไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตแน่นอน หากสามารถหนีไปได้เลยตรงๆ ย่อมเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
แต่ศีรษะนั้นพุ่งเข้ามาเร็วเหลือเกิน เจียงวั่งหนีไม่ทัน
ดังนั้นเขาถอยไปไม่กี่ก้าวก็ทะยานขึ้นสูงทันใด ส่งรากพลังเต๋าสองเม็ดในชีพจรเต๋าไปยังขาขวา จากนั้นบิดตัวแล้วดีดกลับกลางอากาศ!
ภายใต้การระเบิดกระตุ้นรากพลังเต๋า ขาข้างนี้ของเขามีพลังมหาศาลมากกว่าตอนปกติ
ภาพลักษณ์ของภูตผีปีศาจร้ายไม่เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่า เจียงวั่งแม้จะยังไม่มีพลังเหนือมนุษย์โดยสมบูรณ์ แต่ก็เคยได้สัมผัสโลกเหนือสามัญมาก่อน เขาเคยสังหารคน เคยเห็นเลือด ลับความกล้าเตรียมไว้นานแล้ว
เขาบอกกับตัวเองในใจว่านั่นคือลูกกลมๆ ไม่ใช่ศีรษะ เป็นแค่ลูกกลมๆ ลูกหนึ่งเท่านั้น!
ผัวะ!
ผิวรองเท้าปะทะกับศีรษะอย่างเด็ดขาด ศีรษะนั้นลอยกลับไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเมื่อครู่ ก่อนจะกระแทกใส่ร่างไร้ศีรษะที่กำลังวิ่งเข้ามาจนโซเซ
ชู่จวี[1]เข้าประตู!
ขณะเดียวกัน เจียงวั่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บสาหัสที่หลังเท้า ที่แท้ตอนที่เตะเข้าไป เขาถูกศีรษะนั้นอ้าปากกัดรองเท้าจนเนื้อฉีกออกไปชิ้นหนึ่ง!
ปากแผลเป็นเขียวจางๆ
เจียงวั่งอุทานในใจว่าแย่แล้ว เกรงว่ามันจะส่งผลเหมือนพิษศพอะไรเทือกนั้น
ทว่าเป้าหมายการโจมตีเพื่อสกัดศัตรูของเขาสำเร็จแล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่ลังเล หันหลังวิ่งหนีไป
เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงสุดทางเดิน แต่กลับถูกพลังปราณโปร่งใสชั้นหนึ่งขวางเอาไว้อีก
พลังนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่ทนทานมาก สกัดกั้นทางเบื้องหน้าเอาไว้ เขาตกอยู่ในสถานการณ์โดนล้อมสังหารเสียแล้ว!
เจียงวั่งใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว รากพลังเต๋าเม็ดสุดท้ายในชีพจรเต๋าระเบิดปะทุแล้วมารวมตัวกันบนไหล่ขวาของเขา
เขาออกแรงอย่างบ้าคลั่ง กระแทกไหล่เข้าไป!
“หลีกไป!!!”
เจียงวั่งรู้สึกเพียงว่าตัวเบาโหวง หลุดออกมาจากทางเดินระหว่างห้องพักสองฝั่งได้แล้ว
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลม เสียงแมลงร้อง เสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์สายนอกที่กลับมาแล้ว…เสียงของช่วงเวลาค่ำคืน
สภาพแวดล้อมที่เงียบวังเวงถูกทำลายลง
“ศิษย์พี่เจียงวั่ง ท่านกำลังทำอะไร”
“ศิษย์พี่ทำไมบาดเจ็บล่ะ”
ศิษย์สายนอกที่มองเห็นเจียงวั่งตรงเข้ามาทักทาย
เจียงวั่งได้ยินคำทักทายของเพื่อนร่วมสำนักที่คุ้นเคย ก็รู้ว่าตนเองพ้นอันตรายแล้ว เขาพุ่งตัวกลับไปยังทางเดิน และที่นั่นก็ว่างเปล่าจริงๆ
ร่างไร้ศีรษะกับศีรษะนั้นอันตรธานไปแล้วเช่นเดียวกัน
ห้องพักทั้งสองฝั่งมีคนผลักประตูเปิดและเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ทำไมประตูถึงเปิดไม่ออก”
จากนั้นมีเสียงตะโกนด้วยความหวาดกลัว “มี…มีคนตาย!”
เจียงวั่งตรงเข้าไปในห้องพักที่มีเสียงดังออกมาเป็นอย่างแรก และพบกับศพศีรษะขาดที่หายไป ร่างกับศีรษะของคนผู้นั้น เวลานี้นอนนิ่งสงบอยู่บนพื้น ใบหน้ายังคงดุร้ายน่ากลัว
ส่วนคนที่ตัวสั่นเทาไม่หยุดตรงมุมกำแพง น่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่กำลังหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
วิชาที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ อย่างน้อยก็มีวิชาควบคุมศพนอกรีตกับวิชาเต๋าธาตุน้ำแบบดั้งเดิม หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีแค่คนเดียว
เจียงวั่งรีบประมวลความคิด เปล่งเสียงออกมาอย่างเด็ดขาดว่า “มีมารร้ายบุกเข้าสำนักสายนอกมาสังหารคนยามค่ำคืน เชี่ยวชาญวิชาเต๋า บรรลุพลังเหนือมนุษย์แล้ว! พลังน่าจะอยู่ในขอบเขตระดับเก้า ศิษย์น้องทุกคนดูแลตัวเองให้ดี จับกลุ่มอยู่กันห้าคน คอยขานรับซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ตอนนี้ไป ปิดพื้นที่หอพักเอาไว้ ห้ามใครก็ตามเข้าออก ข้าจะไปรายงานกับศิษย์พี่สำนักสายในเดี๋ยวนี้!”
เหล่าศิษย์สายนอกที่กำลังหวาดหวั่นเหมือนมีผู้นำ รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที
เจียงวั่งหันกายทันใด พุ่งทะยานไปทางสำนักสายใน
ทั้งเขตตะวันออกของเมืองเป็นพื้นที่เฉพาะของสำนักเต๋าเฟิงหลินกับสำนักเต๋า แต่หากกล่าวอย่างจริงจัง มีเพียงพื้นที่ล้อมกำแพงสูงบริเวณใจกลางเขตเมืองตะวันออกเท่านั้นที่ถือว่าเป็นสำนักเต๋าเฟิงหลินโดยแท้จริง ศิษย์สายนอกอย่างพวกเจียงวั่งล้วนพำนักกระจายกันอยู่รอบสำนักเต๋า
เมื่อเทียบกับซุ้มประตูสูงใหญ่หน้าทางเข้าสำนักสายนอกซึ่งมีสิงโตหยกคู่หรูหรา ประตูของสำนักสายในเล็กลงไปถนัดตา ประมาณคนเดินเคียงกันสี่คนผ่านได้เท่านั้น แต่จากแค่ป้ายชื่อที่สลักมังกรพญาหงส์และส่องแสงยามค่ำคืน ก็เห็นถึงความคิดอันละเมียดละไมได้แล้ว
หน้าประตูสำนักสายในมีศาลาเล็กหลังหนึ่ง ด้านหน้าศาลามีโคมลอยสองใบแขวนอยู่ ในศาลามีเบาะรองนั่งทำจากหญ้าเพียงอันเดียว นักพรตหล่อเหลาในชุดผ้าป่านคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น กำลังหลับตาฝึกบำเพ็ญ คนผู้นี้คือหลีเจี้ยนชิวศิษย์สำนักสายในที่เข้าเวรในวันนี้
เจียงวั่งพุ่งเข้ามาถึง ก็คารวะอย่างเร่งร้อน “ศิษย์พี่หลี มีมารนอกรีตบุกเข้ามาก่อเหตุที่สำนักสายนอก มีศิษย์น้องคนหนึ่งถูกทำร้าย! ท่านโปรดเข้าไปจัดการสถานการณ์ด้วย!”
สำหรับศิษย์สายนอก ศิษย์สายในที่ก้าวสู่วิถีการฝึกบำเพ็ญทุกคนล้วนเป็นบุคคลเหมือนคนดัง เจียงวั่งอยู่ในสำนักเต๋ามานานแล้วย่อมไม่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่สำหรับหลีเจี้ยนชิว EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq จนเจ้าสำนักออกไปรับรองด้วยตนเอง ถือว่าไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่นอน อีกอย่างเขาที่เข้าเวรอยู่ก็ไม่อาจผลักภาระหน้าที่ได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้เพียงได้ยินเขาก็จับกระบี่ลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องแล้ว” เสียงน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้น หลีเจี้ยนชิวเก็บกระบี่โค้งตัวคารวะทันที
เจ้าสำนักต่งเออปรากฏตัวขึ้นตรงทางเข้าสำนักสายใน สีหน้าเย็นชาแข็งกร้าว กระทั่งพูดได้ว่าไม่น่ามอง “เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”
“ปราณศพ” เขามองไปที่บาดแผลถูกกัดฉีกบนหลังเท้าของเจียงวั่ง ก่อนจะยื่นนิ้วชี้ออกมา ไม่ได้ทำอื่นใดอีก เข็มแหลมสีเขียวมรกตเล่มหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น
ตอนนี้เจียงวั่งถึงเพิ่งสังเกตเห็น บาดแผลบนเท้าของตนเองกลายเป็นหนองไปแล้ว เริ่มมีเลือดสีดำไหล ในใจอดเกิดความพรั่นพรึงไม่ได้
“เข็มกลืนพิษ วิชาเต๋าชั้นสามระดับกลาง วิชาเต๋าชนิดนี้ใช้งานได้ดีมาก สามารถใช้ไปจนถึงขั้นกลางได้เลย”
ต่งเอออธิบายพลางใช้นิ้วชี้กดลงไปเบาๆ
นอกจากวิชาเต๋าเหนือขั้น วิชาเต๋าโดยทั่วไปถูกแบ่งออกเป็นสี่ชั้นสิบสองระดับ ในทะเลวิชาเต๋าอันไร้ที่สิ้นสุด ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสำรวจได้ครบ ผู้ฝึกตนวิชาเต๋าทุกคนที่ก้าวสู่เส้นทางการฝึกบำเพ็ญ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq และต้องสร้างระบบการต่อสู้ของตัวเองระหว่างการสืบเสาะสู้รบอย่างไม่หยุดยั้งด้วย
เข็มแหลมแทงเข้าไปในบาดแผลบนเท้าของเจียงวั่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา เพียงไม่กี่อึดใจ เข็มมรกตก็กลายเป็นสีดำสนิททั้งเล่ม บาดแผลก็ไม่เป็นสีเขียวคล้ำอีก แต่มีเลือดสดสีแดงไหลออกมาแทน
เจียงวั่งรีบฉีกปลายเสื้อออกมาพันแผลไว้
หลีเจี้ยนชิวมองเหตุการณ์นี้เงียบๆ ทำท่าทางเหมือนครุ่นคิด
ตอนนี้เอง ต่งเออถึงถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เจียงวั่งใช้ภาษาที่ง่ายกระชับที่สุดเล่าเรื่องออกมารอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอีก เขาเชื่อมั่น และทำได้เพียงเชื่อมั่นว่า เจ้าสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลินจะช่วยมอบความเป็นธรรมเรื่องที่ถูกลอบสังหารในสำนักเต๋าให้กับเขาได้
มุมปากของต่งเออยกขึ้นเล็กน้อย จากสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ทำให้รอยยิ้มบางๆ นี้ดูน่าขนลุกเป็นพิเศษ
“พวกสายดำนอกรีต กล้ามาก่อเรื่องในสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลิน นี่มันไม่เห็นสำนักเต๋าอยู่ในสายตา ไม่เห็นข้าต่งเอออยู่ในสายตาชัดๆ!”
เขากางชุดคลุมเต๋า กางนิ้วทั้งห้าแล้วกดลงไปบนพื้นดิน!
“กรงหยกมรกต!”
พลังไร้รูปร่างธาตุไม้แผ่กระจายออกไปสี่ด้านแปดทิศ โดยมีห้านิ้วของเขาเป็นศูนย์กลาง
ประตูใหญ่ทั้งหมดในสำนักเต๋าปิดเสียงดังสนั่น! ทั้งยังมีกิ่งไม้แผ่ออกไปอย่างบ้าคลั่ง
พยัคฆ์ปีนเขา[2]บนกำแพงสำนักแผ่พุ่งออกมาราวกับงู จากนั้นสอดผสานกันกลางอากาศ
สิ่งของที่ทำจากไม้ทั้งหมดในสำนักล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด
เก้าอี้ไม้มีกิ่งงอก หน้าต่างไม้กางกรงเล็บ ต้นไม้ยักษ์ทะลวงลงดิน เถาวัลย์แหลมคมสะบัดไปมา!
เพียงพริบตาทั้งสำนักเต๋าเฟิงหลินก็กลายเป็นกรงขังสีเขียวมรกตยามค่ำคืน!
……………………………………….
[1] ชู่จวี กีฬาในสมัยจีนโบราณ ลักษณะคล้ายฟุตบอล
[2] พยัคฆ์ปีนเขา คือไม้เลื้อยผลัดใบชนิดหนึ่ง ใบสีเขียวมีขอบหยัก สามารถเลื้อยขึ้นสูงตามหินผาและกำแพง