ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 33 ต้องสืบทอดตำแหน่งท่านประธาน

บทที่ 33 ต้องสืบทอดตำแหน่งท่านประธาน
ใจของชางหลิงเต้นโครมคราม เธอกดเข้าไปอ่าน บนรูปนั้น เป็นรูปที่โหมวยู่กำลังนั่งร่วมโต๊ะอาหารเดียวกับคุณโม่โม่ เขายังแสดงท่าทียิ้มหน้าตายแบบนั้น แต่ว่าคุณโม่โม่ยิ้มแย้มหน้าบานให้กับกล้อง แม้ว่าคนสองคนไม่ได้นั่งใกล้กันก็ตาม แต่ว่าเมื่อดูแล้วก็ช่างเหมาะสมกันมากขนาดนั้น
เธออ่านข่าวด้านล่างคร่าวๆ พลันเห็นข่าวที่เขียนไว้บนนั้น ว่าทางตระกูลโหมวได้ประกาศจะจัดงานแต่งงานให้พวกเขาหลังปีใหม่
หลังปีใหม่ ก็หมายความว่า มีเวลาแค่ครึ่งปี… ชางหลิงกดปิดโทรศัพท์ มิน่าล่ะโหมวยู่ถึงได้พูดว่า มีแค่เขาเท่านั้นที่จะเอ่ยปากขอหย่าได้เพียงคนเดียว คงเตรียมการต้องหย่าร้างกันก่อนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าก่อนที่จะไปขอคุณโม่โม่แต่งงานแหละ
ชางหลิงกอดเข่าทั้งสองข้าง พร้อมทั้งเอาศีรษะมุดอยู่ตรงหัวเข่าทั้งสองข้าง คนทั้งคนราวกับอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง
เธอไม่เข้าใจความผิดหวังของตนเองมันเป็นเพราะว่าอะไรหยูเฉินเหรอ? หรือว่าโหมวยู่?
แต่ว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ เพราะว่าเธอกับโหมวยู่เพิ่งรู้จักกันมาไม่นาน แล้วทำไมจะมีความรู้สึกกับเขาไปได้ล่ะ?
ชางหลิงไม่ยอมออกจากห้องทั้งวันทั้งคืน วันทั้งวันรู้สึกว่าไม่หิว มัวแต่หมกมุ่นอยู่ในห้องหนังสือกับการสรุปการวาดภาพ ผ่านไปสักครู่ก็มองทางประตูเพื่อมองสักแวบหนึ่ง แต่ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของโหมวยู่
ชางหลิงรู้สึกว่าตนเองช่างใสซื่อเสียจริง วันนี้คนเขามีคุณโม่โม่อยู่ในอ้อมกอด เป็นช่วงเวลาเจอหน้าเจอตากับคนในครอบครัวอย่างพร้อมเพรียงหน้า แล้วจะกลับมาได้อย่างไรล่ะ
วันจันทร์อันสงบเงียบก็มาถึง
ชางหลิงเปลี่ยนใส่ชุดทำงานที่แสนจะเรียบง่ายและสะดวกสบาย เสื้อเชิ้ตสีขาวใส่คู่กับกางเกงขายาวทรงหลวม มัดผมทรงหางม้า พร้อมทั้งแต่งหน้าบางๆ ที่ไม่ดูสะดุดตามาก จนทำให้เป็นลุคที่ดูดีขึ้นอยู่ไม่น้อย
หลีซินขับรถมาส่งเธอที่ใต้ตึกของตึกเซิ่งซื่อ หลังจากที่เธอลงจากรถแล้ว พลางเงยหน้าขึ้นไปมองตึกสูงเสียดฟ้าที่ตระหง่านอยู่ท่ามกลางเมฆ ความรู้สึกตื่นเต้นพลันปรากฏขึ้นมาทันที
บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป เป็นสถานที่ที่คนจำนวนไม่น้อยที่ฉุดกระชากลากถูกันฝุ่นตลบที่จะเข้ามาทำงาน ไม่เพียงแต่เป็นบริษัทการออกแบบเครื่องแต่งกายที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น นางแบบนายแบบและศิลปินที่อยู่ภายใต้สังกัดก็มีจำนวนมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว
ก่อนหน้านี้ชางหลิงไม่อยากคาดหวังสูงที่ตนเองจะกลายมาเป็นหนึ่งในพนักงานของที่นี่ แต่ว่าตอนนี้ เธอไม่เพียงแต่เข้ามาทำงานแล้ว อีกอย่างต้องสามารถสร้างชื่อให้โดดเด่นอยู่ที่นี่ได้อย่างแน่นอน
“พี่สะใภ้ใหญ่ สู้ๆ นะ” หลีซินพูดเอาใจช่วยเธอ
ชางหลิงพยักหน้าให้ พร้อมทั้งเดินเข้าไปด้านในตึกอย่างหนักแน่น ความสูงของส้นสูง10เซนติเมตรมันยิ่งทำให้เธอดูเหมือนสูง 2 เมตร 8เซนติเมตร เธอเดินเชิดหน้าหลังตรง เดินเข้าไปในสนามรบที่เป็นตัวของเธอเอง
“ทำอะไรอยู่เนี่ย ชักช้า อืดอาด ยืดยาดอยู่นั่นแหละ รอเธออยู่คนเดียวเนี่ยแหละ!”
เพิ่งจะเดินเข้ามา พลางก็ได้ยินเสียงแข็งตะคอกใส่จนทำให้ชางหลิงตกใจจนขาสะดุด เพราะในห้องโถงใหญ่มีคนเต็มจนเบียดเสียดกันเต็มไปหมด ประมาณหนึ่งร้อยคนเห็นจะได้
ส่วนคนหนึ่งร้อยกว่าคน พลันหันมามองทางเธอ จนทำให้ชางหลิงไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี
“ฉันเหรอ?” ชางหลิงชี้มาที่ตนเอง
“หล่อนชื่อชางหลิงใช่ไหมล่ะ?” คนที่พูดเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30ได้ น้ำเสียงห้วนๆ รูปร่างก็แข็งแกร่งมีกล้ามเป็นมัดๆ ดูแล้วก็เป็นคนทางเหนือ
ชางหลิงพยักหน้ารับ
“หยิบบัตรพนักงานของหล่อนเอาไว้ แล้วขึ้นไปที่ตำแหน่งของตนเอง ไม่รู้จักเวลาเลยสักนิด” หญิงสาวเอาบัตรพนักงานโยนใส่มือของเธอ ชางหลิงรับเอาไว้ทันที พลางเห็นซูเสี่ยวเฉิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มฝูงชนกวักมือมาทางเธอ
“ขอโทษค่ะ” ชางหลิงพูดขออภัยออกไป แล้วเดินไปยืนตำแหน่งข้างซูเสี่ยวเฉิง
“ทำไมแกเพิ่งจะมาล่ะ” ซูเสี่ยวเฉิงกระซิบถาม “พวกเราจะมาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แกนี่ดีนะ ทำงานอยู่ตำแหน่งอะไรที่นี่เหรอไง ถึงได้รู้ช่องทางก่อน”
ชางหลิงจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน ก็คิดว่าเหมือนกับพวกหนังซีรีส์พวกนั้นซะอีก ที่จะมีพวกพี่สาวที่ทั้งสวยทั้งอ่อนโยนมาคอยเป็นพี่เลี้ยงแนะนำให้
“นั่นเป็นหัวหน้าของฝ่ายบุคคลที่ดูแลรับผิดชอบพนักงานที่มาใหม่กลุ่มเรานี่ ชื่อว่าหวางเหม่ยลี่ ทั้งหมดนี่เป็นเด็กที่เพิ่งจบใหม่ที่เข้ามาทำงานในปีนี้ มีทั้งหมด 120 คน” ซูเสี่ยวเฉิงรู้ข่าวคราวพวกนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ส่วนชางหลิงนั้นสมองเบลอ
ชื่อว่าหวางเหม่ยลี่จริงๆ เหรอเนี่ย แต่ว่าความสวยที่ว่า มันยังห่างไกลกับจินตนาการของเธอมากแหละ
“ฉันรู้ว่า ทุกคนต่างเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ ในนั้นก็มีคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเศรษฐีอยู่ด้วย แต่ว่า ที่นี่คือเซิ่งซื่อ ที่เซิ่งซื่อนั้น คะแนนและฐานะทางบ้านของพวกคุณก่อนหน้านี้ก็คือศูนย์ทั้งหมด สนามนั้นมันช่างโหดร้าย การทดลองงาน 3 เดือน ก็เหมือนเป็นการทดสอบสำหรับทุกคน วันนี้พวกคุณมีนักศึกษาฝึกงานทั้งหมดของรุ่น 120 คน ถึงตอนสุดท้ายนั้น จะมี 10 คนที่สามารถเข้ามาทำงานในแผนกออกแบบของพวกเราได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนอาศัยความสามารถของตนเอง พร้อมทั้งใช้สามารถของตนเองอย่างสูงสุด” คำพูดของผู้จัดการหวางพูดออกมาแล้ว ทุกคนต่างพูดกระซิบกระซาบกันขึ้นมา
“10 คนเหรอ!” ชางหลิงตกใจทันที “เอาคนไว้ไม่ถึงร้อยละ 10 ด้วยซ้ำ นี่มันช่างโหดเหลือเกินแล้วไหมเนี่ย”
ซูเสี่ยวเฉิงส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมทั้งถอนหายใจ “ฉะนั้นฉันว่าแกคิดสั้นไปหรือเปล่า อาศัยความสามารถของแกแล้ว ไปทำงานที่บริษัทอื่นๆ ที่มันเล็กหน่อยก็จะกลายเป็นกับสมบัติเลย แต่มาที่นี่ แค่รอบแรกยังทิ้งท้ายไว้ห่างเลย แถมยังจะลากฉันมาจมน้ำอีก”
“พูดมั่วแล้วแก” ชางหลิงใช้แรงตบก้นของเธอไปเล็กน้อย “ผู้หญิงอย่างฉันต้องสู้ถึงสนามสุดท้ายสิ จนได้ขึ้นไปนั่งครองบัลลังก์อย่างสง่างาม”
“ตอนนี้ จะมีหัวหน้ากลุ่ม พาพวกคุณไปดูทุกแผนกของบริษัท รบกวนทุกท่านต่างรักษากฎปฏิบัติตามคำสั่ง อย่าได้รบกวนรุ่นพี่ที่กำลังทำงานกันอยู่” ผู้จัดการหวางพูดเสร็จ ไม่นานนัก ก็มีหญิงสาววัยรุ่น 12 คนเดินเข้าแถวมาทางด้านหลัง
ท่าทางฝีเท้าการเดินเท้าอย่างเป็นระเบียบพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ยิ้มเหมือนโดนคัดลอกแล้ววางเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว จนทำให้ชางหลิงรู้สึกแปลกๆ นี่มันไม่ใช่บริษัท นี่มันเป็นฐานทัพทหารชัดๆ
ที่แท้ก็เป็นสไตล์ของโหมวยู่ มันช่างโรคจิตเกิน!
“เฮ้อ” ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงถูกแยกคนละกลุ่ม เธอสะกิดไหล่ของซูเสี่ยวเฉิง “อย่าได้ปล่อยผ่านทุกรายละเอียดไป อย่ามองว่าแค่พาพวกเราไปดูงาน อีกเดี๋ยวต้องให้พวกเราเขียนรายงานเสนอทางความคิดมาอย่างแน่นอน ประมาณว่าขนาดไซส์เสื้อผ้าของหัวหน้ากลุ่มต้องให้แกตอบออกมาแน่”
เธอพูดกระซิบข้างหูกับซูเสี่ยวเฉิง
“คงไม่ได้น่าหวาดกลัวขนาดนั้นมั้ง” ซูเสี่ยวเฉิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ชางหลิงถอนหายใจยาว เพราะว่าเธอเคยผ่านการทดสอบมาจากมือของโหมวยู่แล้วนะสิ แค่กลัวว่าความโหดร้ายทารุณมันจะอยู่ช่วงท้ายนะสิ
แถวทั้ง 12 แถวเริ่มออกตัวไม่เหมือนกัน ตึกเซิ่งซื่อเป็นตึกหลักขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมด 50 ชั้น ที่นี่โดยส่วนใหญ่แล้วแผนกฝ่ายหน้าเป็นคนรับผิดชอบ ทั้งแผนกจัดซื้อจัดจ้าง แผนกวิจัย แผนการเงิน ยังมีสำนักงานผู้จัดการทั่วไป แผนกขายและฝ่ายขาย พร้อมทั้งฝ่ายบุคคลและฝ่ายโลจิสติกส์
ส่วนอีกสิบกว่าอาคารที่อยู่ด้านหลังนั้นรูปทรงตัวอาคารมันช่างเตี้ยพิเศษอยู่เล็กน้อย นั่นเป็นแผนกออกแบบที่เป็นตึกใจกลางหลักของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป แผนกออกแบบแยกกลุ่มเป็นของตนเองออกเป็น 10 กว่ากลุ่ม ทุกกลุ่มต่างมีอาคารเป็นของตนเองทั้งสิ้น
ในอาคารมีห้องทำงานการออกแบบเป็นห้องชุด ทั้งห้องตัวอย่างผ้า ทั้งห้องตัดเย็บเสื้อผ้า
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอีกสองตึก อีกตึกคือเป็นตึกจัดแสดงอย่างมืออาชีพ ส่วนอีกตึกหนึ่งนั้นเอาไว้ให้นางแบบนายแบบและศิลปินไว้ใช้งาน
ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ที่กลุ่มของพวกเธอชางหลิงอยู่นั้น เป็นสำนักงานใหญ่ของเซิ่งซื่อ บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปทั้งบริษัทนั้นรวมถึงพนักงานที่กำลังทำงานในโรงงาน เอามานับรวมกันแล้วก็ 100,000คน
100,000คน! ชางหลิงฟังคำแนะนำของหัวหน้ากลุ่ม ตกใจจนต้องอ้าปากค้างทันที
เดิมทีเธอคิดว่าโหมวยู่เป็นท่านประธานของบริษัทก็nova ก็ร่ำรวยมหาศาลแล้ว แต่วันนี้เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว nova ก็เหมือนที่หลีซินพูดออกมาจากปากว่าโหมวยู่แค่ทำเล่นขำๆ เท่านั้นเอง บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปต่างหากที่เป็นธุรกิจหลักที่มีชื่อเสียงของพวกเขาของตระกูลโหมว
มิน่าล่ะปกติแล้วโหมวยู่ถึงมีท่าทางเก่งฉกาจจนทำให้คนตกใจ ที่แท้ เขาก็เป็นทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งบัลลังก์ต่อที่แท้จริง
หลังจากที่ดูงานคร่าวๆ เสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็กลับมาที่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง
ชางหลิงเสียใจมากที่ตนเองใส่รองเท้าส้นสูงปรี๊ดมา การเดินวนไปหนึ่งรอบ เท้าของเธอก็ปวดจนจะไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว
“เฮ้อ แกได้ยินไหม ว่าวันนี้คุณชายรองโหมวจะมาด้วยแหละ” เด็กสาวหลายคนที่อยู่ด้านหลังเธอเริ่มนินทากันขึ้นมาแล้ว
“จริงเหรอ? ไม่ใช่พูดว่าเขาไม่ค่อยมาที่บริษัทหรอกเหรอ? โชคดีจังเลย มาทำงานวันแรกก็ได้เห็นคุณชายรองโหมวที่เล่ากันต่อๆ มาแล้วเนี่ย?”
“อยากจะเห็นหน้าตัวเป็นๆ ของคุณชายรองโหมวจริงๆ เลย เขาต้องหล่อกว่าตอนอยู่ในโทรทัศน์แหละ ได้ข่าวว่าตอนนี้เขายังไม่ได้แต่งงานเลย…”
“แกอย่าคิดเลยเถิดไป เขามีว่าที่ภรรยาแล้ว ระดับคุณชายผู้สูงศักดิ์นั่น แกยังจะไปนึกถึงได้อีก”
……
ชางหลิงได้ยินสิ่งที่พวกเธอกำลังถกเถียงกันอยู่ จนสีหน้าแสดงอาการดูถูกออกมา
ข่าวลือที่แพร่สะพัดแปลกประหลาดพิกลแบบนี้ เก่งตายล่ะ แล้วทำไมล่ะ ตอนขึ้นเตียงกับเธอ เขายังไม่ใช่ว่าต้องคุกเข่าให้เธอไม่ใช่เหรอ?
ชางหลิงคิดถึงภาพที่โหมวยู่โป๊เปลือยอยู่ จนหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“แกไปทำอะไรมาหน้าถึงได้แดงเป็นลูกตำลึงขนาดนี้?” ซูเสี่ยวเฉิงมองเธอแวบหนึ่งด้วยความแปลกใจ
“หือ?” ชางหลิงหลุดจากภวังค์กลับมา พร้อมทั้งโกรธจนอยากจะตบหัวสมองของตนเองไปสักครั้ง
ตอนนี้อยู่ในสถานที่แบบไหนเนี่ย เธอดันมาคิดทะลึ่งตึงตังอยู่ที่นี่ได้อีก
“มาแล้ว มาแล้ว! พวกแกดูเร็ว นั่นคุณชายรองโหมว!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายกัน ทุกคนต่างลุกฮือขึ้นมา
สายตาของชางหลิงมองไปทางนั้น ก็เห็นว่าตรงประตูลิฟต์มีคนเดินค่อยๆ ออกมาหลายคน ท่ามกลางการคุ้มกันความปลอดภัยของบอดี้การ์ด โหมวยู่สวมใส่ชุดสูท พร้อมทั้งมีรอยยิ้มเย็นชา มุ่งหน้าเดินมาทางพวกเธอ
คบหากันมานานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ชางหลิงเห็นโหมวยู่ใส่สูท ชุดเป็นงานเป็นการมันยิ่งทำให้ร่างกายของเขาเหมือนแพร่รัศมีบำเพ็ญตบะไม่สนใจทั้งหญิงทั้งชายอยู่เช่นนั้น ใบหน้าอันงดงามนั้นเหมาะสมคู่ควรกับร่างกายของเขา แวบเดียวก็ทำให้หญิงสาวตื่นเต้นจนเรียกเสียงฮือฮาได้
โหมวยู่…ชางหลิงตกตะลึง
“หล่อมากเลย!” ซูเสี่ยวเฉิงก็น้ำลายไหลออกมาทันที พลางทำท่าแบมือขอ ท่าทางตกอยู่ในสภาพตกหลุมรักไปซะทั้งหมด
โหมวยู่ก้าวเท้าเดินมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกเขา นัยน์ตานั้นกวาดตามองตัวของชางหลิงอยู่รอบหนึ่ง
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาเอ่ยปากพูด
ชางหลิงตกตะลึงค้างเติ่งทันที เขาทำอะไรอยู่เนี่ย? ต่อหน้าสาธารณชนคนตั้งมากมาย แล้วทำไมเขาถึงพูดกับเธอ คือการที่เขาอยากจะสร้างศัตรูให้เธออย่างเป็นทางการในวันแรกเลยใช่ไหม?

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

Options

not work with dark mode
Reset