บทที่ 32 ผมมารับคุณกลับบ้าน
ชางหลิงตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นท้องฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว เธอยืดตัวบิดขี้เกียจ พลันลืมตาขึ้น และมองเพดานในห้องนอน
หืม? แล้วทำไมเธอถึงมานอนในห้องนอนได้ล่ะ? เมื่อคืนไม่ใช่ว่าอยู่ในห้องหนังสือเหรอ? หรือว่าตนเองเดินละเมอกลับห้องมาเหรอ?
เธอลงจากเตียง จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ ไปห้องหนังสือ พลันพบว่ากระดาษวาดรูปที่ตนเองโยนลงบนพื้นนั้นถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว เสื้อผ้าก็ถูกแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ ทั่วทั้งห้องถูกเก็บกวาดอย่างเรียบร้อย
จัดการได้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย
หลีซินมาที่นี่ด้วยเหรอ?
“พี่สะใภ้ใหญ่” พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ หลีซินยืนอยู่หน้าประตู และกำลังเคาะประตูอยู่
“วันนี้คุณมีแผนอะไรไหม?”
“โหมวยู่ล่ะ?” ชางหลิงพยายามลูบเส้นผมที่กำลังยุ่งเหยิงอยู่
หลีซินลังเลอยู่ชั่วครู่ สีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อย
ชางหลิงรู้สึกว่าท่าทีของเขาผิดปกติไป พลันชี้ไปที่เขา “พูดออกมา!”
“วันนี้เป็นวันเกิดของนายท่านบ้านตระกูลโม่…” หลีซินพูดเสียงอ่อย
นายท่านบ้านตระกูลโม่….ชางหลิงกำลังครุ่นคิดอยู่
“คือคนที่เป็นพ่อของคุณโม่โม่คนนั้นใช่ไหม”
หลีซินพยักหน้าให้
ไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจของชางหลิงรู้สึกผิดหวังทันที คุณโม่โม่ ว่าที่เจ้าสาวของโหมวยู่ นายท่านใหญ่โม่ท่านนั้น ก็คือว่าที่พ่อตาของเขา…
“พี่สะใภ้ใหญ่ คืออย่างนี้ทางตระกูลโม่ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นของเซิ่งซื่อ ทั้งสองตระกูลถือว่าต่างร่วมมือทำธุรกิจร่วมกัน การที่พี่ใหญ่ไปอวยพรก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ คุณอย่าคิดมากเลย” หลีซินรีบอธิบายยกใหญ่
ชางหลิงหลุบตาต่ำ ตระกูลโม่เป็นตระกูลที่ฐานะสูงส่งในเมืองหนาน ทั้งสองตระกูลต่างมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ส่วนคุณโม่โม่คนนั้น ทั้งสวยสง่าและใจกว้าง ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายนอกหรือว่าเป็นชาติตระกูลก็ตาม ถือว่าเป็นคนที่เหมาะสมคู่ควรกับโหมวยู่เป็นอย่างมาก…
…
“ไม่เป็นไร” ชางหลิงได้แต่ยิ้มให้ “ฉันไม่ได้สนใจจนเก็บมาคิดหรอก”
คำพูดประโยคนี้ ไม่ได้แค่พูดไปเพื่อบอกให้หลีซินฟัง แต่เป็นการบอกกับตนเองด้วย
เธอจะไปใส่ใจจนเก็บมาคิดได้ยังไง เพราะว่าเธอกับโหมวยู่ก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ นี่ เขามีว่าที่ภรรยาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนเธอก็เหมือนเป็นอุบัติเหตุในชีวิตโหมวยู่ก็เท่านั้นเอง
เธอก้าวเท้าเดินออกไป โทรศัพท์ของหลีซินดังขึ้นมาในเวลานั้นพอดิบพอดี
เขารับโทรศัพท์ หลังจากที่ได้ยินเสียงปลายสายนั้นแล้ว หัวคิดได้แต่ย่นเข้าหากันแน่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติทันที พลันมองไปทางชางหลิง
“พี่สะใภ้ … หยูเฉิน อยู่ชั้นล่าง”
ฝีเท้าของชางหลิงหยุดทันที
บริเวณหน้าประตูคลับเฮาส์ ฝากระโปรงหน้าด้านหน้ารถเฟอร์รารี่คันหนึ่งมีแต่ดอกกุหลาบสีแดงสดใส่ไว้เต็ม หยูเฉินแต่งตัวด้วยชุดสูทที่แต่งตัวเนี้ยบอย่างมีชีวิตชีวา ในมือหอบช่อดอกกุหลาบ พร้อมทั้งมุ่งหน้าเดินมาทางห้องโถง
ชางหลิงเดินออกมาจากด้านในหยูเฉินตาเป็นประกายกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และกำลังจะเดินตรงมาทางเธอ แต่หลังจากที่เห็นด้านหลังของเธอนั้นมีหลีซิน นัยน์ตากลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หลิงหลิง” หยูเฉิน ยิ้มด้วยความจริงใจ
ชางหลิงหรี่ตาลง เพราะไม่รู้ว่าหยูเฉินกำลังจะมีลูกเล่นอะไรอีก
“คุณมาที่นี่ทำไม?” สีหน้าของชางหลิงไร้ซึ่งความรู้สึก
หยูเฉินกวาดตามองหลีซินอยู่แวบหนึ่ง พลันเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ชางหลิงก้าวหนึ่ง “ผมมารับคุณกลับบ้าน”
“กลับบ้าน?” ชางหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันมีบ้านที่ไหนกัน?”
“หลิงหลิง” หยูเฉินพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้ตนเองนั้นสงบนิ่งลง “เรือนหอของเราไม่ใช่บ้านเหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่แม่ของคุณทิ้งไว้ให้คุณเลยนะ ต่างก็ตกแต่งตามที่คุณชอบทุกอย่าง นั่นคือบ้านของเรา”
“นั่นมันเป็นบ้านของคุณกับชางฉิง” ชางหลิงเงยหน้าขึ้น และมองไปทางอื่น “พ่อของฉัน ก็ได้ยกตรงนั้นให้เป็นสินสอดให้กับชางฉิง คุณก็ควรที่จะไปรับชางฉิงไม่ใช่ฉัน”
“ถ้าเป็นเพราะว่าชางฉิง คุณวางใจได้เลย เราได้คุยกันแล้ว ต่อไปเธอจะไม่เข้ามายุ่งกับเราอีกแล้ว” หยูเฉินแทบรอไม่ได้ที่จะบอกกับข่าวดีให้เธอฟัง
รอยยิ้มของชางหลิงมีแต่ความเยาะเย้ยออกมา “คุยตกลงกันได้แล้ว? งานแต่งงานใหญ่โตของพวกคุณสองคนมันง่ายดายเหมือนละครเพียงนี้เลย บอกว่าไม่แต่งก็คือไม่แต่งเหรอ? ทำไม เธอมีแฟนใหม่ ดังนั้น คุณก็เลยอยากจะมารื้อความสัมพันธ์เก่ากับฉันงั้นสิ?”
“หลิงหลิง…” หยูเฉินทำท่าจะเข้าไปดึงมือชางหลิงเอาไว้ แต่ว่าเธอเงื้อมือขึ้น จากนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“หยูเฉิน ฉันคิดว่าฉันได้พูดคุยกับคุณชัดเจนดีแล้ว เรื่องระหว่างเราสองคนไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนก่อนได้อีก คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาลงแรงต่อไปอีกเลย”
นัยน์ตาของหยูเฉินปกคลุมไปด้วยความคลุมเครือ เขาชี้ไปที่หลีซิน “เพราะว่าเขาหรือเปล่า? เพราะว่าต้องการแก้แค้นผม คุณเลยมาอยู่กับผู้ชายคนนี้?”
หลีซินรู้สึกว่าตนเองเหมือนโดนถูกใส่ร้ายจริงๆ ก็แค่เสนอหน้าบ่อยเกินไปนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมทุกคนต้องคิดว่าเขากับพี่สะใภ้เป็นอะไรกันด้วย? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าพี่ใหญ่รู้เข้า ชีวิตอันต่ำต้อยของเขาก็มิอาจรักษาไว้ได้
“มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอ?” ชางหลิงไม่ได้อธิบายกลับ “ฉันกับคุณก็ไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ฉันอยากจะไปอยู่กับใครก็ไปอยู่กับใครได้ทั้งนั้นแหละ คุณเข้ามายุ่งได้ด้วยเหรอไง?”
“ดังนั้นคุณก็ยอมรับใช่ไหม?” หยูเฉินไม่กล้าจะเชื่อ “ความรู้สึกของเรา 5 ปี คุณพูดว่าไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการแล้วใช่ไหม?”
ชางหลิงรู้สึกว่ามันตลกขบขันจริงๆ “คุณคิดให้ดีๆ สิ คนที่ไม่ต้องการกับความรู้สึกนี้คือคุณก่อน คนที่หักหลังก่อนก็คือคุณ! ตอนที่คุณโดนชางฉิงเล่นด้วยจนถึงขั้นมาพูดว่าฉันน่าขยะแขยง แล้วทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกของเราสองคนมาตั้ง 5 ปีกัน?”
“ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่แล้วว่าตอนนั้นผมก็แค่พูดไปด้วยความโกรธเท่านั้นเอง” หยูเฉินไม่สบายใจ เขายกมือขึ้นเพื่อจะพาตัวของชางหลิงไป “คุณกลับกับผม! เรากลับไปคุยกัน”
“คุณชายหยู” หลีซินขยับขึ้นด้านหน้า เพื่อขวางมือของหยูเฉินเอาไว้ “คุณก็ได้ยินแล้วคุณหนูชางได้พูดแล้ว เธอไม่มีความสัมพันธ์ใดกับคุณอีก”
ชายสองคนกำลังจ้องตากัน หยูเฉินหมดความอดทนพลันสะบัดชายแขนเสื้อออกทันที “นี่มันเป็นเรื่องของเราสองคน คุณเข้ามาแส่ทำไม?”
หลีซินก้าวเท้าไปยังด้านหน้าหนึ่งก้าว พลันยืดตัวตรง และจัดการเสื้อผ้าที่อยู่บนตัว “ฉันไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเข้าไปยุ่งกับเธอมันไม่ได้!”
ถ้าวันนี้หยูเฉินสามารถพาตัวชางหลิงไปจากภายใต้การดูแลของเขาได้ รอจนเวลาที่โหมวยู่กลับมาแล้ว เขาก็คงจะโดนเตะลงมาจากบนดาดฟ้าแน่ๆ
“แก…”
หลีซินรูปร่างสูงมาก เมื่อยืดลำตัวขึ้นแล้วยิ่งทำให้เห็นว่าสูงมาก ชางหลิงเห็นถึงรัศมีท่าทางความเป็นทหารที่แสดงออกมาให้เห็นจากตัวเขาอยู่เล็กน้อย
“ชางหลิง คุณยังยืนกรานไม่กลับกับผมใช่ไหม?” หยูเฉินถามเธออีกครั้ง “คุณคิดดีแล้ว ว่าคุณปฏิเสธผมก็เพราะว่าผู้ชายคนนี้?”
“ที่ฉันปฏิเสธคุณ ไม่ใช่เพราะว่าใคร ก็เพื่อตัวฉันเองทั้งนั้น” ชางหลิงตอบเขาตามความเป็นจริง “หยูเฉิน ฉันคิดว่า พวกเราคบหากันตั้งนานขนาดนี้แล้ว คุณเข้าใจฉันดี แต่ดูตอนนี้แล้ว ความจริงแล้วก็ผ่านมันไปไม่ได้เท่านั้นเอง”
เมื่อเธอพูดจบ พลันหันหลังกลับและเดินเข้าไปด้านใน
“ชางหลิง!” หยูเฉินอยากเดินตามไป แต่ว่าหลีซินพลันยื่นมือออกมาแทน เพื่อขวางทางที่เขาจะเดินไป
“คุณชายหยู กรุณากลับไปเถอะ” หลีซินแทบไม่มองเขาเต็มตาด้วยซ้ำ
หยูเฉินใช้สายตาจ้องมองหลีซินอย่างกินเลือดกินเนื้อ ช่อกุหลาบที่อยู่ในมือก็หล่นลงบนพื้น จนดอกไม้สีสดกระจายไปทั่วพื้น
“ฝากไว้ก่อน” หยูเฉินกดเสียงต่ำ
เธอมักจะอยู่คนเดียว เขาจะไม่เชื่อว่า ชางหลิงจะใจแข็งได้ขนาดนี้จริงๆ
ชางหลิงเดินเข้าไปในลิฟต์ ไม่รอให้หลีซินเข้ามาก็กดเลื่อนลิฟต์ไปแล้ว
รักกันมา 5 ปี เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของเธอกับหยูเฉินจะมีจุดจบแบบนี้
ในความทรงจำของเธอ หยูเฉินเป็นคุณชายที่นอบน้อมถ่อมตนมาโดยตลอดมีรอยยิ้มอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งเป็นคนเอาอกเอาใจ เขายังเคยไปตามหาผ้าตั้งหลายเมืองมาให้ตามที่เธอต้องการ แถมยังอดตาหลับขับตานอนทั้งคืนเพื่อจะออกแบบโครงร่างของรูปภาพไปพร้อมกับเธอ
เขาเคยพูดกับเธอแล้ว มันต้องมีสักวัน ที่พวกเขาจะเป็นนักออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน โดยการใช้ความรักของพวกเรา ที่สามารถวาดภาพอนาคตให้กับคู่รักตั้งมากมาย
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมาถึงวันนี้แล้ว มันก็แค่เรื่องตลกทั้งเพ
ความอะไร อนาคตที่ไหนกัน มันก็แค่ความเลอะเทอะที่อยู่ตรงหน้าทั้งสิ้น
ชางหลิงโมโหกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังห้องหนังสือ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั้น ก็เห็นว่าตอนช่วงดึกนั้นหยูเฉินโทรศัพท์เข้ามาหาแต่ไม่ได้รับสายมานับครั้งไม่ถ้วน
เธอกดเข้าไป พร้อมทั้งจ้องมองชื่อของหยูเฉินที่อยู่ด้านบนเป็นเวลานาน สุดท้าย นิ้วมือที่สั่นระริก ก็เอาเบอร์นั้นลาไปขึ้นบัญชีดำ
ชางหลิงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น เพื่อที่จะทำงานที่เมื่อคืนยังทำไม่เสร็จ ทว่าก็ถูกข้อความข่าวในโทรศัพท์ส่งมาตัดบท เธอหันไปเหล่ตามองอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นข้อความด้านบนเขียนเป็นชื่อของโหมวยู่
–โหมวยู่ประธานบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปถ่ายรูปคู่กับว่าที่ภรรยา งานแต่งงานจะจัดขึ้นเป็นไปตามเวลาที่กำหนด
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 32 ผมมารับคุณกลับบ้าน
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง