ชางหลิงพุ่งเข้าไปในห้องของป๋ายจื๋ออย่างร้อนรน พร้อมทั้งควานหาจุดสีเขียวเล็กๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็หาไม่เจอ จุดสีเขียวเล็กๆ นั่นไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลย
“หายไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?” สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนักพร้อมทั้งถามป๋ายจื๋อที่คอยเฝ้ามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา
“ตอนที่ออดประตูดัง รถของเขาก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว”
ร่างกายของโหมวยู่น่าจะเกิดอาการอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ชางหลิงกอดคอยความหวังอย่างคนโง่ ป๋ายจื๋อจึงตัดขาดความหวังสุดท้ายของเธอออกไปโดยสิ้นเชิง
“ไปแล้ว”
ชางหลิงกำหมัดแน่น โมโหจนเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา นี่โหมวยู่เขาต้องการสื่อความหมายว่าอะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่อยู่ใต้ตึกแล้ว แต่ไม่ยอมเสนอหน้าให้เห็นแต่ไปดื้อๆ แบบนี้เลย
มาถึงขั้นโหมวยู่ไม่ยินยอมจะเจอหน้าเธอ งั้นเธอก็ไปหาเขาสิ “เราไปหาเขากัน”
ชางหลิงหยิบเสื้อกันลมตัวยาวออกมาคลุมตัว จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นส้นเตี้ยและพาป๋ายจื๋อออกจากบ้านไป
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถแล้ว ชางหลิงก็พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไปเป่ยเม้าโก๋จี้”
ป๋ายจื๋อหันกลับมาชำเลืองมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก พลางขับรถออกอย่างเงียบงัน ฝีมือในการขับรถของป๋ายจื๋อนั้นดีมาก ขับรถเร็วแต่ก็นิ่งมากเช่นเดียวกัน ตอนที่รถยนต์ของพวกเขามาถึงประตูด้านนอกเป่ยเม้าโก๋จี้ ก็เห็นรถยนต์ของโหมวยู่ขับมาอยู่ไกลๆ
หลินจื้อเห็นชางหลิงกับป๋ายจื๋อยืนอยู่ตรงประตูของเป่ยเม้าโก๋จี้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาไม่คิดเลยว่าชางหลิงจะไล่ตามมาถึงที่นี่
ด้านข้างหลินจื้อในเวลานี้ โหมวยู่เอนศีรษะพิงกับรถยนต์อย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลแตกพลั่กท่วมศีรษะ ริมฝีปากซีดเผือดไม่มีสีเลือดสักนิด ทุกครั้งที่หายใจเข้าก็ยากลำบากเหลือเกิน
“คุณชายรองโหมว คุณหนูชางมาแล้ว”
เมื่อมองสภาพร่างกายอันย่ำแย่ที่สุดของโหมวยู่ที่อยู่ด้านข้างแล้ว หลินจื้อหน้าถอดสีทันที
เขาก็แค่คิดอยากแอบทำเรื่องที่ควรจะทำ ทว่าสภาพในเวลานี้อยู่เหนือการควบคุมไปเรื่อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายท่านโหมวเอย ชางหลิงเอย คนเหล่านี้ต่างวิ่งเข้าหาคนแล้วคนเล่า ช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง
“เอายามาให้ฉัน”
อารมณ์ของหลิงชางเขาเข้าใจที่สุด วันนี้ไม่เจอเขาเรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่ๆ
ชางหลิงพุ่งเข้าไปในห้องของป๋ายจื๋ออย่างร้อนรน พร้อมทั้งควานหาจุดสีเขียวเล็กๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็หาไม่เจอ จุดสีเขียวเล็กๆ นั่นไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลย
“หายไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?” สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนักพร้อมทั้งถามป๋ายจื๋อที่คอยเฝ้ามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา
“ตอนที่ออดประตูดัง รถของเขาก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว”
ร่างกายของโหมวยู่น่าจะเกิดอาการอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ชางหลิงกอดคอยความหวังอย่างคนโง่ ป๋ายจื๋อจึงตัดขาดความหวังสุดท้ายของเธอออกไปโดยสิ้นเชิง
“ไปแล้ว”
ชางหลิงกำหมัดแน่น โมโหจนเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา นี่โหมวยู่เขาต้องการสื่อความหมายว่าอะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่อยู่ใต้ตึกแล้ว แต่ไม่ยอมเสนอหน้าให้เห็นแต่ไปดื้อๆ แบบนี้เลย
มาถึงขั้นโหมวยู่ไม่ยินยอมจะเจอหน้าเธอ งั้นเธอก็ไปหาเขาสิ “เราไปหาเขากัน”
ชางหลิงหยิบเสื้อกันลมตัวยาวออกมาคลุมตัว จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นส้นเตี้ยและพาป๋ายจื๋อออกจากบ้านไป
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถแล้ว ชางหลิงก็พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไปเป่ยเม้าโก๋จี้”
ป๋ายจื๋อหันกลับมาชำเลืองมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก พลางขับรถออกอย่างเงียบงัน ฝีมือในการขับรถของป๋ายจื๋อนั้นดีมาก ขับรถเร็วแต่ก็นิ่งมากเช่นเดียวกัน ตอนที่รถยนต์ของพวกเขามาถึงประตูด้านนอกเป่ยเม้าโก๋จี้ ก็เห็นรถยนต์ของโหมวยู่ขับมาอยู่ไกลๆ
หลินจื้อเห็นชางหลิงกับป๋ายจื๋อยืนอยู่ตรงประตูของเป่ยเม้าโก๋จี้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาไม่คิดเลยว่าชางหลิงจะไล่ตามมาถึงที่นี่
ด้านข้างหลินจื้อในเวลานี้ โหมวยู่เอนศีรษะพิงกับรถยนต์อย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลแตกพลั่กท่วมศีรษะ ริมฝีปากซีดเผือดไม่มีสีเลือดสักนิด ทุกครั้งที่หายใจเข้าก็ยากลำบากเหลือเกิน
“คุณชายรองโหมว คุณหนูชางมาแล้ว”
เมื่อมองสภาพร่างกายอันย่ำแย่ที่สุดของโหมวยู่ที่อยู่ด้านข้างแล้ว หลินจื้อหน้าถอดสีทันที
เขาก็แค่คิดอยากแอบทำเรื่องที่ควรจะทำ ทว่าสภาพในเวลานี้อยู่เหนือการควบคุมไปเรื่อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายท่านโหมวเอย ชางหลิงเอย คนเหล่านี้ต่างวิ่งเข้าหาคนแล้วคนเล่า ช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง
“เอายามาให้ฉัน”
อารมณ์ของหลิงชางเขาเข้าใจที่สุด วันนี้ไม่เจอเขาเรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่ๆ
โหมวยู่หันชำเลืองมองชางหลิงแวบเดียว จากนั้นก็เบนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว เพราะเขากลัวว่าหากตนเองยังมองต่อไปต้องกลับไปกับเธอโดยไม่คำนึงหรือสนใจสิ่งใดแน่
“ออกรถ” อาศัยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่คงเหลืออยู่ โหมวยู่พูดออกมาสองคำอย่างเย็นยะเยือก
เหมือนว่าวินาทีที่โหมวยู่สั่งให้ออกรถจนเลยขอบเขตการมองเห็นของชางหลิงไปแล้ว โหมวยู่ก็กระอัก จนเลือดสดๆ ไหลออกจากปากจากนั้นก็เป็นลมนอนกองอยู่บนเบาะหลัง
หลินจื้อประคองตัวโหมวยู่เอาไว้จนตัวสั่น เขารู้ว่าใช้ยาชนิดนี้แล้วจะทำให้ร่างกายของโหมวยู่เข้าขั้นส่อไปในทางร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทว่าขั้นตอนการเปลี่ยนไปในทางร้ายมันเร็วมากเหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก พลันนึกถึงแววตาอันเฉียบแหลมของนายท่านโหมวแล้ว จู่ๆ เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที
ร่างกายของโหมวยู่ถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่ต้องลงมือหรอก รักษาอาการของเขาให้ดีๆ เพราะถึงอย่างไรเขาก็อดทนได้ไม่นานเท่าไหร่แล้ว ถึงเวลานั้นโหมวยู่ตายไป นายท่านโหมวมาตามตรวจสอบเขาก็ไม่ต้องคอยหวาดหวั่นพรั่นพรึงตามหลัง
พลางใช้ความรวดเร็วในการประคองโหมวยู่ให้เข้าไปในศูนย์การรักษาทางการแพทย์ของตนเองแล้ว หลังจากวุ่นวายอยู่สักพักแล้ว ในที่สุดอาการของโหมวยู่ก็สามารถทรงตัวลงได้ หลินจื้อนั่งอยู่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ พร้อมทั้งถอนหายใจโล่งอกยาวๆ ออกมา
หลังจากพักอยู่หลายนาทีแล้ว เขาก็รีบจัดการเรื่องที่ลงมือทำก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นลบจนหมดเกลี้ยง และนำสิ่งของที่ไม่ควรจะเก็บไว้ทำความสะอาดจนเกลี้ยงเกลา ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกสักที
ชางหลิงลืมเรื่องเมื่อวานนี้ไปแล้วว่าตนเองกลับมาที่คอนโดได้อย่างไร ที่จ้องมองท้ายรถของโหมวยู่ออกตัวฝุ่นไม่ทิ้งท้ายไว้เลย ความเจ็บปวดที่อยู่ในหัวใจของเธอยิ่งเพิ่มมากขึ้น ร่างกายสั่นเท่า เหมือนว่าป๋ายจื๋อเป็นคนประคองเธอตลอดการเดินทางกลับมา
รอจนถึงเวลาที่ชางหลิงตื่นแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาเพลของวันถัดไปแล้ว ความหิวตามเวลาของเธอจนทำให้ท้องร้องจ๊อกๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากทั้งนั้นแหละ พร้อมทั้งจัดการกินอาหารหลากอย่างอันเลิศรสที่วางเพียบพร้อมอยู่บนโต๊ะอย่างตะกละตะกลาม
เมื่ออิ่มท้องแล้ว ร่างกายก็กลับมาดีขึ้น ชางหลิงถึงได้รู้ตัวว่าตนเองกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแล้ว
“ป๋ายจื๋อ นายว่าอีผู้ชายสันดานหมาคนนั้นทำไมจิตใจถึงได้ร้ายกาจแบบนี้นะ”
ชางหลิงโมโหโหมวยู่ พลันพลั้งปากสบถด่าหยาบคายออกมาต่อหน้าป๋ายจื๋อ
ชางหลิงพุ่งเข้าไปในห้องของป๋ายจื๋ออย่างร้อนรน พร้อมทั้งควานหาจุดสีเขียวเล็กๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็หาไม่เจอ จุดสีเขียวเล็กๆ นั่นไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลย
“หายไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?” สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนักพร้อมทั้งถามป๋ายจื๋อที่คอยเฝ้ามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา
“ตอนที่ออดประตูดัง รถของเขาก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว”
ร่างกายของโหมวยู่น่าจะเกิดอาการอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ชางหลิงกอดคอยความหวังอย่างคนโง่ ป๋ายจื๋อจึงตัดขาดความหวังสุดท้ายของเธอออกไปโดยสิ้นเชิง
“ไปแล้ว”
ชางหลิงกำหมัดแน่น โมโหจนเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา นี่โหมวยู่เขาต้องการสื่อความหมายว่าอะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่อยู่ใต้ตึกแล้ว แต่ไม่ยอมเสนอหน้าให้เห็นแต่ไปดื้อๆ แบบนี้เลย
มาถึงขั้นโหมวยู่ไม่ยินยอมจะเจอหน้าเธอ งั้นเธอก็ไปหาเขาสิ “เราไปหาเขากัน”
ชางหลิงหยิบเสื้อกันลมตัวยาวออกมาคลุมตัว จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นส้นเตี้ยและพาป๋ายจื๋อออกจากบ้านไป
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถแล้ว ชางหลิงก็พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไปเป่ยเม้าโก๋จี้”
ป๋ายจื๋อหันกลับมาชำเลืองมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก พลางขับรถออกอย่างเงียบงัน ฝีมือในการขับรถของป๋ายจื๋อนั้นดีมาก ขับรถเร็วแต่ก็นิ่งมากเช่นเดียวกัน ตอนที่รถยนต์ของพวกเขามาถึงประตูด้านนอกเป่ยเม้าโก๋จี้ ก็เห็นรถยนต์ของโหมวยู่ขับมาอยู่ไกลๆ
หลินจื้อเห็นชางหลิงกับป๋ายจื๋อยืนอยู่ตรงประตูของเป่ยเม้าโก๋จี้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาไม่คิดเลยว่าชางหลิงจะไล่ตามมาถึงที่นี่
ด้านข้างหลินจื้อในเวลานี้ โหมวยู่เอนศีรษะพิงกับรถยนต์อย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลแตกพลั่กท่วมศีรษะ ริมฝีปากซีดเผือดไม่มีสีเลือดสักนิด ทุกครั้งที่หายใจเข้าก็ยากลำบากเหลือเกิน
“คุณชายรองโหมว คุณหนูชางมาแล้ว”
เมื่อมองสภาพร่างกายอันย่ำแย่ที่สุดของโหมวยู่ที่อยู่ด้านข้างแล้ว หลินจื้อหน้าถอดสีทันที
เขาก็แค่คิดอยากแอบทำเรื่องที่ควรจะทำ ทว่าสภาพในเวลานี้อยู่เหนือการควบคุมไปเรื่อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายท่านโหมวเอย ชางหลิงเอย คนเหล่านี้ต่างวิ่งเข้าหาคนแล้วคนเล่า ช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง
“เอายามาให้ฉัน”
อารมณ์ของหลิงชางเขาเข้าใจที่สุด วันนี้ไม่เจอเขาเรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่ๆ
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 326 มาขอบคุณ คุณนี่แหละ
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
Status: Ongoing
เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง