” ไปเรียกพ่อบ้านมา “ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมาต่อล้อต่อเถียงกับนายท่านใหญ่โม่ ขอเพียงแค่อยากให้งานแต่งงานในวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นเท่านั้น
โหมวยู่หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกไปยังเบอร์ของฉู่ฉือ ” มาที่บ้านที ”
” คุณชายรอง พวกเราจะไปถึงที่นั่นภายในยี่สิบนาทีครับ ”
” รีบหน่อย ส่งคนไปตามหาหลินจื้อ ”
” พี่ใหญ่ ก็แค่จัดงานแต่งเอง ไม่ถึงกับต้องรีบร้อนขนาดนี้หรือเปล่า ผมว่าฟ้ายังไม่ทันฟังเลยก็ตื่นแล้ว ใต้ตาดำ…. “จนเห็นชัดไปหมดแล้ว ฉินซางยังไม่ทันจะพูดจบประโยค โหมวยู่ก็ตัดสายอย่างไร้เยื่อใย
” เรียกหมอประจำบ้านกับช่างแต่งหน้ามา ”
โหมวยู่รู้ว่าตั้งแต่ที่เขาล้มป่วยไปนายท่านโหมวก็เชิญหมอจำนวนไม่น้อยมาที่บ้าน สภาวะร่างกายของเขาตอนนี้จำเป็นต้องพึ่งยาถึงจะสามารถดำเนินงานแต่งงานวันนี้ไปได้
หากสีหน้าของเขาไม่สามารถกลับมาดูเป็นปกติได้ ก็คงต้องพึ่งช่างแต่งหน้าเสียแล้ว
โหมวยู่ยืนอยู่หน้ากระจกไม่กี่นาที เขาก็เหนื่อยจนหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ ขาของเขาสั่นเล็กน้อย กำลังของร่างกายเกินการควบคุม
” นายท่านใหญ่โม่ คุณชายรองตามหมอให้ไปหาครับ ”
ข่าวคราวการเคลื่อนไหวของโหมวยู่ได้ถูกบอกต่อจนถึงหูนายท่านโหมว นายท่านโหมวได้ยินแล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ และก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด
หากสภาพร่างกายของโหมวยู่ยังพอประคับประคองไปได้ เขาก็จะร่วมงานแต่งงานวันนี้ที่ผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยความปีติยินดี
หมอเฉพาะทางด้านสมองที่นายท่านโหมวเชิญมาที่นี่เมื่อคืนก็ยังไม่ได้กลับไป แต่กลับถูกเชิญกลับมาอีกตั้งแต่หัวเช้า เมื่อเห็นโหมวยู่ที่นั่งอย่างเรียบร้อยบนเก้าอี้ ก็ถามออกมายังไม่ค่อยเข้าใจ ” คุณโหมวเรียกเรามามีอะไรเหรอครับ ”
คนป่วยก็ฟื้นแล้ว
เหนื่อยก็ต้องทำอะไรอีก
” วันนี้ฉันจะจัดงานแต่งงาน รบกวนพวกคุณจ่ายยาที่สามารถฟื้นฟูร่างกายในเวลาอันสั้นให้ผมหน่อย ”
โหมวยู่เพิ่งจะพูดจบ หมอที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาก็มองเขาด้วยรอยยิ้มที่ขบขัน วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ
” ขอโทษนะครับ ตอนนี้ร่างกายของคุณค่อนข้างอ่อนแอ คงไม่มีวิธีไหนที่จะเร่งให้กลับมาเป็นปกติ ” พูดจบหมอคนนั้นก็รีบเดินจากไป ส่วนหมออีกสองคนก็ก้มหน้าก้มตาแล้วเดินออกไปเงียบๆ สุดท้ายตรงหน้าของโหมวยู่ก็เหลือเพียงหมอที่ดูวัยรุ่นคนหนึ่ง
” คุณจ่ายยาให้ผมได้ไหม ”
โหมวยู่มองแกมๆสำรวจไปยังหมอวัยรุ่นคนนั้น ดูเหมือนเขาจะอายุน้อยกว่าหลินจื้อเสียอีก เขาดูไม่ค่อยคุ้นกับหมอคนนี้เท่าไหร่ ไม่แน่หมอท่านนี้อาจจะเป็นคนของตระกูลโหมว เชิญมาที่นี่ เขาเลยไม่ค่อยไว้ใจหมอท่านนี้
” ผมจะลองดู ”
หมออายุน้อยใช้มือดันแว่นกรอบทองบนสันจมูก ไม่รู้ทำไมหมออาวุโสหลายท่านถึงไม่พูดไม่จาแล้วเดินออกไปกัน
อันที่จริงเขาเองก็อยากจะไป แต่มัวแต่ยืนเหม่อ เลยเหลือเขาแค่คนเดียว
เขาคงไม่ปล่อยให้คนไข้อย่างโหมวยู่อยู่หัวเดียวกระเทียมลีบหรอก ก็คงต้องอดทนช่วยคนไข้จนถึงที่สุด
” คุณต้องการคงสภาพร่างกายให้นานเท่าไหร่ ” หมออายุน้อยคนนั้นตรวจดูสีหน้าของโหมวยู่อย่างละเอียด ในน้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความไม่แยแส
” คงสภาพจนถึงเที่ยงคืนของวันนี้ ”
โหมวยู่คิดไว้แล้วว่า หากเป็นไปได้ เขาหวังว่าคืนวันที่แสนหวานนี้จะยาวนานขึ้นอีกหน่อย เช่นนั้นแล้ว บางทีเขาหลอกความรู้สึกตัวเองและคนอื่นว่าเสียดายเวลาที่เหลืออยู่น้อยลงก็ได้
” ทำอย่างกับตัวเองเป็นซินเดอเรลล่าแน่ะ ”
หมอวัยรุ่นพูดแขวะเสียงต่ำ ก่อนจะเงยหน้ามาทำตัวสงบเสงี่ยมเช่นเดิม ก่อนจะบอกเป็นเชิงให้คนรับใช้พาไปยังห้องยา
เขากลับมาเร็วเกินกว่าที่โหมวยู่คาดเอาไว้ ก่อนจะวางยากองใหญ่ที่หยิบมาลงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขอไปที ” กินสิ ”
โหมวยู่หันไปมองหน้าเขา ก่อนจะรับน้ำอุ่นที่คนรับใช้ยื่นให้แล้วกินยาเข้าไป
” กินข้าวให้เยอะๆ เพราะร่างกายของตัวคุณเองมันบอกว่าหิวจะตายอยู่แล้ว ” ก่อนจะไปหมอหนุ่มยังพูดเตือนพร้อมกับสีหน้าซังกะตาย
ไม่รู้ว่าหมอได้จัดเตรียมล่วงหน้ามาก่อนหรือเปล่า เพราะอาหารเช้าตรงหน้าของโหมวยู่ดูอุดมสมบูรณ์ผิดหูผิดตา
เพื่อที่จะให้งานแต่งวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้โหมวยู่จะไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติของอาหารตรงหน้า แต่ก็ยังกินจนรู้สึกว่ากระเพาะไม่เหลือพื้นที่แล้วจึงวางตะเกียบลง
และขณะนั้นเองฉู่ฉือกับฉินซาง ต้วนเหิง ต้องตามคนไม่รีบมาถึงบ้านตระกูลโหมว โหมวยู่เดินลงมาชั้นล่างก็รู้สึกไม่ได้กินแรงอะไรมากมาย เงินตอนนี้ร่างกายเขาจะฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แต่แค่สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ฉินซางเมื่อเห็นโหมวยู่เดินลงมายังชั้นล่าง ก็พูดชมก่อนจะจ้องไปที่หน้าของเขา ” พี่ใหญ่ พี่โดนทำโทษมาอีกแล้วใช่ไหม สีหน้าพี่ตอนนี้น่าเวทนาจนผมทนดูไม่ได้แล้ว ถ้าพี่ไปงานแต่งทั้งแบบนี้เสี่ยวหลิงหลิงคงช็อกตายแหง ”
” หุบปาก! ”
โหมวยู่โดนเขาทำให้รำคาญจนปวดหัว
” คุณชายรองคงมีวิธีนั่นแหละ คุณชายฉินอย่าห่วงไปเลย ” เมื่อเห็นหน้าที่เพิ่งโดนว่าของฉินซาง ฉู่ฉือตบไหล่ของเขาด้วยความโอบอ้อมอารีแกมๆ ปลอบใจ
” เขาจะมีวิธีอะไร ”
ใบหน้าที่บรรจงแต่งของฉินซางในวันนี้ดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นกอง โหมวยู่มองไปที่เขานิ่งๆ ” หน้านาย ใครเป็นคนแต่งน่ะ ”
” พี่ใหญ่ พี่คิดจะทำอะไรเนี่ย ”
นัยน์ตาของฉินซางพูดความหวาดระแวงขึ้นมา พี่ใหญ่ไม่ได้มองเขาจริงๆ จังๆ แบบนี้มานานแล้ว ครั้งที่แล้วที่พี่ใหญ่มองมาที่เขา เขาก็แทบจะรอดชีวิตมาไม่ได้แล้ว
” ฉันจะแต่งหน้า ” โหมวยู่ละสายตาไปทางอื่น เหมือนไม่อยากจะเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา
ในขณะที่เป็นเกิดความเงียบขึ้น ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงก่อนดี
” เป็นวิธีที่เจ๋งเลย รอยดำใต้ตาของคุณชายฉินปิดมิดขนาดนี้ ถ้าลองมาแต่งบนหน้าของคุณชายรองให้สีหน้าดีขึ้นแค่นี้ก็คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะ ”
คำพูดของฉู่ฉือทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายมากขึ้นมากขึ้น โหมวยู่พยักหน้าตามความจริง เชิงถามฉินซางเป็นนัยว่าพาช่างแต่งหน้าฝีมือดีคนนี้มาหรือเปล่า
หลายปีแล้วที่นายท่านโหมวได้อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลโหมวแห่งนี้ เหมือนจะไม่มีความสนใจหรือความต้องการในเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ รู้จักคนใช้ที่ออกไปแล้ว ก็รู้เลยว่าบ้านหลังนี้ไม่มีการจ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาก่อน
ฉินซางพยักหน้าหงึกหงัก วันนี้เขาคงเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหนึ่งวันเต็มๆ การที่จะคงสภาพเมคอัพบนหน้าให้ติดทนตลอดทั้งวันได้จำเป็นต้องมีช่างแต่งหน้าอยู่ข้างกายเสมอ หลังจากที่เห็นสายตาของทโหมวยู่ที่ส่งมา เขาก็รีบโทรศัพท์ให้ช่างแต่งหน้าที่นั่งอยู่ด้านเบาะหลังในรถเข้ามาในบ้าน
อุปกรณ์แต่งหน้าที่เขาพกมานั้นดูมืออาชีพมาก เพื่อฟังเรฟเฟอร์เร้นซ์ของโหมวยู่แล้ว ไม่นานช่างแต่งหน้าก็แต่งออกมาได้ตามที่เขาต้องการ เป็นการแต่งหน้าที่ดูอ่อนธรรมชาติ ขับให้สีหน้าดูดีขึ้นมาเป็นกอง
จากที่มองตัวเองหลังแต่งหน้าเสร็จในกระจกแล้ว ดวงตาของโหมวยู่ก็เปร่งประกายออกมา นี่สินะใบหน้าที่สุขใจและอิ่มเอิบ ถึงจะเป็นท่าทีที่คนเป็นเจ้าบ่าวควรจะมี
เขาพยักหน้าอย่างพอใจ คนรับใช้ของตระกูลโหมวก็รีบยัดเงินเข้าไปซองแดงแน่นๆ แล้วก็เอาออกไป
” พี่ใหญ่ พวกเรามาเช้าไปหรือเปล่า ผมหิวมากเลยอ่ะ ขอกินข้าวเช้าหน่อยได้ไหม ”
นึกว่าเขามาเช้าขนาดนี้อันที่จริงเพราะเป็นห่วงสภาพร่างกายของโหมวยู่ แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทีของเขาดูไปได้ดีก็มาห่วง ฉินซางก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้
” เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว ฉันจะพาพวกนายไปห้องอาหารก็แล้วกัน ”
พรุ่งนี้เป็นวันที่เขาและหลีซินทั้งคู่จัดงานแต่งงาน เป็นพี่ที่มีน้องหลายคนก็ลำบากไปนิดหนึ่ง ตั้งแต่หัวเช้าโหมวยู่ก็ให้คนใช้จัดเตรียมอาหารเช้า เพื่อแสดงความขอบคุณ และเขาก็เดินไปส่งทั้งสามคนที่ชั้นล่างด้วยตัวเอง อยู่เป็นเพื่อนพวกเขาจนกระทั่งอาหารเช้ามาส่งถึงจะกลับไปยังห้องของตัวเอง
” พวกนายลองทายซิว่า พี่ใหญ่กลับห้องไปทำอะไร ”
ฉินซางกินข้าวเช้าไปก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาหลังจากพูด
” นายคงไม่โดนพี่ใหญ่ต่อยนานแล้วใช่ไหม หรือว่าคันเนื้อคันหนังอยากโดน ” เมื่อเห็นฉินซางที่ดูคึกคักจนผิดสังเกต ต้วนเหิงหาจุดทำความเข้าใจกับความกระโตกกระตากของพี่น้องตัวเองไม่ได้เลย
” วันนี้ฉันไม่อยากลงมือกับนาย ไม่อนุญาตให้มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ”
ฉินซางรู้สึกว่าสายตาที่ต้วนเหิงมองเขาเหมือนกำลังหลงจนแทบจะเกินบรรยาย มองเสียจนเขาเริ่มเย็นวาบไปทั่วหลังจนชา ความอยากอาหารหายไปชั่วขณะ ก่อนจะทิ้งซาลาเปาที่พึ่งจะกัดไปคำนึงลงในจาน แล้วหันตัววิ่งไปที่ห้องของโหมวยู่อย่างรวดเร็ว
” ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ใหญ่รอไม่ได้ขนาดนั้นเชียว ”
เสียงหัวเราะของฉินซางดังก้องไปทั่วห้องอาหาร จนทั้งสองคนได้ยินอย่างชัดเจน
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 334 รีบจนรอไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
Posted by ? Views, Released on October 1, 2021
, ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง