หลังจากความเจ็บปวดผ่านพ้นไปเฉินเฉียวรู้สึกได้ถึงการโดนย่ำยีที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เธอรู้จักนิสัยของปู้อี้เฉินดี ถ้าเธอยิ่งขัดขืนเขาก็จะโมโหร้าย
เฉินเฉียวมอบอยู่บนเตียงด้วยความสิ้นหวัง ราวกับตุ๊กตาไม้ที่เขาจับวาง เสื้อผ้าบนเรือนร่างของเธอถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อเธอเห็นว่ากำลังจะโดนเขากระทำ
จู่ๆเธอก็พูดเบา ๆ ว่า: “ปู้อี้เฉิน นายรู้ไหมเมื่อคืนฉันนอนกับใคร”
ดวงตาสีเข้มของเธอดูเหมือนจะค่อยๆจับจ้องกับสายตาของผู้ชาย
ปู้อี้เฉินไม่ได้ตอบ ได้แต่ฟัง เธอจึงพูดต่อ: ผู้ชายขายตัว! ผู้ชายที่ฉันซื้อมาด้วยเงิน”
ชายคนนั้นตัวสั่นอย่างรุนแรงด้วยความโกรธราวกับว่าถูกทำให้ขายหน้าอย่างขีดสุด สีหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัว
เขาสูดหายใจสองครั้ง เงื้อมือขึ้นตบหน้าเฉินเฉียว “ผู้หญิงสำส่อน”
เสียงตบดังก้อง
เฉินเฉียวโดนตบจนหูอื้อ แทบจะลืมตาไม่ได้ ชายคนนั้นจ้องมองเธอด้วยนัยน์ตาสีแดงก่ำ ราวกับว่าจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ แต่อย่างไรก็ตามปู้อี้เฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ
ปิดประตูเสียงดังตึง เสียงฝีเท้าของชายคนนั้นก็หายเข้าไปในห้อง
เฉินเฉียวดูเหมือนจะหมดแรงและล้มลงบนเตียง
นานมากๆ เจ็บหน้าไปหมดแล้ว
ร่างกายเธอเจ็บปวดราวกับ โดนแยกชิ้นส่วน เจ็บระบมไปทั่วร่าง
แต่ไม่เป็นไร …ยังดี
อย่างน้อยครั้งนี้ฉันก็รอดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอเชื่อว่าปู้อี้เฉินจะไม่ยุ่งกับเธออีกซักระยะนึง
เธอนอนบนเตียงอย่างเงียบๆก่อนจะลุกขึ้นแก้เน็คไทออกจากมือแล้วโยนลงถังขยะ เธอหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
ในกระจกใบหน้าของเธอบวมแดงอย่างกับหมู น่าตลกสิ้นดี
หลังจากอาบน้ำเฉินเฉียวก็เอาผ้าขนหนูอังไว้ที่หน้านอนบนเตียงแล้วพลิกดูเอกสาร หลังจากนั้นไม่นานเจียงฉยงฉยงก็โทรมา
“เป็นไงบ้าง”เฉินเฉียวถามเธอ ไม่กล้าขยับปากพูดเยอะ ริมฝีปากขยับแล้วจะเจ็บ
ก็ไม่ยังไงเจียงฉยงฉยงกล่าวว่า: “แปลกจริงๆ ฉันถามผู้จัดการร้านแล้ว เขาบอกว่าร้านเขาไม่มีผู้ชายคนนั้นนะ ฉันอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้วรอบนึง ไม่มีจริงๆ ”
เป็นอย่างงี้ได้ยังไงกัน หรือว่าเขาจะลาออก ”
“ ฉันเดาว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นขาจร”
“อะไรคือขาจร”
“ก็แบบพวกล่าแต้มไปทั่ว! ที่ไหนมีผู้หญิงรวยๆ ก็จะไปที่นั่น แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ”
อย่างนี้นิเอง
เฉินเฉียวคิดว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
“ ไม่เป็นไรนะเฉียวเฉียว อย่าเพิ่งท้อใจ ไหนๆเขาก็มาแล้วครั้งนึง มันต้องมีครั้งที่สองแน่ๆ พวกเราทั้งสองต้องหาเจอแน่ๆ ”
ตอนนี้มันเป็นได้แค่นั้นแหละนะ
เฉินเฉียวตอบรับคำนึงและวางสาย
————
ใบหน้าของเฉินเฉียวผ่านมาหลายวันยังไม่หายบวม เธอไปบริษัททั้งๆที่หน้าเป็นแบบนี้ ดึงดูดสายตาฝูงชนไม่น้อย แต่ทุกคนก็แค่พูดลับหลัง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อหน้า
ปู้อี้เฉินไม่กี่วันมานี้ไม่ได้เข้าบริษัทเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ากลับบ้านไหม ปู้อี้เฉินรู้สึกโล่งอก
วันนี้.
เฉินเฉียวส่งหนังสือประมูลโครงการใหม่ไปที่อีเมล์ของกรรมการผู้บริหาร ตอนนี้แปดโมงกว่าแล้ว
เธอลุกขึ้นปล่อยผมยาวสลวยตามอำเภอใจ เธอหยิบเสื้อสูทที่แขวนไว้ข้างๆและกำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน โทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เธอเปิดกระเป๋าและเห็นว่าเป็นเจียงชางเหวินที่โทรมา
“เฉียวเฉียว ข่าวดี!”เสียงตื่นเต้นของเจียงฉยงฉยงดังมาจากโทรศัพท์
ก่อนที่เฉินเฉียวจะถามเขาก็ได้ยินเธอพูดว่า: “เธอรีบๆ! รีบมาที่คลับเฮาส์เลยนะ! ผู้ชายคนนั้นอยู่ ”
เมื่อเฉินเฉียวได้ยินดังนั้นเขาก็รีบพูดว่า: “โอเคๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
สองวันก่อนที่ไปโรงพยาบาล เธอถือผลตรวจที่เป็นลบ แต่ว่าในใจก็ยังรู้สึกกังวล ไม่รู้สึกสบายใจเลยซักนิด ผู้ชายคนนั้นใช่ว่าจะมาง่ายๆ เฉินเฉียวรับขับรถไปที่นั่นทันที
ภายในคลับเฮาส์เสียงดังเหมือนเดิม
ทันทีที่เฉินเฉียวมาถึงเจียงฉยงฉยงก็ชี้ไปที่ห้องส่วนตัวและพูดว่า “เขาอยู่นั่น นั่นคือห้องส่วนตัวสุดหรูซึ่งมีราคา 180,000 หยวนต่อคืน เหมือนว่าคืนนี้เขาจับผู้หญิงรวยๆอีกแล้ว ”
แสนแปด
เฉินเฉียวยังคงพูดไม่ออก เพราะคืนนั้นฉันให้เขาไม่น่าจะเกิน 2,000
“ถ้าอย่างนั้นฉันรออยู่นี้ให้เขาออกมา”เฉินเฉียวสั่งไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้วและหาที่สำหรับนั่งกับเจียงฉยงฉยงนั่งรอไปดื่มไป
และแล้ว
หลังจากรอตั้งแต่สองถึงสี่ทุ่มก็ไม่มีใครออกมาจากห้องนั้น
เจียงฉยงฉยงรู้สึกง่วงแล้วเฉินเฉียวเริ่มนั่งไม่ติด พรุ่งนี้เธอมีประชุม ผู้ช่วยส่งข้อมูลการประชุมมาที่อีเมล์ แต่เธอยังไม่แม้แต่กวาดตามอง
“ หรือว่าฉันจะเข้าไปหาเขา พูดแค่ประโยคสองประโยค น่าจะไม่รบกวนเขานะ”เฉินเฉียวคิดสักพักและตัดสินใจ
เจียงฉยงฉยงหาวและพยักหน้า“ ฉันเห็นด้วยนะ การนั่งรอไม่ใช่ทางเลือก ถ้าผู้หญิงรวยๆข้างในลีลาเด็ดเกินไป พวกเราอาจจะรอจนเช้า ”
เฉินเฉียวก้าวขึ้นไปบนรองเท้าส้นสูงและเดินไปที่ห้องส่วนตัวสุดหรู ประตูถูกปิดอย่างแน่นหนาและไม่ได้ยินเสียงใด ๆ จากภายใน
เฉินเฉียวยืนอยู่นอกประตูรวบรวมสติ ต้องใช้ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง การปรากฏตัวของอีกฝ่ายคอยย้ำเตือนเธออยู่เสมอ ว่าเธอก็รู้สึกเหงาเหมือนกับผู้หญิงรวยๆที่มาเที่ยวที่แบบนี้
เธอหายใจเข้าลึก ๆ ยกมือขึ้นเคาะประตู
เข้ามา
เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น เฉินเฉียวผลักประตูออก
เดิมทีคิดว่าเธอจะเห็นฉากอนาจารภายในห้อง แต่เมื่อผลักประตูเข้าไปเธอก็ตะลึง
ผู้หญิงรวยๆหายไปไหนหมด คนในกลุ่มนี้มีแต่พวกผู้ชาย
เธอมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจและพวกเขาก็มองเธอเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังเจรจาเรื่องธุรกิจและบรรยากาศก็จริงจัง แต่เนื่องจากการเข้ามาของเธอทำให้พวกเขาหยุดชะงัก เฉินเฉียวลำบากใจเล็กน้อย
“ คุณเฉินมาหาใครครับ?”บริกรหน้าทางเข้าถามเธอ
หลังจากนั้นเฉินเฉียวก็กลับมามีสติ สายตามองไปที่ฝูงชนอย่างไม่แน่ใจ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่ผู้ชายตรงกลาง
เขาอาจจะเป็นผู้ชายที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มและเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ถึงจะอายุน้อยแต่บดบังออร่าความสุขุมไม่มิด เขานั่งอยู่ที่ตำแหน่งตรงกลาง มีความเด็ดเดี่ยว
เฉินเฉียวคิดว่าตลกสิ้นดี คาดไม่ถึงคิดว่าผู้ชายที่ทำอาชีพขายตัวจะมาตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆอะไรแบบนี้ได้
“ฉันมาหาคุณคนนี้”เฉินเฉียวมองไปที่เขาและพูด
สีหน้าของผู้ชายคนนั้นไม่มีความรู้สึก เขาเพียงแค่เหลือบมองเธอ และกระซิบสองสามคำกับชายที่อยู่ข้างๆเขา ชายคนนั้นลุกขึ้นและเดินไปทางเฉินเฉียว“ คุณชางไม่ว่าง กรุณาออกไปก่อน”
ท่าทีเฉยชาทำให้เฉินเฉียวรู้สึกประหม่า ช่างแตกต่างกันเหลือเกินกับความรู้สึกอ่อนโยนที่ผู้ชายคนนั้นมอบให้เธอในเช้าวันนั้น
เธอคิดว่าผ่านคืนนั้นกันมาแล้ว อย่างน้อยเขาน่าจะจำได้บ้าง เหมือนกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงสำหรับเขา
หรือว่าอยู่ต่อหน้าแขกเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก นี่คงจะเป็นกลอุบายของพวกทำงานในวงการนี้ล่ะมั้ง