ชางหลิงกลับไปที่ห้องตัวเอง เปลี่ยนเสื้อที่เปียกชื้นออกมา ได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนหมอจะมาแล้ว เธอเดินออกไป ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินไปที่ห้องสุดทาง
เธอไม่ได้ตามไป แค่นั่งในห้องรับแขก เปิดโทรทัศน์ดู และไม่รู้ว่าเปิดอะไรบ้าง
เธอไม่เข้าใจทำไมจี้เหยากวงต้องพยายามฆ่าตัวเอง เธอไม่ได้คิดร้ายต่อหล่อนเลย แม้จะไม่ชอบหล่อนสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยคิดทำร้ายเลย?
แต่ว่า การกระทำในวันนี้ของจี้เหยากวงกลับทำให้ชางหลิงระวังตัวขึ้นมามาก หางสุนัขจิ้งจอกของจี้เหยากวงโผล่ออกมาแล้ว
ชางหลิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ค้นหาในบันทึกผู้ติดต่อ กดโทรหาเบอร์โทรศัพท์หนึ่ง
“ฮัลโหล?” ชางหลิงกดโทรไป
“อืม” เสียงของป๋ายจื๋อเรียบเฉย และไม่ได้ตื่นเต้นที่ได้รับสายจากเธอเลยสักนิด
“นายอยากเป็นเบ๊ฉันไม่ใช่หรือไง?” ชางหลิงเลิกคิ้วขึ้น “ฉันให้ที่พักนายเป็นยังไง”
ทางปลายสายเงียบอยู่นานมาก เห็นได้ชัดว่า ป๋ายจื๋อไม่ค่อยสนใจกับข้อเสนอแนะนี้สักเท่าไหร่
“ก็ได้” ชางหลิงพูดความจริง “ฉันเจอเรื่องวุ่นวายเข้าน่ะ จัดการคนเดียวไม่ได้”
“โหมวยู่ล่ะ?” ป๋ายจื๋อถามเธอ
ชางหลิงมองบน
ถ้าเธอฝากความหวังไว้ที่โหมวยู่ได้ เธอจำเป็นต้องเรียกมันว่าเรื่อง “วุ่นวาย” ไหม?
“อย่าพูดมาก จะมาไม่มา?” ชางหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ที่อยู่” ป๋ายจื๋อพูดอย่างชัดเจน
ชางหลิงหัวเราะ จากนั้นก็วางสายและส่งโลเคชั่นให้กับป๋ายจื๋อ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดด้านบนก็เงียบได้สักที โหมวยู่เดินลงมาพร้อมพวกคุณหมอ และส่งพวกเขากลับไป
“คุณชายรองส่งถึงตรงนี้ก็พอแล้วครับ” คุณหมอทำความเคารพโหมวยู่ “พวกเราอยู่ข้างๆนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรก็เรียกพวกเราได้ตลอดนะครับ”
โหมวยู่พยักหน้า ปิดประตูลง
ภายในบ้านเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงแต่เสียงของโทรทัศน์ โหมวยู่หันหน้าไป ชางหลิงนั่งอยู่บนโซฟาถือรีโมทไว้และกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่มองเขาเลยด้วยซ้ำ
เขาเดินเข้าไป นั่งลงอีกด้านของโซฟา “ฉันเชิญพยาบาลมาแล้ว พรุ่งนี้ก็คงมา หมอก็จัดไว้อยู่ข้างๆนี้ ต่อไป จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
ชางหลิงก็ยังไม่พูดอะไร เธอจ้องโทรทัศน์อยู่อย่างนั้น
“ขอโทษด้วยนะ” โหมวยู่รู้ว่าเธอโกรธ “เมื่อกี้ฉันพูดแรงไปหน่อย”
เสียงกริ๊งประตูดังขึ้นมา เห็นชางหลิงไม่ขยับตัว โมหวยู่ก็ลุกขึ้นเปิดประตูออกไป
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าโหมวยู่เป็นอย่างแรก ต่อมาก็เห็นป๋ายจื๋อแบกกระเป๋าเป้ ยืนอยู่หน้าประตู ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ป๋ายจื๋อ?” โหมวยู่แปลกใจ
“มาแล้วเหรอ!” ชางหลิงเปลี่ยนท่าทีเย็นชาเมื่อกี้ เธอเดินไปข้างประตู ผลักตัวโหมวยู่ออกไปข้างๆ จากนั้นก็รีบกระเป๋าเดินทางจากมือป๋ายจื๋อมา
“เธอจะทำอะไร?” โหมวยู่ขมวดคิ้ว
ชางหลิงหัวเราะ เธอเงยหน้าขึ้น พูดอย่างท้าทายว่า “นายดูไม่ออกเหรอ? ตั้งแต่วันนี้ไปป๋ายจื๋อจะมาอยู่ที่นี่”
“ใครอนุญาตให้เขาเข้ามาอยู่?” โหมวยู่โมโห
เธอกล้าพาผู้ชายคนอื่นกลับมาบ้านต่อหน้าเขาเลยงั้นเหรอ?
“นายให้จี้เหยากวงเข้ามาอยู่ได้ ทำไมฉันจะให้ป๋ายจื๋อมาอยู่ด้วยไม่ได้?” ชางหลิงถามเขากลับ “ไม่ว่ายังไง จี้เหยากวงก็เป็นน้องสาวผู้มีพระคุณของนาย แต่ป๋ายจื๋อเป็นถึงคนช่วยชีวิตฉัน! ฉันจะให้เขาพักอยู่หอพักบริษัทได้ยังไง? ยังไงที่นี่ก็มีห้องเยอะ เพิ่มมาคนหนึ่งจะเป็นอะไรไป?”
“ชางหลิง!” โหมวยู่พูดเสียงดัง “เธอตั้งใจต่อต้านฉันเหรอ?”
“ฉันไม่คิดจะต่อต้านนายหรอกนะ! ก่อนหน้านี้นายสัญญาว่าจะไม่ให้จี้เหยากวงมากระทบถึงการใช้ชีวิตของพวกเราไม่ใช่เหรอ? แต่วันนี้หล่อนพึ่งเข้ามาอยู่ได้วันแรกพวกเราก็เป็นแบบนี้แล้ว หรือฉันจะใช้วิธีของตัวเองไม่ได้เลยหรือไง?”
“วันนี้หล่อนใส่ร้ายว่าฉันผลักหล่อนตกน้ำทะเลไปได้ พรุ่งนี้ก็คงบอกว่าฉันเอามีดแทงหล่อน! ทุกวันฉันต้องอยู่ที่นี่อย่างหวาดระแวง! หรือว่า นายจะให้ฉันย้ายที่ให้หล่อน จะยอมถอยหลังออกมาให้หล่อนไปอยู่ในห้องนอนใหญ่ ให้หล่อนนอนเตียงเดียวกับนายเลยไหมล่ะ?”
ชางหลิงพูดจนจบทีเดียว สบตาโหมวยู่อย่างไม่ยอมแพ้
“เธอพูดบ้าอะไรกัน!” โหมวยู่ไม่เข้าใจความคิดของชางหลิงเลย “หล่อนเป็นผู้ป่วย ในสายตาของฉัน หล่อนก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง……”
“เด็ก? ทารกยักษ์อายุยี่สิบงั้นเหรอ?” ชางหลิงโต้กลับไปอย่างไม่เกรงใจ “สมองนายแช่น้ำทะเลนานไปหรือยังไง? หล่อนเป็นเด็กแล้วฉันเป็นอะไร? ฉันก็อายุแค่ยี่สิบสอง ถ้านายพูดแบบนี้ ฉันก็เป็นเด็ก ตอนนี้ฉันจะให้นายไล่หล่อนออกไป นายตกลงไหม?”
โหมวยู่หรี่ตาลง และเงียบไม่พูด
ป๋ายจื๋อดึงกระเป๋าในมือชางหลิงกลับมา นี่คือข้าวของทั้งหมดของเขา ในตอนที่ชางหลิงวางสาย เขาก็เริ่มเก็บของแล้ว เก็บไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
“คุณโหมว” ป๋ายจื๋อพูดขึ้น “ให้ผมอยู่ห้องคนรับใช้ก็ได้ครับ”
เขาไม่สนใจสายตาที่ตักเตือนมาของโหมวยู่ ใจเย็นจนไม่เหมือนคนปกติ
“แม้ผมจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ผมได้ยินคุณบอกว่า คุณจะปกป้องชางหลิงให้ปลอดภัย” ป๋ายจื๋อมองไปทางโหมวยู่ “ผมจะไม่ให้ใคร มาทำร้ายหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอได้”
ไม่ว่าใครก็แล้วแต่รวมไปถึงโหมวยู่
ทุกอย่างเงียบสงบลง
ชางหลิงคิดว่าตามนิสัยของโหมวยู่แล้ว จะต้องไม่ยอมแน่ แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินที่ป๋ายจื๋อพูดแล้ว เขากลับไม่พูดอะไร กลับหลังหันเดินไปที่โซฟาโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น
“ฉันบอกนายก่อนเลยนะ” ชางหลิงรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่กลับทำใจแข็งพูดกับโหมวยู่ “นอกจากห้องนอนใหญ่ ฉันจะติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกห้องรวมไปถึงสวนดอกไม้ ต่อไปถ้ามีคนล้มหรือโดนอะไรจะได้ไม่มาโทษฉันอีก ถ้านายรับได้ก็รับได้ รับไม่ได้ ฉันก็จะพาป๋ายจื๋อออกไป”
ทำเหมือนคนอื่นอยากอยู่กับเขาตายแหละ เธอชางหลิงแม้จะต้องหิวตายอยู่ข้างถนน ก็ไม่ยอมถูกผู้หญิงอื่นรังแกในบ้านหลังนี้หรอกนะ
“ตามใจเธอ” โหมวยู่พูดอย่างเรียบเฉย
เขาพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ชางหลิงโกรธหนักมากขึ้น
ผู้ชายบ้า! เขายอมใช้ชีวิตแบบจับตาคุมพฤติกรรมเอง ก็ไม่ยอมส่งจี้เหยากวงออกไปงั้นเหรอ?
“ป๋ายจื๋อ! พวกเราไปกัน!” ชางหลิงแย่งกระเป๋าของป๋ายจื๋อมา “จะอยู่ห้องคนรับใช้ทำไม นายเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ก็ต้องพักในห้องรับแขกสิ ทางที่ดีต้องพักที่ห้องอย่างดี!”
เธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่โกรธจนตาย!
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 257 ทารกใหญ่
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง