ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 122 ไร้ซึ่งจิตวิญญาณของความเป็นทีม

“อย่าใส่ใจกับคำพูดของเธอเลย” ระหว่างทางกลับ เมื่อเห็นว่าชางหลิงไม่ปริปากพูดสักคำ โหมวยู่ก็ปลอบใจเธอว่า “เธอถึงคราวอับจนแล้วดังนั้นจึงอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น”
ดวงตาของชางหลิงสั่นไหว และเอาแต่มองไปที่หน้าต่าง
ในสมองของเธอมักจะมีภาพเกี่ยวกับแม่อย่างไม่เลือนราง แต่ความทรงจำเหล่านั้นก็เก่ามากเกินไป และตัวเธอเองก็ไม่กล้าแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริง หรือเธอคิดนึกถึงจนเกินจินตนาการของตัวเอง
“โหมวยู่” ชางหลิงส่งเสียงเรียกเขา เธอไม่สามารถระงับความกระวนกระวายในใจได้เลย
“ฉันต้องรู้ความจริงของปีนั้นให้ได้” ชางหลิงพูดอย่างเด็ดขาด “ส่วนจ้าวหลันจือกับชางฉิงจะมีท่าทีต่อฉันยังไงนั้น ฉันไม่สนใจอยู่แล้วและฉันก็ไม่เคยเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตอะไรเหล่านั้นด้วย จะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เรียกว่าคำสาปแช่ง แต่ฉันแค่ต้องการคืนความยุติธรรมให้แม่ของฉันเท่านั้น”
เหตุใดตระกูลเสิ่นจึงหายสาบสูญไป ทำไมแม่ถึงต้องฆ่าตัวตาย และก่อนที่แม่จะตายนั้นแม่ก็อยู่บนเตียง ความจริงเหล่านี้ เธอจะต้องรู้ให้ได้
“ได้” โหมวยู่ตอบเธออย่างหนักแน่น
——
เหลืออีก 1 สัปดาห์ก็จะถึงงานมิลานแฟชั่นวีคแล้ว ทีมของชางหลิงก็ได้จัดเตรียมก่อนการแข่งขันยุ่งมากจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้เลย แต่ในเวลานี้ถงเอินผู้ควบคุมดูแลจัดการสถานการณ์ทั้งหมดดันไม่อยู่ โดยพี่สาวทั้งสามทั้งยุ่งทั้ง
ทำอะไรที่อยากทำ และมักจะทำงานจนดึกดื่นไม่กลับบ้าน
โหมวยู่นั่งมองดูนาฬิกาเป็นระยะๆ อยู่ในห้องทำงาน มันก็ 4 ทุ่มแล้ว ไฟของอาคาร 3 ยังสว่างอยู่เลย เขาส่งข้อความให้ชางหลิงไปตั้งหลายข้อความแล้วแต่เธอกลับไม่ตอบกลับและเงียบหายไปโดยปราศจากร่องรอย
“ประธานโหมวคะ” เลขาฯ ฉินเลี่ยงเลี่ยงผลักเปิดประตู พร้อมกับยกถ้วยชาร้อนเข้ามา ฉู่ฉือลาพักงาน เธอจึงทำงานแทนที่ฉู่ฉือชั่วคราว แค่ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไร โหมวยู่มักจะเลิกงานสาย แต่ฉินเลี่ยงเลี่ยงก็รู้ดีว่าโหมวยู่ไม่ได้จัดการกับงานราชการอะไร
“มันดึกแล้ว คุณ…ยังไม่เลิกงานเหรอคะ?”โหมวยู่ยังไม่ได้กลับไป เธอก็ไม่กล้ากลับเช่นกัน
โหมวยู่จ้องไปที่ถ้วยชาร้อนซึ่งอยู่บนโต๊ะและมองไปที่มือถืออีกครั้ง ชางหลิงก็ยังไม่ตอบข้อความของเขา กระทั่งเขายังสงสัยว่าตัวเองมีตัวตนในใจของเธอบ้างไหม
และในอีกด้านหนึ่ง…
“เร็วเข้า เดินทางสิ เดินทาง หอคอยกำลังจะถูกผลักลงมาแล้ว!” ชางหลิงถือมือถือและกรีดร้องขณะนั่งอยู่ที่มุมห้องกับซูเสี่ยวเฉิง ซึ่งเป็นช่วงที่เกมบนหน้าจอมือถือกำลังคึกคักและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“จื่อเวย ดูพวกเธอสองคนสิ มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” เพื่อนร่วมงาน โจวลี่ลี่ซึ่งยังยุ่งอยู่ในที่ทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลนั้นเหลือบมองชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงอย่างโกรธเคืองไปแวบหนึ่ง “ทำงานตัวเองเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้จักมาช่วยพวกเราสักหน่อยเลย พวกเราจะต้องไปมิลานด้วยกันนะ ช่างไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นทีมเลยสักนิด”
หลิวจื่อเวยส่งเสียงเย็นชา และจัดการกับงานในมือตัวเองต่อไป
ถงเอินไม่อยู่ดังนั้นทีม 3 จึงช่วยจัดการงานแทนนักออกแบบเหรียญทองอีกสามคนชั่วคราว ก่อนที่พวกเธอจะกลับไปได้รับคำสั่งว่า จะต้องศึกษาเกี่ยวกับภาพวาดเหล่านี้อย่างละเอียด และทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด โดยที่รู้ว่า ชางหลิงและหลิวจื่อเวยไม่เข้ากันมาโดยตลอด และยังกำชับว่าจะต้องทำให้หมดก่อนถึงจะกลับบ้านได้
สิ่งเหล่านี้ชางหลิงได้ทำจนเสร็จในเวลาปกติที่ไม่มีอะไรทำแล้ว ดังนั้นเธอจึงจัดให้เป็นระเบียบเสร็จแล้ว ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน เธอกับซูเสี่ยวเฉิงพวกเธอทั้งสองจึงเริ่มเกม และรอหลิวจื่อเวยพวกเธอทำงานให้เสร็จอย่างสบายๆ
“มันน่าโมโหจริงๆ เลย” โจวลี่ลี่กระแทกของที่อยู่ในมือของลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วเดินไปข้างหน้าพวกเธอทั้งสองด้วยความโกรธ
“เฮ้ย! พวกคุณเข้าใจกฎบ้างไหม นี่เป็นเรื่องทั้งทีมควรช่วยกันทำด้วยเหตุอะไรทำไมพวกคุณสองคนถึงมาสนุกกันตรงนี้? โจวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ
กลุ่มเด็กฝึกงานทั้งกลุ่มยังอยู่ที่นี่ และทุกคนก็กำลังยุ่งและกระตือรือร้นมาก มีแค่พวกเธอเท่านั้นที่ไม่เหมือนพวก
“โอ๊ย ดูสิ คุณแพ้แล้ว” ซูเสี่ยวเฉิงกล่าวอย่างเสียดายไปทีหนึ่ง ชางหลิงวางมือถือลง และบนหน้าจอมือถือก็แสดงคำว่า “พ่ายแพ้” ตัวใหญ่ๆ
“ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีกันหมด รับไม่ได้เลย” ชางหลิงถอนหายใจ
“คุณพูดถึงใครเหรอ?” โจวลี่ลี่โมโห
“ใครขานรับก็คนนั้นแหละ” ชางหลิงลุกขึ้น ยืดเอวพร้อมกับมองดูนาฬิกาข้อมือ แสร้งทำเป็นแปลกใจ “เอ๊ะ 4 ทุ่มกว่าแล้วเหรอ เพื่อนร่วมทีมทุกคนยังจัดการไม่เสร็จเลย”
“คุณ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณขี้เกียจและอู้งาน พวกเราจะทำเสร็จได้ยังไงกันล่ะ?” โจวลี่ลี่ประณามเธอ
“กับตูดอะไรของคุณ!” เดิมทีซูเสี่ยวเฉิงอารมณ์ไม่ดีเพราะเล่นเกมแพ้ติดต่อกันมาอยู่แล้ว “ขนาดงานเยอะเท่ากัน พวกเราทั้งคู่ทำงานเสร็จตั้งนานแล้ว ทำไมพวกคุณถึงทำเองไม่ได้ล่ะ” ยังทำให้พวกเราต้องกลับบ้านล่าช้าอีก ยังมีหน้ามาเห่าที่นี่อีก”
“คุณ!” โจวลี่ลี่โดนซูเสี่ยวเฉิงทำให้โกรธอย่างมาก
“ลี่ลี่ กลับมาเถอะ” หลิวจื่อเวยส่งเสียงเรียกเธอ “คุยกับพวกคนที่ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นทีมมันไม่มีอะไรน่าคุยด้วยหรอก”
ชางหลิงยิ้ม
เธอเดินไปข้างๆ หลิวจื่อเวยอย่างช้าๆ พร้อมกับมองไปที่กองเอกสารสูงบนโต๊ะของเธอ และยิ้ม
“จิตวิญญาณของความเป็นทีมเหรอ?”ชางหลิงเปิดข้อมูล “เหล่ารุ่นพี่ให้พวกเราอ่านข้อมูลการแข่งขันที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เขียนรายงานการสำรวจวิจัยพร้อมด้วยกับรายงานผลงานเท่านั้น แต่เพราะอยากให้พวกเราทำผลงานเหล่านี้อย่างจริงจัง ถ้าฉันให้พวกคุณทำจริงๆ ข้อมูลเหล่านี้ จะสามารถส่งต่อไปที่สมองของพวกคุณได้โดยอัตโนมัติเหรอ?
หลิวจื่อเวยมองบน เธอรู้เจตนาเหล่านี้อยู่แล้ว แค่ไม่คุ้นเคยกับรูปแบบทำงานของชางหลิงเท่านั้นเอง
“ฉันจะแนะนำให้พวกคุณนะ ปกติถ้ามีเวลา ก็หัดเรียนรู้ความรู้เฉพาะทางของอาชีพด้วยล่ะ อย่าเอาแต่รวมกลุ่มกันพูดคุยเรื่องซุบซิบของคนอื่นทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องนั้นจริงหรือไม่ล่ะ มันเสียเวลา” นิ้วของชางหลิงออกจากกองเอกสารนั้น
“คุณมีอะไรน่าภูมิใจนักหนา” หลิวจื่อเวยทำท่าทางดูถูก “ยังไงก็ตามถ้าพวกาเรายังทำไม่เสร็จพวกคุณก็อย่าคิดกลับบ้านก็แล้วกัน ถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่ก็แค่ทำต่อไป”
“ฉันไม่สนหรอก” ชางหลิงกางมือออก “ฉันว่าหลับในที่ทำงานมันก็สบายดีเหมือนกันนะก็ยังมีแอร์ฟรีให้”
พูดอย่างนั้นเธอก็เดินกลับอย่างสบายอกสบายใจ
ที่จริงแล้วถ้าเป็นเธอคนเดิมหรืองานอย่างอื่น เพื่อที่จะกลับบ้าน เช้าหน่อย เธอไม่สนใจที่จะทำไปมากกว่านี้ แต่อย่างที่ได้พูดไปเมื่อครู่นี้ ถ้าเธอช่วยหลิวจื่อเวยพวกเธอทำ เมื่อถึงที่สนามแข่งขัน พวกเธอจะต้องรู้เรื่องอะไร และสิ่งที่จะต้องเสียไปคือหน้าของบริษัทเซิ่งซื่อ
และนี่ก็คือบริษัทเซิ่งซื่อของโหมวยู่เธอจึงไม่ต้องการให้โหมวยู่ถูกล้อเลียนบนเวทีด้วยเรื่องเหล่านี้
ทั้งหลิวจื่อเวยและ โจวลี่ลี่ต่างก็พากันเกลียดชังชางหลิง แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกอย่างฉับพลัน
“คุณชายรอง?” หลิวจื่อเวยก็เห็นโหมวยู่ที่ยืนอยู่ที่ประตูจากนั้นเธอจึงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และทุกคนต่างก็พากันยืนขึ้นชางหลิงหันศีรษะกลับมา จากนั้นก็เห็นเพียงโหมวยู่เดินเข้ามาด้วยมือ และข้างหลังก็ตามด้วยเลขาฯ ฉินพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคน และทุกคนก็ถือกระเช้าอยู่ในมือ
“คุณชายรองคะ ทำไมคุณถึงมาที่นี่?” หลิวจื่อเวยยิ้มอย่างประจบสอพลอ
โหมวยู่เหลือบมองเล็กน้อย และสถานการณ์ในสำนักงานก็เข้ามาในตาของเขา
“ประธานโหมวเห็นใจทุกคนที่ทำงานล่วงเวลา ดังนั้นเลยสั่งอาหารให้ทุกคนเป็นพิเศษ” เลขาฯ ฉินพูด พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจกจ่ายกล้องข้าวให้ทุกคน
ชางหลิงจ้องที่โหมวยู่อย่างไม่อยากเชื่อ ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนนิสัยไปเมื่อไหร่กัน? ก่อนหน้านี้พอทุกคนได้ยินชื่อของเขาต่างก็ต้องรีบ​ลงมือทำทันที แต่ตอนนี้ เขาได้ใช้แนวทางของประธานที่จิตใจอ่อนโยนแล้วงั้นเหรอ?
“ว้าว คุณชายรองหล่อมาก” ดูเหมือนว่า โจวลี่ลี่กำลังบ้าคลั่งอย่างไงอย่างงั้นเลย เธอมองไปที่ใบหน้าของโหมวยู่อย่างไม่กะพริบตา
โหมวยู่ได้ยินเสียงของเธอ เขาก้าวเข้าไปใกล้พวกเธอ และเห็นความยุ่งเหยิงบนโต๊ะ
“ภารกิจค่อนข้างหนัก” โหมวยู่ถือโอกาสพลิกดูเอกสารบนโต๊ะ
“ไม่ค่ะๆ” หลิวจื่อเวยโบกมืออย่างรวดเร็ว “นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้วค่ะ พวกเราทุกคนกำลังจัดเตรียมสำหรับไปงานที่มิลานค่ะ ขนาดงานนี้มันเทียบกับอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
ชางหลิงมองบนอย่างอดไม่ได้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ไม่ได้ทานอะไรเลย ท้องว่างมานานแล้วล่ะ เธอนั่งลงอย่างไม่เกรงใจพร้อมกับเปิดกล่องข้าวอย่างดีใจและแปลกใจ
จานสีเขียวสวยสดงดงามปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ ความหวังในดวงตาเธอก็หายไป
“ล้อเล่นอะไรกัน?” ชางหลิงมองไปที่อาหารมังสวิรัติจานนี้แล้วรอยยิ้มเธอก็ค่อยๆ แข็งทื่อ เธอดึงคอตัวเอง เมื่อเห็นกับอาหารที่หลากหลายในกล่องของซูเสี่ยวเฉิงก็กลืนน้ำลายไปคำหนึ่ง
เธอรู้ว่าโหมวยู่ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นแค่เปลี่ยนวิธีเพราะอยากเปลี่ยนนิสัยที่ชอบทานเนื้อของเธอ
“ใช่แล้วๆ” โจวลี่ลี่ยังคงประจบประแจง “ครั้งนี้หลิวจื่อเวยมีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบแล้ว เป็นโชคดีของฉันที่ได้เป็นผู้ช่วยของเธอ ฉันเห็นคุณค่าของโอกาสนี้มาก รอทำงานไม่ไหวเลย และไม่กล้าเกียจคร้านเลยค่ะ ไม่เหมือนกับคนบางคน…”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset