“ฉันบอกให้คุณออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
โหมวยู่นั่งไปอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้ถูกชางหลิงส่งผลกระทบถึงตัวเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่ยังแสยะริมฝีปากออกมา เหยียดยิ้มกว้างออกมา “บังเอิญจังเลย ผมก็ไม่ชอบที่นี่เหมือนกัน”
ชางหลิงถูกท่าทางที่ดื้อรั้นของเขาทำเอาโกรธขึ้นมาไม่น้อยเลย ส่งเสียงดังไปทางห้องของป๋ายจื๋อ “ป๋ายจื๋อ ออกมา”
ป๋ายจื๋อวันนี้เป็นอะไรไป ที่บ้านมีคนเข้ามามากมายขนาดนี้แล้วนึกไม่ถึงว่าจะยังหลบอยู่ในห้องไม่ออกมา เขาเชื่อใจโหมวยู่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ไปที่ห้องของคุณ มีธุระนิดหน่อย”
โหมวยู่ดันร่างของชางหลิงเดินไปยังห้องของเธอ ไม่ว่าเธอจะยินยอมหรือไม่อย่างไร แต่ด้วยความแตกต่างกันทางด้านพละกำลังทางร่างกายของทั้งสองคนมันทำให้เธอไม่อาจต่อต้านได้เลย
เพียงไม่นานทั้งสองคนก็เข้าห้องไป ในตอนที่เธอคิดอยู่ว่าจะเล่นลูกไม้ทำท่าทางเอาอกเอาใจเพื่อผ่อนคลายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนสักหน่อย ก็ได้ตกใจที่พบว่าด้านหลังของโหมวยู่ยังมีอีกคนตามมาด้วย
คนที่อยู่ด้านหลังของโหมวยู่สวมแว่นตากรอบสีทอง อายุคงจะประมาณเขา ผิวขาวเนียน เห็นชางหลิงก็ยิ้มอกมาอย่างอ่อนโยน มองดูแล้วไม่มีความอุกอาจใดๆเลย อ่อนโยนจนทำให้คนอื่นอดไม่ได้ที่จะอยากเข้าหา
“เขาคือใคร?”
ชางหลิงป้องท้องเอาไว้ ถอยไปด้านหลังสองก้าวเงียบๆ เว้นระยะห่างระหว่างเธอกับผู้ชายทั้งสองคน
ตอนนี้เธอเกิดความรู้สึกอามณ์เสียที่ชักศึกเข้าบ้าน สำหรับป๋ายจื๋อที่ยอมช่วยเหลือคนร้ายเพื่อที่จะทำเรื่องชั่วร้ายเองก็เกิดความไม่พอใจกับทั้งสองคนด้วยเช่นกัน
“อย่ากังวลไป นี่คือหลินจื้อคุณหมอส่วนตัวของผม เป็นคนที่ออกมาจากตระกูลเซิ่งเหมือนกับฉู่ฉือ เรื่องที่โรงพยาบาลป๋ายจื๋อได้บอกกับผมแล้ว เป็นเด็กดี ให้หลินจื้อช่วยคุณตรวจร่างกายดูสักหน่อย” โหมวยู่อธิบายออกมามากมายเป็นครั้งแรก
เขารู้ว่าเธอเผชิญกับอุปสรรคจากภายนอกเพียงลำพังมันจะต้องยากลำบากมากแน่ๆ ยิ่งต้องเลี้ยงลูกอีกคนด้วยแล้วก็ยิ่งยากลำบากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ถือโอกาสที่ตอนนี้เขายังมีความสามารถอยู่ พยายามช่วยเหลือเธอเท่าที่จะเป็นไปได้มันก็เป็นสิ่งที่ควรทำ
ตอนที่หลินจื้อตรวจร่างกายให้กับชางหลิง โหมวยู่กุมมือของเธอแน่นอยู่ตลอด สายตาแทบจะมองเธอไปอย่างสายตาไม่รู้จักพอ ทุกครั้งที่เห็นเธอขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อยก็จะปลอบโยนเธอไปด้วยความอ่อนโยนเบาๆ
ท่าทางนี้ของเขาอ่อนโยนมากเกินไป ชางหลิงที่อ่อนโยนเกือบจะคิดว่าช่องว่างความห่างเหินทั้งหมดและความไม่พอใจระหว่างพวกเขาจะไม่มีอยู่แล้ว นึกว่าพวกเขาได้กลับมาถึงตอนที่ได้ใกล้ชิดกันโดยไม่มีช่องว่างระหว่างกัน มีความรักที่หวานชื่นเหมือนอย่างในตอนแรกอีกครั้ง
ในชั่วเวลาที่ไม่ทันได้รู้ตัว ชางหลิงเปียกชื้นตรงขอบดวงตา เธอค่อยๆซบลงไปบนอกของโหมวยู่ไปอย่างช้าๆ ดมกลิ่นที่คุ้นเคยจากบนร่างของเขา นึกไม่ถึงว่าจะนอนหลับไม่ได้สติไป
โหมวยู่ส่งสัญญาณให้หลินจื้ออย่าเสียงดังรบกวนชางหลิง อยากให้เธอได้พักผ่อนให้เต็มที่สักพักนึง แต่เขาก็ทำใจแยกออกจากชางหลิงไม่ลง จากนั้นก็กดเสียงเอ่ยถามออกไปเบาๆ “ร่างกายของเธอเป็นยังไงบ้าง? เด็ก เป็นยังไงบ้าง?”
“ร่างกายของคุณชางบำรุงดูแลร่างกายมาอย่างดี แต่ทารกในครรภ์ค่อนข้างที่จะเติบโตได้ไม่ดีเลย ในวันปกติจะต้องเพิ่มการดูดซับสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย แล้วยังสามารถเสริมไปกับยารักษาที่เหมาะสมสักหน่อยก็ได้”
ได้ยินคำตอบของหลินจื้อแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งหมดล้วนอยู่ในความคาดหมายเอาไว้แล้ว แต่สีหน้าของโหมวยู่ยังคงหม่นออกมา
เขารู้อยู่แล้วว่าโหมวฉี่แท้จริงแล้วได้ปิดซ่อนบางอย่างที่ไม่ดีเอาไว้ในใจ อย่างที่คิด รับคนเขาเข้าไปที่คฤหาสน์ป้านซานก็ดูแลจนกลายมาเป็นอย่างนี้
อีกอย่างโรงพยาบาลที่ชางหลิงไปตรวจเมื่อก่อนหน้านี้ จะต้องมีปัญหาด้วยอย่างแน่นอน
“หลินจื้อ รบกวนนายแล้ว หลังจากที่ฉันจากไปหวังว่านายจะสามารถช่วยฉันดูแลพวกเธอแม่ลูกให้ดีๆ ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้ของพวกเธออีกสองวันฉันจะให้ฉู่ฉือโอนมาให้นาย”
หลินจื้อก้มหน้าลงไปเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงหน้าของโหมวยู่ด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม “คุณชายรองวางใจได้ ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่คุณสั่งมา หลินจื้อจะทำมันให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน”
โหมวยู่พยักหน้าออกมาเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้หลินจื้อจ่ายใบสั่งยาและรายการอาหารมา
หลินจื้อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไป เพียงไม่นานก็ได้เดินเข้ามาอีกที พลางเอ่ยถามออกมาอย่างลังเลอยู่เล็กน้อย “คุณชายรอง ทางผมมียาเสริมสารอาหารอย่างรวดเร็วชนิดที่ต้องฉีดเข้าไป ต้องการให้ใช้กับคุณชางหรือเปล่าครับ?”
“มีความเสี่ยงหรือเปล่า?” โหมวยู่ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งพวกนี้นัก จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความกังวลอยู่เล็กน้อย
คนท้องเหมือนกับว่าจะไม่สามารถฉีดหรือกินยาอะไรมั่วซั่วได้ แต่เขาเชื่อในทักษะทางการรักษาและการวินิจฉัยของหลินจื้อ
“ไม่มีผลข้างเคียง นี่เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ที่เป็นชั้นสุดยอดที่สุดในโลก ผมแนะนำให้ใช้กับคุณชางไปสักครั้งนึง ตอนนี้เด็กในท้องของเธอเติบโตได้ค่อนข้างที่จะช้าเลยทีเดียว”
ตอนที่พูดถึงร่างกายของชางหลิง คิ้วสวยของหลินจื้อขมวดออกมาเล็กน้อย สีหน้าที่กังวลบนใบหน้าซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกออกมาอย่างมาก
โหมวยู่คิดอยู่เล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะฟังหลินจื้อ เพราะถึงยังไงคนเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง “สะดวกฉีดให้เธอเมื่อไหร่ นายเอายามาหรือเปล่า?”
“เอามาแล้วครับ ผมจะไปเอามา”
ฝีเท้าของหลินจื้อเดินออกไปจากห้องอีกครั้งอย่างรีบเร่ง เพียงไม่นานเขาก็ได้หยิบเข็มฉีดยาและยามา แยกออกมาแต่ละชิ้นต่อหน้าโหมวยู่ ประกอบเข็มฉีดยาไปอย่างชำนาญ แกะยาออก เข็มแหลมยาวๆเสียบเข้าไปแล้วก็สูบขึ้นมาช้าๆ
เพียงไม่นาน ยาใสๆที่บรรจุอยู่ในหลอดเข็มฉีดยาจนเต็มหลอดเข็มหนึ่งก็มาอยู่ในมือขาวสะอาดของหลินจื้อแล้ว
หลินจื้อส่งสัญญาณบอกให้โหมวยู่ช่วยดึงเสื้อคลุมที่แขนของชางหลิงลงหน่อย แขนขาวเนียนของชางหลิงปรากฏออกมา เข็มฉีดยายาวๆในมือของหลินจื้อสะท้อนแสงที่เยือกเย็นออกมาในอากาศ
เห็นเข็มยาวๆนั้นค่อยๆเข้าไปใกล้กับผิวขาวๆของชางหลิงไปอย่างช้าๆ ในทันใดนั้นเอง โหมวยู่ก็อยากจะขัดขวางการเข้าไปของมันอย่างแรง ไม่ง่ายเลยกว่าจะระงับแรงกระตุ้นที่อยากจะดึงเสื้อคลุมของชางหลิงขึ้นมาเอาไว้ให้ได้
เขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างนั้นของหลินจื้อ ข่มใจให้ตัวเองสูดหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายอารมณ์ คงจะเป็นอานุภาพในการปฏิบัติตัวเป็นพ่อครั้งแรก ในชั่วขณะหนึ่งมันจึงตึงเครียดอย่างมาก
ชางหลิงที่ไม่ได้พักผ่อนดีนักเพราะว่าเรื่องของโหมวยู่ในช่วงหลายวันมานี้ วันนี้ซบอยู่ให้อ้อมแขนของเขาดมกลิ่นที่คุ้นเคยนึกไม่ถึงว่าจะนอนหลับลึกไปเลย
ทันใดนั้นเองจู่ก็รู้สึกเจ็บที่แขนขึ้นมา เธอนึกว่านี่เป็นอาการหลอนไปเองในฝัน แต่เพียงไม่นานบนแขนก็เกิดความเจ็บแผ่ต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้งนึง ความรู้สึกพวกนั้นมันสมจริงเกินไป ตกใจจนเธอเบิกตากว้างออกมาทันที
ทันใดนั้นเองก็เห็นหลินจื้อยังไม่ทันได้เก็บเข็มฉีดยากลับไป เห็นยาที่เหลืออยู่ที่ปลายเข็มนั้น ชางหลิงขืนร่างขึ้นมานั่งทันที มองหลินจื้อกับโหมวยู่ไปด้วยความตื่นตกใจ ร่างกายสั่นออกมาอย่างเสียไม่ได้
“พวกคุณทำอะไรกัน?”
เห็นชัดเจนแล้วว่าตัวเองถูกดึงแขนเสื้อลงมากับร่องรอยจากเข็มฉีดยาที่หลงเหลือเอาไว้แล้ว ชางหลิงก็ซึ่งไร้ความรู้สึกใดๆ บริเวณท้องแผ่ความเจ็บที่รุนแรงออกมา สีหน้าเธอซีดเผือดออกมาทันที อ้าปากสั่นๆออกมาแต่กลับไม่อาจส่งเสียงใดๆออกไปได้เลย
โหมวยู่และหลินจื้อต่างพากันตกใจกับปฏิกิริยาของเธอ โหมวยู่ยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณอยากจะเข้าไปกอดเธอ ชางหลิงกลัวจนหดตัวถอยไปข้างหลัง ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในการแผดเสียงตะโกนออกไปคำนึง “ออกไป!”
โหมวยู่ถูกการตอบสนองของชางหลิงทำเอาเจ็บไปอย่างจัง มือทั้งสองข้างหยุดอยู่กลางอากาศไปอย่างทำอะไรไม่ถูก พูดไม่ออกอยู่นาน
หลินจื้อเห็นสถานการณ์ที่มันชักจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ทำใจกล้าอธิบายออกไป
“คุณชางครับ คุณใจเย็นๆหน่อย เมื่อกี้นี้ยาที่ผมฉีดให้คุณเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารกน้อย ไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณนะครับ”
ไม่ว่าหลินจื้อจะอธิบายออกไปยังไง ชางหลิงก็ยังคงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ เธอคิดเสมอว่าเด็กคนนี้ใกล้จะเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“คุณพูดไร้สาระอะไรกัน ฉันไม่เชื่อคุณ โหมวยู่จะมาหวังดีเสียขนาดที่จะหาหมอมาช่วยฉันดูแลการตั้งครรภ์ได้ยังไงกัน เขาแทบอยากจะให้เด็กคนนี้แท้งไปเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ”
เดิมทีชางหลิงก็ไม่เชื่อผู้ชายทั้งสองคนตรงหน้าอยู่แล้ว แต่เสียงที่ฟังดูอบอุ่นของหลินจื้อ ปลอบประโลมหัวใจที่ตื่นตระหนกดวงนั้นของเธอได้ผล เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกว่าท้องของเธอเหมือนกับว่าจะไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว สภาพร่างกายของเธอเองก็ฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้ว
“เชิญพวกคุณช่วยออกไปด้วย!”
ผู้ชายทั้งสองคนนี้น่ากลัวเกินไป นึกไม่ถึงว่าจะถือโอกาสตอนที่เธอหลับมาแอบฉีดยามั่วๆแบบนี้ให้เธอ ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ที่เดียวกันกับพวกเขาเลยสักวินาทีเดียว
หลินจื้อมองโหมวยู่ไปอย่างทำอะไรไม่ถูก หลังจากที่ได้รับการบ่งบอกมาของเขาแล้วก็ได้ถอยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
แต่โหมวยู่กลับยังคงนั่งอยู่บนโซฟาดังเดิม ไม่ได้มีความคิดที่จะลุกขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 312 กลิ่นที่คุ้นเคย
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง