ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 106 จะถอยก็ถอยไม่ได้

โชคดีที่เมื่อคืนเฉินเฉียวได้คิดเรื่องนี้แล้วตัดสินใจไว้แล้วดังนั้นเธอจะไม่ถูกเขาครอบงำ

เธอวางมือบนไหล่ของเขา “ฉันจะลุก”

ซังหลินจวินไม่ได้ขัดพลางถามด้วยเสียงเบาๆ “กี่โมงแล้ว?”

“ มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว”

เขาลืมตาขึ้นเล็กน้อยและจ้องไปที่เธอ “เครื่องบินผมออกตอนสิบโมง”

“ถ้าอย่างนั้นคุณควรจะลุกขึ้นได้แล้ว”

ซังหลินจวินยังไม่ทันได้พูดโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นแล้ว

เขาปล่อยเฉินเฉียวและเอื้อมมือไปรับ เสียงของอวี้เฟยดังมา “ท่านครับคนขับรถกำลังไปรับนะครับ”

โอเคซังหลินจวินตอบและวางสาย

หันกลับไปเห็นเฉินเฉียวใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

เขาเชิญ: “กินข้าวเช้ากับผมเถอะ กลับครั้งหน้าก็อีกยี่สิบกว่าวัน”

เฉินเฉียวคิดสักพักและพยักหน้าเห็นด้วย

ร้านอาหารที่ชั้นบนสุดเงียบมาก

ที่นี่ให้บริการเฉพาะแขกวีไอพีชั้นนำของโรงแรมเท่านั้น แต่ละโต๊ะมีพนักงานบริการแบบตัวต่อตัว

เมื่อมาถึงร้านอาหารชั้นบนสุดเฉินเฉียวคิดได้ว่าด้วยฐานะทางสังคมของเขา ถ้าเกิดไปโผล่ที่สาธารณะเช้าตรู่แบบนี้ คนจะมองยังไง แต่โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีแขกคนอื่นในร้านอาหารนอกจากพวกเขา

บริกรให้บริการด้วยความเคารพ ในบางครั้งมีพนักงานเสิร์ฟเดินผ่านไปมาและมักจะมองดูพวกเขาในสายตาที่สงสัยไม่ก็ชื่นชม

ซังหลินจวินเป็นคนที่มีออร่าจริงๆ ไปที่ไหนก็มักจะมีแต่ผู้หญิงมอง

เฉินเฉียวมองไปที่ชายตรงข้ามและเห็นว่าเขาเป็นคนนิ่งๆนั่งคุยโทรศัพท์ตลอด ดูเหมือนว่าแววตาเหล่านั้นไม่มีผลอะไรกับเขา

“ เอาแต่มองผมแบบนี้จะอิ่มไหม”ในที่สุดหลังจากวางสายแล้วซังหลินจวินก็หันหน้ามาสบตาเธอตรงๆ

ปรากฎว่าเขาไม่ได้ไร้ความรู้สึก

เฉินเฉียวพึมพำกับตัวเอง

“ ก็ประธานซังน่ากิน”เธออิ่มแล้วจริงๆ

วางช้อนส้อมบนโต๊ะอาหารแล้วมองไปรอบ ๆ และในที่สุดก็พบกับวิวยามเช้าของเมืองทั้งเมืองใต้ “โรงแรมนี้เป็นของกลุ่มหยวนเซิ่งด้วยหรอ”

อืม ครั้งแรกที่ออกมาจากคลับ ผมก็พาคุณมาที่นี้ จำได้มั้ยเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ตอนแรกซังหลินจวินก็จ้องมองลึกลงไป

เฉินเฉียวดื่มเครื่องดื่ม ให้ชุ่มคอ“ วันนั้นฉันจำไม่ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นเมา ”

“ไม่เป็นไร”ซังหลินจวินจิบกาแฟและขยับตัวอย่างสง่า“ จำได้ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”

เฉินเฉียวไม่ตอบแต่สายตาของเธอมองไปที่การจราจรที่พลุกพล่านถนนชั้นล่าง นึกอะไรบางอย่างออก สายตาก็มืดลงพลางถาม: “มันต้องเยี่ยมมากแน่ๆที่ได้ยืนอยู่ชั้นบนสุดนี้และมองลงไป”

ซังหลินจวินมองไปที่เธอไกล ๆ

หลังจากนั้นเขาก็ดึงเก้าอี้ออกลุกขึ้นเดินช้าๆไปที่หน้าต่าง จากนั้นยืนตรงหน้าหน้าต่าง

เขายืนอยู่ที่นั่นมองเห็นชั้นล่าง

แสงสีทองนอกหน้าต่างส่องเข้ามาทางหน้าต่างและกระทบตัวเขา

ร่างทั้งร่างของเขาถูกสาดด้วยแสงแดดยามเช้าสีทอง ร่างของเขาแผ่ออร่าดั่งเทพบุตร ด้วยสัญชาตญาณใครๆก็อยากเหลียวตามอง

เฉินเฉียวรู้น้อยมากเกี่ยวกับอดีตของเขา แต่เธอก็อยากจะรู้ด้วยอายุของเขาการนั่งอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นวิธีการหรือแผนอะไรก็ตาม หรือจะความทะเยอทะยานหรือความมุ่งมั่น ก็เป็นความสามารถที่สุดยอด

“ เฉียวเฉียว มานี่สิ”เขามองไปด้านข้างและเรียกเธอ

เฉินเฉียวเดินมาหาเขาและยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา

เมื่อมองลงไปจากชั้น 50 ไม่ว่าจะเป็นคนเดินเท้าหรือยานพาหนะที่อยู่ข้างล่างดูเหมือนมด

“ ยืนตรงนี้รู้สึกยังไงบ้าง?”ซังหลินจวินถามเธอกลับ

“ทุกคนต่างแหวนหน้าหน้ามองคุณ ทุกคนต่างให้ความเคารพคุณ อำนาจและเงินทองให้สิ่งนี้กับคุณ ถึงแม้ว่าบ้างครั้งอาจจะรู้สึกเหงาโดดเดี่ยว แต่มันก็ยังทำให้คนเสพติด”เฉินเฉียวหันไปมองเขาและถามว่า “คุณหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกนี้ด้วยเหรอ?”

“ หมกมุ่นหรอ? ถ้าจะพูดว่าหมกมุ่น พูดว่าถอยแต่ถอยไม่ได้จะดีกว่า “ซังหลินจวินมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าสงบ“ หยวนเซิ่งดูสวยงาม แต่ในความเป็นจริงมันถูกฉีกออกจากกันแล้วแต่ละคนมีความตั้งใจที่แตกต่างกัน บางคนต้องการที่จะดูดเลือดของหยวนเซิ่งในขณะที่บางคนก็อยากแทะเนื้อของหยวนเซิ่ง มีไม่กี่คนที่ต้องการทำให้มันใหญ่ขึ้นและดีขึ้นจริงๆ ดังนั้นผมไม่ต้องการให้หยวนเซิ่งที่อยู่ในมือผมถูกทำลาย”

“โครงการที่ลอนดอนครั้งนี้ ถ้าไม่มีเถียนเฟิงเสียงสนับสนุน ผมคงแย่ แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่ามันจะเป็นพรหรือคำสาป “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ซังหลินจวินดูเคร่งขรึมมากขึ้น

เฉินเฉียวเคยชินกับความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ตอนนี้เห็นเขาดูเศร้าก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอมองเขาอย่างเป็นห่วง “พูดยังไงดี”

ซังหลินจวินมองไปด้านข้างเพื่อดูเธอเมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของเธออารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นในทันใดและเขาก็หัวเราะเบา ๆ “เป็นห่วงผมหรอ”

“ คุณยังหัวเราะได้!”เฉินเฉียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกฉุนเล็กน้อย

ซังหลินจวินเอื้อมแขนยาวๆไปกอดเธอ เฉินเฉียวตกใจและมองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัวผลักเขาออกไป

เขาประสานมือที่เอวของเธอแน่น ราวกับว่าเหนื่อยเล็กน้อยคางของเขาวางอยู่บนไหล่ของเธอ“ เมื่อเร็ว ๆนี้เถียนเฟิงเสียงกับแม่ของซังอวี้ กำลังสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ คุณรู้ไหมว่านี่หมายถึงอะไร? ”

เฉินเฉียวตกใจ

เธอที่กำลังดิ้นรนก็หยุดลง

ดังนั้น…..เถียนเฟิงเสียงยังอาจเปลี่ยนฝั่งได้ทุกเมื่อ แล้วไปอยู่ข้างซังอวี้? ”

เป็นไปได้เสียงของเขาเรียบเฉยอยู่เสมอ แต่เฉินเฉียวก็รู้ว่ามันแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

เถียนเฟิงเสียงเทียบเท่ากับแขนซ้ายแขนขวาของเขาและอิทธิพลของเถียนเฟิงเสียงในหยวนเซิ่งทำให้ขยับได้ทั้งร่าง ถ้าเขาเปลี่ยนฝั่งจริงๆงั้นตำแหน่งของซังหลินจวินในหยวนเซิ่ง ก็ตกอยู่ในอันตราย

เฉินเฉียวรู้ว่าเขาถูกกดดันและรู้สึกอึดอัดในใจ เธอผลักมือเขาออกและค่อยๆปล่อยมันไป

เธออยากถามเขาว่าเธอจะช่วยเขาได้ไหม อย่างไรก็ตามก่อนที่จะพูดคำนั้น ก็ติดอยู่ในลำคอพูดไม่ออก

เธอจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเขาตอนนี้?

การอยู่ห่างไกลจากเขาอาจเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา

ท้ายที่สุดถ้าเขาสามารถหมั้นและแต่งงานกับเถียนเถียน ได้จริงๆความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเถียนเฟิงเสียงจะมั่นคงเหมือนภูเขา เถียนเฟิงเสียงจะไม่หันมาทำร้ายลูกเขยของเขา

และชายคนนี้คือชายที่ถูกกำหนดให้ยืนอยู่บนยอดเขาและชี้ชะตาบริษัท

เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้หัวใจของเฉินเฉียวก็หนักอึ้ง

จากมุมมองของเธอหรือจากมุมมองของซังหลินจวินการตัดสินใจของเธอเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องที่ชาญฉลาด เธอไม่ต้องการเป็นมือที่สามและไม่อยากเป็นอุปสรรคระหว่างทางของเขา

โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้งและเป็นคนขับรถโทรมา ขณะนี้คนขับรถมาถึงแล้ว

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset