ท่องภพสยบหล้า – ตอนที่ 8 ส่ายหน้าจนหัวหลุด

ตั้งแต่เลือดโซมกายหนีตายออกมาจากหอชมจันทร์ เจียงวั่งไม่ได้หลับเต็มตาเลยสักคืน ครั้งนี้เขาจึงหลับไปนานเป็นพิเศษ

เขาฝันหลายเรื่อง ฝันว่าเขากำลังสังหารไปทั่วทิศบนเวทีเสวนากระบี่ ฝันว่าเขาฝึกบำเพ็ญยกระดับไปไกลในวันเดียว ได้ขี่ลมทะลวงเมฆ เขาฝันเห็นท้องฟ้าหมื่นลี้ ฝันเห็นลำแสงห้าสายพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ห้าสาย…

เจียงวั่งตื่นขึ้น

เขาลุกขึ้นมานั่งเงียบๆ เอนพิงหัวเตียง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่จู่ๆ ก็รู้สึกเป็นความหวาดผวาหรือความเสียใจ

เขาส่ายศีรษะ เก็บความคิดในจิตใจไป

เวลานี้ท้องฟ้านอกหน้าต่างย่ำค่ำแล้ว ในห้องพักก็ยังมีเพียงเขาคนเดียว

เจียงวั่งเลิกคิ้ว

ตู้เหยี่ยหู่ดื่มสุราหลายวันหลายคืนเป็นเรื่องปกตินัก แต่หลิงเหอที่อยู่ในกฎเกณฑ์มาตลอด เป็นไปไม่ได้ที่ค่ำแล้วจะยังไม่กลับหอพัก

หอพักศิษย์สายนอกของสำนักเต๋าเฟิงหลินเป็นห้องหลายแถวเรียงติดกัน เมื่อเขาหยิบเสื้อมาคลุมตัวเดินออกไป ประตูห้องพักฝั่งตรงข้ามปิดสนิท ห้องข้างๆ ซ้ายขวาเงียบกริบ บนทางเดินดูวังเวงอย่างประหลาด

เจียงวั่งสุ่มเรียกคนที่เดินผ่านมา “ศิษย์น้องคนนั้น เห็นศิษย์พี่หลิงเหอบ้างหรือไม่”

“หลิงเหอ? ไม่เห็นเลย” คนผู้นั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ

ตอบพลางส่ายศีรษะไปด้วย

ตุบ!

ศีรษะของเขาหลุดร่วงลงบนพื้นเช่นนั้น กลิ้งขลุกๆ ไปหลายตลบ

เขาส่ายหน้าจนศีรษะหลุด!

เมื่อเห็นร่างไร้ศีรษะที่เพิ่งจะคุยกันเมื่อครู่ เจียงวั่งรู้สึกถึงความเย็นวาบที่แล่นขึ้นมาจากปลายกระดูกสันหลัง พุ่งขึ้นมาถึงกลางกระหม่อม

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ผ่านศึกมามากมาย จึงถอยไปก้าวหนึ่งตามจิตใต้สำนึก เตรียมจะกลับเข้าไปในห้องพัก อย่างน้อยก็ไปหยิบอาวุธออกมา

ทว่าประตูห้องพักพลันปิดสนิท ผลักเปิดไม่ได้! ราวกับว่าในห้องมีคนมายันประตูไว้ ไม่ให้เขาเข้าไป

และเวลานี้เอง ร่างไร้ศีรษะนั้นหันมา กางสองแขนสาวก้าวยาววิ่งมาทางเขา! ศีรษะที่หล่นอยู่บนพื้นกลิ้งไปไม่กี่ตลบก็ดีดผึงขึ้นมา พุ่งเข้าถึงตัวเจียงวั่งก่อนร่างกายก้าวหนึ่ง! ผมยาวของมันสยายออก ใบหน้าบิดเบี้ยว จมูกยุบเข้าไป ดวงตาทั้งสองปูดโปนขึ้นมา

ผีร้ายยามเที่ยงคืน วิญญาณเหี้ยมช่วงชิงชีวิต

“แสร้งเป็นผีหลอกเป็นเทพ!” เจียงวั่งคำรามขึ้น หวังว่าจะทำให้ศิษย์สายนอกในหอพักคนอื่นๆ รู้ตัวและถอยหนีไปในเวลาเดียวกัน

ที่นี่คือสำนักเต๋าเฟิงหลิน มีผู้ฝึกตนพลังบำเพ็ญระดับห้าอย่างต่งเออดูแลอยู่ หากมีความเคลื่อนไหวประหลาด ต้องสังหารทิ้งทันทีแน่! ไม่ว่าจะเป็นผีปีศาจประหลาดอะไรก็ไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตแน่นอน หากสามารถหนีไปได้เลยตรงๆ ย่อมเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด

แต่ศีรษะนั้นพุ่งเข้ามาเร็วเหลือเกิน เจียงวั่งหนีไม่ทัน

ดังนั้นเขาถอยไปไม่กี่ก้าวก็ทะยานขึ้นสูงทันใด ส่งรากพลังเต๋าสองเม็ดในชีพจรเต๋าไปยังขาขวา จากนั้นบิดตัวแล้วดีดกลับกลางอากาศ!

ภายใต้การระเบิดกระตุ้นรากพลังเต๋า ขาข้างนี้ของเขามีพลังมหาศาลมากกว่าตอนปกติ

ภาพลักษณ์ของภูตผีปีศาจร้ายไม่เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่า เจียงวั่งแม้จะยังไม่มีพลังเหนือมนุษย์โดยสมบูรณ์ แต่ก็เคยได้สัมผัสโลกเหนือสามัญมาก่อน เขาเคยสังหารคน เคยเห็นเลือด ลับความกล้าเตรียมไว้นานแล้ว

เขาบอกกับตัวเองในใจว่านั่นคือลูกกลมๆ ไม่ใช่ศีรษะ เป็นแค่ลูกกลมๆ ลูกหนึ่งเท่านั้น!

ผัวะ!

ผิวรองเท้าปะทะกับศีรษะอย่างเด็ดขาด ศีรษะนั้นลอยกลับไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเมื่อครู่ ก่อนจะกระแทกใส่ร่างไร้ศีรษะที่กำลังวิ่งเข้ามาจนโซเซ

ชู่จวี[1]เข้าประตู!

ขณะเดียวกัน เจียงวั่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บสาหัสที่หลังเท้า ที่แท้ตอนที่เตะเข้าไป เขาถูกศีรษะนั้นอ้าปากกัดรองเท้าจนเนื้อฉีกออกไปชิ้นหนึ่ง!

ปากแผลเป็นเขียวจางๆ

เจียงวั่งอุทานในใจว่าแย่แล้ว เกรงว่ามันจะส่งผลเหมือนพิษศพอะไรเทือกนั้น

ทว่าเป้าหมายการโจมตีเพื่อสกัดศัตรูของเขาสำเร็จแล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่ลังเล หันหลังวิ่งหนีไป

เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงสุดทางเดิน แต่กลับถูกพลังปราณโปร่งใสชั้นหนึ่งขวางเอาไว้อีก

พลังนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่ทนทานมาก สกัดกั้นทางเบื้องหน้าเอาไว้ เขาตกอยู่ในสถานการณ์โดนล้อมสังหารเสียแล้ว!

เจียงวั่งใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว รากพลังเต๋าเม็ดสุดท้ายในชีพจรเต๋าระเบิดปะทุแล้วมารวมตัวกันบนไหล่ขวาของเขา

เขาออกแรงอย่างบ้าคลั่ง กระแทกไหล่เข้าไป!

“หลีกไป!!!”

เจียงวั่งรู้สึกเพียงว่าตัวเบาโหวง หลุดออกมาจากทางเดินระหว่างห้องพักสองฝั่งได้แล้ว

หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลม เสียงแมลงร้อง เสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์สายนอกที่กลับมาแล้ว…เสียงของช่วงเวลาค่ำคืน

สภาพแวดล้อมที่เงียบวังเวงถูกทำลายลง

“ศิษย์พี่เจียงวั่ง ท่านกำลังทำอะไร”

“ศิษย์พี่ทำไมบาดเจ็บล่ะ”

ศิษย์สายนอกที่มองเห็นเจียงวั่งตรงเข้ามาทักทาย

เจียงวั่งได้ยินคำทักทายของเพื่อนร่วมสำนักที่คุ้นเคย ก็รู้ว่าตนเองพ้นอันตรายแล้ว เขาพุ่งตัวกลับไปยังทางเดิน และที่นั่นก็ว่างเปล่าจริงๆ

ร่างไร้ศีรษะกับศีรษะนั้นอันตรธานไปแล้วเช่นเดียวกัน

ห้องพักทั้งสองฝั่งมีคนผลักประตูเปิดและเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ทำไมประตูถึงเปิดไม่ออก”

จากนั้นมีเสียงตะโกนด้วยความหวาดกลัว “มี…มีคนตาย!”

เจียงวั่งตรงเข้าไปในห้องพักที่มีเสียงดังออกมาเป็นอย่างแรก และพบกับศพศีรษะขาดที่หายไป ร่างกับศีรษะของคนผู้นั้น เวลานี้นอนนิ่งสงบอยู่บนพื้น ใบหน้ายังคงดุร้ายน่ากลัว

ส่วนคนที่ตัวสั่นเทาไม่หยุดตรงมุมกำแพง น่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่กำลังหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

วิชาที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ อย่างน้อยก็มีวิชาควบคุมศพนอกรีตกับวิชาเต๋าธาตุน้ำแบบดั้งเดิม หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีแค่คนเดียว

เจียงวั่งรีบประมวลความคิด เปล่งเสียงออกมาอย่างเด็ดขาดว่า “มีมารร้ายบุกเข้าสำนักสายนอกมาสังหารคนยามค่ำคืน เชี่ยวชาญวิชาเต๋า บรรลุพลังเหนือมนุษย์แล้ว! พลังน่าจะอยู่ในขอบเขตระดับเก้า ศิษย์น้องทุกคนดูแลตัวเองให้ดี จับกลุ่มอยู่กันห้าคน คอยขานรับซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ตอนนี้ไป ปิดพื้นที่หอพักเอาไว้ ห้ามใครก็ตามเข้าออก ข้าจะไปรายงานกับศิษย์พี่สำนักสายในเดี๋ยวนี้!”

เหล่าศิษย์สายนอกที่กำลังหวาดหวั่นเหมือนมีผู้นำ รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที

เจียงวั่งหันกายทันใด พุ่งทะยานไปทางสำนักสายใน

ทั้งเขตตะวันออกของเมืองเป็นพื้นที่เฉพาะของสำนักเต๋าเฟิงหลินกับสำนักเต๋า แต่หากกล่าวอย่างจริงจัง มีเพียงพื้นที่ล้อมกำแพงสูงบริเวณใจกลางเขตเมืองตะวันออกเท่านั้นที่ถือว่าเป็นสำนักเต๋าเฟิงหลินโดยแท้จริง ศิษย์สายนอกอย่างพวกเจียงวั่งล้วนพำนักกระจายกันอยู่รอบสำนักเต๋า

เมื่อเทียบกับซุ้มประตูสูงใหญ่หน้าทางเข้าสำนักสายนอกซึ่งมีสิงโตหยกคู่หรูหรา ประตูของสำนักสายในเล็กลงไปถนัดตา ประมาณคนเดินเคียงกันสี่คนผ่านได้เท่านั้น แต่จากแค่ป้ายชื่อที่สลักมังกรพญาหงส์และส่องแสงยามค่ำคืน ก็เห็นถึงความคิดอันละเมียดละไมได้แล้ว

หน้าประตูสำนักสายในมีศาลาเล็กหลังหนึ่ง ด้านหน้าศาลามีโคมลอยสองใบแขวนอยู่ ในศาลามีเบาะรองนั่งทำจากหญ้าเพียงอันเดียว นักพรตหล่อเหลาในชุดผ้าป่านคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น กำลังหลับตาฝึกบำเพ็ญ คนผู้นี้คือหลีเจี้ยนชิวศิษย์สำนักสายในที่เข้าเวรในวันนี้

เจียงวั่งพุ่งเข้ามาถึง ก็คารวะอย่างเร่งร้อน “ศิษย์พี่หลี มีมารนอกรีตบุกเข้ามาก่อเหตุที่สำนักสายนอก มีศิษย์น้องคนหนึ่งถูกทำร้าย! ท่านโปรดเข้าไปจัดการสถานการณ์ด้วย!”

สำหรับศิษย์สายนอก ศิษย์สายในที่ก้าวสู่วิถีการฝึกบำเพ็ญทุกคนล้วนเป็นบุคคลเหมือนคนดัง เจียงวั่งอยู่ในสำนักเต๋ามานานแล้วย่อมไม่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่สำหรับหลีเจี้ยนชิว EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq จนเจ้าสำนักออกไปรับรองด้วยตนเอง ถือว่าไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่นอน อีกอย่างเขาที่เข้าเวรอยู่ก็ไม่อาจผลักภาระหน้าที่ได้ด้วย

ด้วยเหตุนี้เพียงได้ยินเขาก็จับกระบี่ลุกขึ้นยืน

“ไม่ต้องแล้ว” เสียงน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้น หลีเจี้ยนชิวเก็บกระบี่โค้งตัวคารวะทันที

เจ้าสำนักต่งเออปรากฏตัวขึ้นตรงทางเข้าสำนักสายใน สีหน้าเย็นชาแข็งกร้าว กระทั่งพูดได้ว่าไม่น่ามอง “เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”

“ปราณศพ” เขามองไปที่บาดแผลถูกกัดฉีกบนหลังเท้าของเจียงวั่ง ก่อนจะยื่นนิ้วชี้ออกมา ไม่ได้ทำอื่นใดอีก เข็มแหลมสีเขียวมรกตเล่มหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น

ตอนนี้เจียงวั่งถึงเพิ่งสังเกตเห็น บาดแผลบนเท้าของตนเองกลายเป็นหนองไปแล้ว เริ่มมีเลือดสีดำไหล ในใจอดเกิดความพรั่นพรึงไม่ได้

“เข็มกลืนพิษ วิชาเต๋าชั้นสามระดับกลาง วิชาเต๋าชนิดนี้ใช้งานได้ดีมาก สามารถใช้ไปจนถึงขั้นกลางได้เลย”

ต่งเอออธิบายพลางใช้นิ้วชี้กดลงไปเบาๆ

นอกจากวิชาเต๋าเหนือขั้น วิชาเต๋าโดยทั่วไปถูกแบ่งออกเป็นสี่ชั้นสิบสองระดับ ในทะเลวิชาเต๋าอันไร้ที่สิ้นสุด ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสำรวจได้ครบ ผู้ฝึกตนวิชาเต๋าทุกคนที่ก้าวสู่เส้นทางการฝึกบำเพ็ญ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq และต้องสร้างระบบการต่อสู้ของตัวเองระหว่างการสืบเสาะสู้รบอย่างไม่หยุดยั้งด้วย

เข็มแหลมแทงเข้าไปในบาดแผลบนเท้าของเจียงวั่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา เพียงไม่กี่อึดใจ เข็มมรกตก็กลายเป็นสีดำสนิททั้งเล่ม บาดแผลก็ไม่เป็นสีเขียวคล้ำอีก แต่มีเลือดสดสีแดงไหลออกมาแทน

เจียงวั่งรีบฉีกปลายเสื้อออกมาพันแผลไว้

หลีเจี้ยนชิวมองเหตุการณ์นี้เงียบๆ ทำท่าทางเหมือนครุ่นคิด

ตอนนี้เอง ต่งเออถึงถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เจียงวั่งใช้ภาษาที่ง่ายกระชับที่สุดเล่าเรื่องออกมารอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอีก เขาเชื่อมั่น และทำได้เพียงเชื่อมั่นว่า เจ้าสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลินจะช่วยมอบความเป็นธรรมเรื่องที่ถูกลอบสังหารในสำนักเต๋าให้กับเขาได้

มุมปากของต่งเออยกขึ้นเล็กน้อย จากสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ทำให้รอยยิ้มบางๆ นี้ดูน่าขนลุกเป็นพิเศษ

“พวกสายดำนอกรีต กล้ามาก่อเรื่องในสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลิน นี่มันไม่เห็นสำนักเต๋าอยู่ในสายตา ไม่เห็นข้าต่งเอออยู่ในสายตาชัดๆ!”

เขากางชุดคลุมเต๋า กางนิ้วทั้งห้าแล้วกดลงไปบนพื้นดิน!

“กรงหยกมรกต!”

พลังไร้รูปร่างธาตุไม้แผ่กระจายออกไปสี่ด้านแปดทิศ โดยมีห้านิ้วของเขาเป็นศูนย์กลาง

ประตูใหญ่ทั้งหมดในสำนักเต๋าปิดเสียงดังสนั่น! ทั้งยังมีกิ่งไม้แผ่ออกไปอย่างบ้าคลั่ง

พยัคฆ์ปีนเขา[2]บนกำแพงสำนักแผ่พุ่งออกมาราวกับงู จากนั้นสอดผสานกันกลางอากาศ

สิ่งของที่ทำจากไม้ทั้งหมดในสำนักล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด

เก้าอี้ไม้มีกิ่งงอก หน้าต่างไม้กางกรงเล็บ ต้นไม้ยักษ์ทะลวงลงดิน เถาวัลย์แหลมคมสะบัดไปมา!

เพียงพริบตาทั้งสำนักเต๋าเฟิงหลินก็กลายเป็นกรงขังสีเขียวมรกตยามค่ำคืน!

……………………………………….

[1] ชู่จวี กีฬาในสมัยจีนโบราณ ลักษณะคล้ายฟุตบอล

[2] พยัคฆ์ปีนเขา คือไม้เลื้อยผลัดใบชนิดหนึ่ง ใบสีเขียวมีขอบหยัก สามารถเลื้อยขึ้นสูงตามหินผาและกำแพง

ท่องภพสยบหล้า

ท่องภพสยบหล้า

ท่องภพสยบหล้า
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ท่องภพสยบหล้าแม้นโลกาสวรรค์เที่ยงธรรมเสมือนไร้หัวใจ ข้าจะขอใช้ใจสัตย์จริงท่องแสวงไปสุดหล้าท้าคลื่นลม

Comment

Options

not work with dark mode
Reset