ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 128 หาที่หลบซ่อน

ฉินซางช่วยประคองเมิ่งเคอออกจากตึกโมเดล ชางหลิงเดินตามหลังพวกเขาไปเงียบๆ ตลอดทาง
“คุณกล้ามากนะ” ฉินซางเอาเมิ่งเคอไว้ที่เบาะหลังรถตัวเอง แล้วหันหน้าไปคุยกับชางหลิง “คุณรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร เธอคือโม่โม่ คุณกล้าดียังไงไปบีบบังคับเธอ ไม่ต้องการชีวิตน้อยๆ นี่แล้วมั้ง”
ฉินซางยังอยากใช้โอกาสนี้สั่งสอนชางหลิงสักหน่อย แต่ผลลัพธ์คือเมื่อคำพูดของเขาเพิ่งจบลงชางหลิงก็เบะปาก ย่อตัวลงนั่งยองและเริ่มร้องไห้
“ฉันกลัวแทบตาย!” ชางหลิงเงยหน้ากรีดร้องขึ้นฟ้า
เมื่อครู่ที่อยู่หลังเวที เธอกลัวจริงๆ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเมิ่งเคอจึงทำทุกอย่างไปอย่างร้อนใจภายใต้ความกดดัน แต่ตอนนี้เมื่อลองคิดดูแล้ว เธอถึงได้รู้สึกหัวชาไปหมด
ฉินซางชะงักไป เมื่อครู่ยังเหมือนคนพาลไล่จับคนอื่นไม่ปล่อย ตอนนี้มานั่งร้องไห้ทำตัวน่าสงสาร เป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับพี่ใหญ่ของเขาจริงๆ
“เฮ้” ฉินซางยกเท้าเตะเธอ “คุณอย่าร้องไห้สิ ระหว่างเราต้องเลี่ยงความสงสัยนะ คุณเป็นแบบนี้ คนอื่นจะคิดเอาได้ว่าผมรังแกคุณ”
เธอเช็ดปาดน้ำตาแล้วฮึดฮัดยืนขึ้น ก่อนจะเตะฉินซางกลับไป “คุณเพิ่งโผล่มาเมื่อสิบนาทีก่อนเอง ทำไมเรื่องเยอะขนาดนี้”
“ชางหลิง” เมิ่งเคอเรียกเธอ “ขอบคุณนะ”
เมื่อครู่ถ้าเธอมาไม่ทัน กลัวว่าวันนี้เธอจะไม่มีทางหนีรอดพ้นจากเงื้อมมือของไทเลอร์ได้
“เพียงแต่ตอนนี้คุณขัดใจโม่โม่เพื่อฉัน เธอต้องไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่”
“ไม่เป็นไรหรอก” ชางหลิงใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าตัวเอง แต่กลับเป็นการป้ายคราบกาแฟเลอะไปบนหน้า วินาทีต่อมา ทั้งใบหน้าเล็กก็ดำมืด “คุณไม่ต้องห่วงฉัน เดี๋ยวก็ไปมิลานแล้ว ช่วงหลายวันนี้คุณจะได้พักผ่อนและรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเต็มที่”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็เบนความสนใจไปที่ตัวฉินซาง
“คุณมองฉันทำไม” ฉินซางรู้สึกว่าสายตาของเธอดูไว้ใจไม่ได้
“พี่ใหญ่ฉิน” น้ำเสียงของชางหลิงอ่อนลง เธอยื่นมือออกไปจับแขนของฉินซาง
“คุณทำอะไร” ฉินซางรีบสะบัดเธอออก “คุณผิดปกติไหมเนี่ย”
สีหน้าเปลี่ยนเร็วกว่าอากาศเปลี่ยนแปลง แค่วินาทีเดียวเป็นแบบนี้ไปแล้ว
“ตอนนี้เมิ่งเคอเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว คุณลุยโคลนแล้วก็ต้องช่วยเหลือให้สุดทาง ช่วงหลายวันนี้รบกวนคุณดูแลเธอด้วย”
ฉินซางเอียงศีรษะมองผ่านหน้าต่างเข้าไปปะทะกับสายตาของเมิ่งเคอ
ในสายตาของหญิงสาวซ่อนความรู้สึกมากมาย แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเธอยังคงมีความรู้สึกจางๆ
ฉินซางมีผู้หญิงนับไม่ถ้วน ผู้หญิงทุกคนเวลาที่มองเขาล้วนแล้วแต่มีแววตาเร่าร้อน มีเพียงเมิ่งเคอ ที่ถึงแม้ว่าจะกำลังมองเขา แต่กลับเหมือนไม่ได้เห็นเขาในสายตา
“คุณวางใจเถอะ” ฉินซางตอบรับ “ผมจะดูแลเธออย่างดีแน่นอน”
ชางหลิงค้นโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เดิมทีคิดว่าในกรุ๊ปบริษัทต้องระเบิดแน่ บางทีการกระทำอันอุกอาจของเธอคงจะถูกปลุกปั่นอีกครั้ง แต่เธอกลับเกินคาด ในกรุ๊ปเงียบสนิท หลายคนที่แต่เดิมส่งรูปของเมิ่งเคอเข้ามา เมื่อเธอกดเข้าไปพบว่าถูกลบออกจากกรุ๊ปไปแล้ว
คนที่สามารถระงับข่าวลือเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากโหมวยู่ ชางหลินก็คิดถึงคนอื่นไม่ออก
“ฉันไปก่อนนะ” ชางหลินโบกมือให้ฉินซาง กำลังวิ่งออกไป แต่หลังจากไปไม่กี่ก้าว เธอก็ถอยกลับมาอีก
เธอมองฉินซางขึ้นลงหัวจดเท้า เห็นฉินซางแล้วรู้สึกคันยุบยิบในใจ
ชางหลิงโน้มตัวไปใกล้เขา แล้วถามเขาหนึ่งประโยค
“ได้ยินว่าตอนที่คุณเรียนมหาวิทยาลัย เคยทะเลาะวิวาทกับโหมวยู่เหรอ” คนที่สามารถทะเลาะวิวาทกับโหมวยู่ได้ ฝีมือน่าจะดีมาก คงจะเพียงพอที่จะปกป้องเมิ่งเคอ
“มันก็เรื่องปกติ” ฉินซางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “แต่ว่าคุณรู้ได้ยังไง นั่นคือจุดสูงสุดอันเป็นเกียรติประวัติในชีวิตของผมเลยนะ”
“เกียรติประวัติเหรอ” ชางหลิงสงสัย ไม่ใช่ว่าคุ้นเคยกับการพ่ายแพ้ต่อโหมวยู่อยู่แล้วหรอกเหรอ มีอะไรให้เป็นเกียรติประวัติกัน
“หรือว่าพี่ใหญ่ไม่ได้บอกคุณ” เมื่อเห็นสีหน้าของชางหลิง ฉินซางรู้สึกได้ว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ “ปีนั้นผมเตะต่อยเขาจนหมอบ”
“อะไรนะ” ช่งหลิงตกใจ
โหมวยู่ทะเลาะวิวาทกับฉินซาง ปรากฏว่าคนอย่างโหมวยู่ก็ยังพ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ
ชางหลิงหวนนึกไปถึงสีหน้าของโหมวยู่เมื่อคืน ที่จริงเหมือนเขาจะไม่ได้ยอมรับว่าเขาชนะ
“เรื่องมันเป็นอดีตไปแล้ว” ฉินซางสะบัดผมตัวเองอย่างเจ้าเล่ห์ “โหมวยู่ในปีนั้น ใช้แค่นิ้วเดียวผมก็คว่ำเขาลงได้ง่ายๆ แต่ปีต่อมา เด็กนั่นเติบโตเร็วมากเหมือนเทคฮอร์โมน ผมจึงไม่ถือสาที่จะยกให้เขาขึ้นเป็นพี่ใหญ่”
“จริงเหรอ” ชางหลิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ภาพของโหมวยู่ตัวเล็กๆ ถูกฉินซางต่อยตีจนหมอบปรากฏขึ้นในหัวของเธอ จนหลุดหัวเราะออกมาเสียงลั่น
การสั่นสะเทือนของโทรศัพท์มือถือขัดจังหวะความคิดของเธอ ชางหลิงก้มลงจ้องมองคำว่าโหมวยู่บนหน้าจอ พลันเกิดเสียวสันวาบหลังขึ้นมาฉับพลัน
—–เธอก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ
เป็นอารมณ์ของการตั้งคำถาม
“ในเมื่อคุณเก่งขนาดนี้ งั้นก็ยกเมิ่งเคอให้คุณแล้วกัน” แล้วชางหลิงก็วิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็วไม่เห็นฝุ่น
“นี่…” เมิ่งเคอคิดจะเรียกเธอ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เอ่ยออกไป แค่ถามฉินซางอย่างกังวล “โม่โม่ไม่ใช่คนที่จะยั่วโมโหได้ ช่วงหลายวันนี้ชางหลิงต้องหาที่หลบซ่อนตัวหรือเปล่า”
“หลบซ่อนเหรอ” ฉินซางได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็หัวเราะอย่างขบขัน “คุณยังรู้จักผู้ช่วยชีวิตของคุณไม่ดีพอ”
——
หนานวานวิลล่า
แมวชางหลิงด้อมๆ มองๆ ผลักเปิดประตูเบาๆ ทั่วทั้งห้องนั่งเล่นมืดสลัวไม่เปิดไฟ ดูเหมือนว่าโหมวยู่ยังไม่กลับมา ชางหลิงถอนหายใจโล่งอก เธอถอดรองเท้าออก เอื้อมมือไปกดสวิตช์ และเมื่อหมุนตัวหันไป ร่างสูงของโหมวยู่ก็ปรากฏอยู่ข้างหลังเธออยู่ก่อนแล้ว
“อ๊า—–” ชางหลิงร้องอย่างตกใจ แต่ตอนท้ายถูกโหมวยู่ยื่นมือมาปิดปาก
“คุณๆๆๆ คุณโผล่มาตั้งแต่เมื่อไร” ชางหลิงรีบก้าวถอยหลัง
โหมวยู่ปล่อยมือ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า สายตาจ้องเธออย่างตรวจสอบ “ฉันอยู่ที่บ้านตลอดเวลา เธอมันกินปูนร้อนท้อง”
เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำสบายๆ ชุดนี้ทำให้เขาดูอ่อนกว่าวัยและกระฉับกระเฉงขึ้น ชางหลิงมองเขาขึ้นลงก่อนจะหัวเราะฮิฮิ “ว้าว สามีของฉันใส่ชุดนี้แล้วดูดีจัง ดูเหมือนเป็นวัยรุ่นหล่อเหลาอายุสิบแปดเลย”
“พูดมา เธออยากให้ลงโทษแบบไหน”
โอเค การเปลี่ยนเรื่องล้มเหลว ใบหน้าเล็กของชางหลิงยู่ลงทันที
เธอก้มหน้า น้ำแต่แห่งความคับข้องใจเอ่อล้น เธออยากจะจับมือโหมวยู่ แต่โหมวยู่เอาสองมือล้วงเข้ากระเป๋า ชางหลิงไม่มีทางเลือก ได้แต่ดึงชายเสื้อของเขา “สามี~ วันนี้มีคนกำลังจะแย่ คุณไม่รู้หรอก คนพวกนั้นโหดร้ายมากแค่ไหน”
“ใช่เหรอ” โหมวยู่เลิกคิ้ว “แต่ทำไมฉันได้ยินว่าเธอเป็นคนจับตัวโม่โม่ และยังทำร้ายเธอด้วย” ตอนนี้เกรงว่าโม่โม่คงจะไปฟ้องโหมวเจิ้งถิงนานแล้ว
“เหลวไหล!” ชางหลิงด่า “ฉันทำร้ายเธอที่ไหน เศษแก้วนั่นทื่อจะตาย ไหนเลยจะสามารถ…”
ชางหลิงพูดอย่างนั้นแล้วก็เห็นหน้าของโหมวยู่คล้ำลงอย่างรวดเร็วโดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า ชางหลิงตื่นตระหนก รีบกอดก่ายเขาไว้ มือสองข้างรัดรอบเอวเขาแน่น
“ฉันผิดไปแล้วๆ ฉันไม่กล้าอีกแล้ว” น้ำตาของเธอรินหลั่งอย่างควบคุมไม่ได้ ความคับข้องใจหล่อเลี้ยงอยู่ในแววตา “ครั้งนี้คุณยกโทษให้ฉันนะ”
โหมวยู่ก้มหน้าลงมอง
บนใบหน้าของชางหลิงยังมีคราบกาแฟ เป็นรอยเปื้อนเหมือนลายแมว บวกกับจมูกแดงเรื่อและดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา มันทำให้คนมองรู้สึกเจ็บปวดจริงๆ
ตอนที่เขาได้ยินว่าเธอเผชิญหน้ากับโมโม่ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะพลาดท่า
แต่เห็นท่าทางเธอตอนนี้ เขาก็หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“คำพูดแบบนี้ เธอพูดมันมาเป็นล้านครั้งแล้ว” โหมวยู่ยังคงหน้าคล้ำหมอง
เธอรู้จุดอ่อนของเขาดี แต่เขาตามใจเธอมากเกินไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หากวันหนึ่งเขาไม่สามารถปกป้องเธอได้อีก กลัวว่าเธอจะถูกเผาทั้งเป็น
“ขอโทษ…” ชางหลิงกะพริบตาปริบ
“ฉันคิดว่าหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย อย่างน้อยเธอจะโตขึ้นอีกนิด แต่ความจริงคือฉันประเมินเธอสูงไป” โหมวยู่แกะมือของเธอออก หมุนตัวแล้วมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมา

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset