คำพูดของจ้าวหลันจือ ทำเอาทุกคนตะลึง ถึงว่าก่อนหน้านี้ชางหลิงถึงได้ไม่ถูกกับชางฉิงและยังไล่เธอออกจากบริษัทอีก ที่แท้ พวกเธอเป็นพี่น้องแท้ๆกัน และก่อนหน้านี้ยังมีประวัติที่ลึกซึ้งด้วย
“ไม่เพียงเท่านี้นะ ชางหลิงยังไปอ่อยผู้ชาย ได้ผู้ชายเศรษฐี ก็ไม่สนใจคนในบ้านตัวเองอีก เธอยังมีปู่ย่าที่อายุเจ็ดสิบกว่าปี แต่กลับทำให้พวกท่านล้มป่วย”
ชางหลิงนวดขมับ เธอปวดหัวมากจริงๆ
จ้าวหลันจือสถานการณ์เก่งมาก เห็นคนรอบข้างเริ่มมองชางหลิงด้วยแววตาเย็นชา น้ำเสียงเธอก็อ่อนลง และยังมีความน่าสงสารอีก
“ชางหลิง ฉันรู้ว่าแม่ของเธอจากไปเร็ว เธอก็ไม่ยอมฟังคำของพ่อตัวเองอีก แต่ไม่ว่ายังไง ฉันเป็นผู้ใหญ่ ครั้งก่อนเธอบังคับให้ฉันคุกเข่าคำนับ ฉันก็คุกเข่าแล้ว คำนับแล้ว ทำไมเธอยังไม่ยอมปล่อยฉิงฉิงไปอีก? ยังไงฉิงฉิงก็เป็นน้องสาวแท้ๆของเธอ ผิดมากแค่ไหน เธอสั่งสอนก็พอแล้ว ทำไมถึงต้องทำร้ายฉิงฉิงขนาดนั้นด้วย?”
“คุณน้ากำลังพูดเรื่องเมื่อคืน เป็นชางหลิง……” หลิวจื่อเวยเดินเข้าไป พยุงตัวจ้าวหลันจือลุกขึ้นมา
“ฉิงฉิงของฉันเป็นเด็กดี เป็นคนรักนวลสงวนตัวตลอด หลายปีมานี้แค่มือผู้ชายยังไม่เคยจับเลย เธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง……” จ้าวหลันจือน้ำตาไหล พูดอย่างน้อยใจ และร้องไห้หนักกว่าเดิม “ชางหลิง เธอจะฆ่าพวกเราทั้งเป็นเลยหรือไง……”
“ชางหลิง เธอทำเกินไปแล้วนะ” หลิวจื่อเวยนำขบวนด่าชางหลิง “ชางฉิงแม้จะผิดมากแค่ไหน แต่เธอจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ได้ยังไง? นี่เธอกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายนะ!”
“นั่นสิ น่ากลัวจริง ไม่คิดเลยนะ เธอจะเป็นคนแบบนี้……” คนข้างๆก็ตามด้วย
ชางหลิงเคยเจอฝีมือการพลิกสถานการณ์ของจ้าวหลันจือมาแล้ว เห็นแววตาที่ทุกคนมองมาที่เธอ เธอก็รู้สึกหมดแรงจริงๆ
“ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอ” ชางหลิงกลับหลังหันจะเดินออกไป “ในเมื่อเธอชอบอยู่ที่นี่ ก็อยู่ต่อไปแล้วกัน ฉันไปล่ะ”
“หยุดเลยนะ!” จ้าวหลันจือตามไปคว้าข้อมือชางหลิงไว้ และใช้ฝีมือเหมือนแต่ก่อน บีบที่ข้อมือเธออย่างแรง
ชางหลิงเจ็บจึงผลักจ้าวหลันจือออกเบาๆ แต่ไม่คิดว่าเธอจะล้มลงไปพื้น และกระแทกตัวลงไปอย่างแรง ทำเอาชางหลิงตกใจอย่างมาก
“โอ๊ย! เจ็บ” จ้าวหลันจือร้องอย่างเจ็บปวด
“ชางหลิง เธอทำร้ายคนทำไม?” หลิวจื่อเวยรีบเข้าไปพยุงตัวจ้าวหลันจือ “ปกติทำไมถึงมองไม่ออกนะว่าเธอเป็นคนแบบนี้”
ชางหลิงจับข้อมือที่ถูกจ้าวหลันจือบีบจนเจ็บ เธอกัดฟัน
“ทุกคนเห็นกันหมดแล้ว เธอทำร้ายฉัน ฉันอายุมากแล้ว เธอยังกล้าทำร้ายฉันอีก” จ้าวหลันจือนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้โวยวาย
ซูเสี่ยวเฉิงยืนอึ้งอยู่ข้างๆ
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินชางหลิงบอกว่าแม่เลี้ยงตัวเองโหดแค่ไหน แต่กลับเจอเป็นครั้งแรก พอเจอแล้ว เป็นไปตามที่ว่าจริงๆ
“เธอหยุดพูดเลยนะ ครั้งก่อนตอนที่ฉันไปเดินเที่ยวกับหลิงหลิง ยังเห็นชางฉิงอยู่กับผู้ชายต่างชาติอยู่เลย เธอกลับบอกว่าชางฉิงไม่เคยจับมือผู้ชายงั้นเหรอ? ถ้ายังไม่เคยจับ เธอจะท้องลูกของพี่เขยตัวเองได้ยังไง?”
ซูเสี่ยวเฉิงเดินเข้าไป ชี้หน้าจ้าวหลันจือด่า “พวกเธอสองแม่ลูกหน้าด้านกันมากเลยนะ เธอแย่งพ่อของหลิงหลิงไปยังไม่พอ ยังบีบบังคับจนน้าเสิ่นตาย แล้วยังใส่ร้ายน้าเสิ่นเกือบติดคุกอีก! ตอนนี้ชางฉิงหาเรื่องใส่ตัวเอง ข่าวอื้อฉาวออกมาเอง เธอยังกล้ามาทำร้ายหลิงหลิงถึงที่อีกเหรอ”
คำพูดของซูเสี่ยวเฉิง ก็เหมือนกับระเบิดลูกใหญ่
แม้ไม่รู้ว่าใครจะพูดความจริง แต่ยังไงก็สรุปได้แล้วว่าคนครอบครัวนี้มีความประพฤติมิชอบ
“เธอพูดอะไรของเธอ? เธอกับชางหลิงนังตัวดีนี้รวมหัวกัน วางแผนมาใส่ร้ายพวกเรา” จ้าวหลันจือโมโห
“เธอคิดว่าแค่เธอมีปากงั้นเหรอ?” ชางหลิงดึงซูเสี่ยวเฉิงกลับมา “ความผิดชอบชั่วดี ความจริงเป็นยังไงเธอรู้ดีแก่ใจ เสี่ยวเฉิงจื่อ พวกเราไป”
“หยุดเลยนะ!” จ้าวหลันจือเห็นซูเสี่ยวเฉิงพูดไม่กี่คำก็ทำให้ทุกคนซุบซิบกันขึ้นมาอีกครั้ง ก็เลยโมโห และไม่รู้ว่าใครเอากระบอกน้ำมาตั้งไว้บนโต๊ะแผนกต้อนรับ เธอคว้าขึ้นมาโยนไปที่ชางหลิง
ชางหลิงก้มหัวอยู่ ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเจอกับอะไรในเร็วๆนี้ แต่ทว่า ทันใดนั้นก็มีแรงดึงเธอไปข้างหน้าอย่างแรง เธอไม่ทันตั้งตัว หมุนอยู่สักพัก และล้มลงไปในอ้อมกอดคนคนหนึ่ง
กระบอกน้ำที่ใส่น้ำร้อนเดือดนั้นก็กระแทกใส่แผ่นหลังกำยำนั้น คนรอบข้างต่างกรีดร้องขึ้นมา
“คุณ……คุณชายรองโหมว!” ชางหลิงรีบออกจากอ้อมกอดเขา ทุกคนเงียบเพราะการมาของโหมวยู่ ดังนั้นกระบอกน้ำที่ตกลงพื้นจึงมีเสียงดังมาก
“คุณชายรอง……” จ้าวหลันจืออึ้งไปทันที
เธอไม่คิดเลยว่าโหมวยู่จะปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ ยังเอาตัวมาบังกระบอกน้ำแทนชางหลิงอีก……
โหมวยู่ขมวดคิ้วถอดเสื้อคลุมที่ถูกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำร้อน ฉู่ฉือพายามตามหลังเขามา ผู้ชายร่างกำยำพวกนั้นล้อมตัวจ้าวหลันจือเอาไว้
หลิวจื่อเวยเห็นแบบนี้แล้ว มือที่ตอนแรกยังพยุงจ้าวหลันจือก็รีบปล่อยออก กลัวว่าตัวเองจะถูกหมายหัวด้วย
“ระบบยามของเซิ่งซื่อแย่ขนาดนี้เลยเหรอ? ตาของพวกนายเอาไปทำอะไรกันหมด?” โหมวยู่อดทนกับความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าน้ำร้อนนั้นถูกตัวชางหลิงจะเป็นยังไง
พวกยามตัวสั่นงันงก รีบจับตัวจ้าวหลันจือเอาไว้
“คุณชายรอง ฉันเป็นแม่ของชางฉิงนะ พวกเราเคยเจอกันแล้วนี่” จ้าวหลันจือสะบัดแขนพวกยามออก แต่กลับไม่สมหวัง
“คุณชายรอง ฉิงฉิงของฉันรักคุณจริงๆนะ คุณช่วยเธอนะ คุณต้องรับผิดชอบฉิงฉิงนะ” จ้าวหลันจือขอร้องโหมวยู่
โหมวยู่หรี่ตาลง ไม่ได้พูดอะไร
“ชางหลิงนังตัวดีนั่นทำร้ายฉิงฉิง เธออิจฉาฉิงฉิง ดังนั้นถึงได้อยากทำให้ฉิงฉิงเสียชื่อเสียง คุณชายรอง คุณชอบฉิงฉิงไม่ใช่เหรอ? ชางหลิงกลับทำร้ายคนที่คุณรัก คุณอย่าปล่อยเธอไปนะ” จ้าวหลันจือพูดเสียงดัง “ฉันก็แค่อยากมาทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวตัวเองเท่านั้น แต่ชางหลิงกลับทำร้ายฉันต่อหน้าทุกคน เธอทำแบบนี้ก็แปลว่ากำลังเหยียดหยามคุณอยู่นะ”
โหมวยู่กวาดตามองคนรอบข้าง ทำเสียงฮึอย่างเย็นชา
“พวกเธอเห็นชางหลิงทำร้ายเธอไหม?”
ทุกคนต่างเงียบกันหมด ใครจะรู้ว่าโหมวยู่อยากได้คำตอบอะไร
“ผู้หญิงปากร้ายคนนี้รังแกหลิงหลิงก่อนค่ะ” ซูเสี่ยวเฉิงก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่กลับพูดขึ้นก่อน และดึงชางหลิงไปข้างหลัง ตัวเองยืนอยู่หน้าชางหลิงแทน
ชางหลิงรู้สึกอุ่นใจ ซูเสี่ยวเฉิงเป็นคนขี้อายมาตลอด แต่ครั้งนี้พอเจอเรื่องของชางหลิง เธอกลับยืนออกมาก่อนเป็นคนแรก
“ที่นี่เธอไม่มีสิทธิพูดหรอกนะ!” จ้าวหลันจือมองค้อนซูเสี่ยวเฉิงอย่างแรง
“เธอไม่มีสิทธิพูด ฉันมี” เสียงของโม่โม่ดังขึ้นจากตรงบันได
โหมวยู่เห็นเธอเดินเข้ามาที่ชั้นสาม เขานำกำลังคนมามาก เลยใช้ลิฟต์นาน เธอก็เลยเดินขึ้นบันไดแทน ไม่คิดว่า พึ่งมาถึงชั้นสาม ก็ได้ยินเสียงจ้าวหลันจือบอกว่าชางฉิงรักโหมวยู่จริงๆ
ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – ตอนที่ 70 จ้าวหลันจือโวยวาย
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก
เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง