“ฉันเลิกงานแล้วได้ยินเรื่องที่ประธานซังเข้าโรงบาลค่ะ”เฉินอินรวบรวมความกล้าแล้วพูด วางดอกไม้และวางซุปไก่ไว้บนหัวเตียง “นี่คือซุปไก่ที่ฉันเคี่ยวเองค่ะ ถ้าประธานซังหิวก็ดื่มได้นะคะ ไม่รู้รสชาติจะถูกปากไหม
พูดถึงประโยคหลัง เสียงก็เบาลงเรื่อยๆ เพราะความอาย
ซังหลินจวินยิ้มเรียบๆ และพยักหน้าให้เธอ “ขอบใจที่เป็นห่วง”
เฉินอินหน้าแดง“ ไม่เป็นไรค่ะ เป็น…เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ ถ้าคุณชอบ ฉันจะเคี่ยวมาให้ทุกวันก็ได้นะคะ ”
ประโยคสุดท้ายทำให้ซังหลินจวินหยุดมองเธอ ขมวดคิ้ว
ความหมายมันชัดเจนมาก เฉินเฉียวรู้ด้วยไอคิวและอีคิวของซังหลินจวิน ต้องดูออกแน่ๆว่าเฉินอินคิดอะไร
เธอมองไปที่สีหน้าของซังหลินจวิน ไม่เห็นอารมณ์อะไรเลยบนหน้าเขา และสายตาก็ละออกจากเฉินอิน แล้วหันไปมองเฉินเฉียว“ แล้วคุณล่ะ?”
อะไรนะเฉินเฉียวถาม
“ เฉินอินให้ของเยี่ยมผม แต่คุณมามือเปล่าหรอ?”สายตาซังหลินจวินสำรวจบนร่างเธอ
เฉินเฉียวหยิบซองสีแดงออกจากกระเป๋าและวางไว้ข้างเตียงอย่างใจเย็น
ของขวัญหรอ.ซังหลินจวินเลิกคิ้ว
อืม
เธอก้าวถอยหลัง
พยายามทำตัวให้ห่างเหินที่สุด หวังว่าเฉินอินจะไม่สงสัยอะไร
“ คุณเฉินความคิดดีจัง”คำพูดของซังหลินจวินทำให้ผู้คนสับสน “วันนี้ผมได้รับของเยี่ยมตั้งเยอะ แต่ได้รับอะไรแบบนี้ครั้งแรก”
เฉินเฉียวเม้มริมฝีปากและยิ้ม “ประธานซังชอบก็ดีค่ะ”
“ชอบมาก”ซังหลินจวินหยิบอั่งเปา “ไม่มีใครไม่ชอบเงิน”
เฉินอินยืนมองอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่เธอมาเพื่อเยี่ยมเขาแต่เธอยืนตรงนี้รู้สึกเหมือนส่วนเกิน
เฉินเฉียวโดนเฉินอินมองจนอึดอัด เห็นซังหลินจวินดูเหมือนว่าจะไม่ได้อาการหนักมากนัก เลยไม่ได้จะอยู่ต่อ กล่าวเพียงว่า“ ประธานซัง ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราไม่รบกวนแล้วนะคะ ท่านพักผ่อนเถอะนะคะ ”
หลังจากพูดแล้ว เฉินเฉียวก็จะเดินออกไป
ซังหลินจวินมองไปที่เธอ “ไหนๆก็มาแล้ว ไม่อยากพูดเรื่องประมูลหรอ”
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา สายตาเฉินอินก็มองไปที่เฉินเฉียว ทำให้ใจของเฉินเฉียวเต้นดัง“ตึก ตึก”
“ รอให้ประธานซังหายดีก่อน พวกเราต้องขอมารบกวนประธานซังอีกแน่นอน”เฉินเฉียวตอบอย่างเรียบ ๆ และเดินออกนอกห้อง เมื่อเดินออกไปได้ครึ่งทางเมื่อเห็นว่าเฉินอินยังไม่ตามมาเธอจึงหันกลับไปและลากเธอ“ ยังไม่ไปอีก?”
“ พี่ ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก”เฉินอินไม่อยากกลับเร็วขนาดนี้ เป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบประธานซัง หลังจากวันนี้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบเขาอีกตอนไหน!
“ ถ้าไม่รีบไปโรงพยาบาลจะปิดแล้ว เธออยากอยู่ที่นี่ทั้งคืนหรือไง”
เฉินอินกัดริมฝีปากเธอ “ค้างก็ค้างสิไม่เห็นเป็นอะไร”
หลังจากพูดจบเธอก็หันไปสบตากับผู้ชายบนเตียงอย่างเขิน ๆ
ซังหลินจวินลงมาจากเตียงโดยใส่ชุดโรงพยาบาลอยู่ “เดี๋ยวผมเดินไปส่งชั้นล่าง”
“ อย่าลำบากเลยค่ะ พวกเรา … ”
“ ประธานซังนอนอยู่บนเตียงมานาน เดินยืดเส้นยืดสายหน่อยก็ดีนะคะ”เฉินอินขัดเฉินเฉียว เมื่อเทียบกับคำปฏิเสธแล้ว เธอดูกระดี้กระด้ามาก
เฉินเฉียวพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่เงียบ
ตลอดทางเฉินอินเดินใกล้กับซังหลินจวิน
เฉินเฉียวแสร้งทำเป็นไม่เห็นและเดินไปที่ลิฟต์
ซางหลินจวินดูเหมือนไม่ได้สังเกตท่าทีของเฉินอิน เขาไม่ได้ตลอดสนองท่าทีใดๆเลย
“ ประธานซัง หมอบอกว่าท่านจะออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหนคะ?”เฉินอินหาเรื่องคุยกับเขา
ไม่นานหรอกเขาตอบกลับเรียบๆ
งั้นก็ดีค่ะ ตอนได้ยินว่าท่านเข้าโรงบาลฉันตกใจมากค่ะ ”
“ ขอบใจ”เขาพูดเพียงสองคำและไม่มีการแสดงออกใด ๆ บนใบหน้าของเขา
“……”เฉินอินจนปัญญา ไม่รู้จะพูดอะไร เลยเงียบไป
หลังจากนั้นไม่นานก็หาเรื่องใหม่มาคุย: “ประธานซังคะ ฉันได้ยินพี่สาวพูดว่าเธอไปประมูลงานที่หย่วนเซิ้ง แต่ก่อนพี่ฉันช่วยงานพี่เขย แต่ช่วงนี้เปิดบริษัทเอง อย่ามองเธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆนะคะ จริงๆแล้วเธอมีความสามารถมาก ”
พี่เขยหรอซังหลินจวินสนใขจุดสำคัญนี้อย่างมีความหมายและมองไปที่ด้านหลังของเฉินเฉียว
เฉินเฉียวหันกลับมา เขาและเธอสบตากัน เฉินเฉียวใจเต้นรัว จากนั้นเธอก็ละสายตาไป ขมวดคิ้วเล็กๆ แล้วมองไปที่เฉินอิน“เธอพูดอะไรไร้สาระ?”
เฉินอินกระซิบกับซังหลินจวิน: “จริงๆแล้วไม่นับว่าเป็นพี่เขยแล้วค่ะ เพราะว่าพี่ฉันกับเขาหย่ากันแล้ว”
เฉินอินเฉินเฉียวกล่าว
“ฉันพูดความจริง”เฉินอินรู้สึกว่าพูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้ไม่มีอะไรเสียหาย เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าประธานซังดูรู้สึกสนใจหัวข้อนี้เป็นพิเศษ เธอกล่าวว่า: “การหย่าก็ไม่ได้ผิดอะไร พ่อกับแม่บอกว่ายังดีคนดีๆอีกเยอะ หาเวลาไปเจอบ้าง ”
ได้ยินเฉินอินพูด เฉินเฉียวก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็มองไปที่ซังหลินจวิน กลัวเขาเข้าใจผิดหรือเปล่า?
สายตาของซางหลินจุนหนักอึ้ง“ คุณเฉินมีแต่คนชอบ”
เฉินเฉียวรู้สึกว่าคำนี้เขากำลังแขวะเธอ
ฟังดูอึดอัดอยู่ดี
“น่าเบื่อ!”เธอพูดลอยๆ ไม่รู้ว่าพูดกับเฉินอินหรือพูดกับเขา
ลิฟต์มาถึงพอดี
เฉินเฉียวเข้าไปก่อนแล้วจึงเรียก “เฉินอินจะไปไหม”
เฉินอินไม่อยากจากคนที่เธอรัก ในใจอยากจะอยู่ต่อแต่อีกฝ่ายไม่ได้รั้งเธอไว้เลยไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ
“ประธานซัง งั้นไว้เจอกันใหม่ค่ะ”
อืมซังหลินจวินพยักหน้า
เฉินอิน ก้าวเข้าไปในลิฟต์อย่างช้าๆ
เฉินเฉียวยังคงโกรธและไม่ได้บอกลาเขา รู้สึกได้ว่าสายตาเขาจับจ้องมาที่เธอเสมอ จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลงในที่สุดความกดดันก็หายไป
“ พี่ ทำไมตะกี้รีบเดินจัง”คิดไม่ถึงว่า เฉินอินจะพูดแบบนี้
“ไปเยี่ยมก็แล้ว ให้ของเยี่ยมก็แล้วถ้ายังไม่ไปจะให้อยู่ทำอะไรล่ะ”น้ำเสียงของเฉินเฉียวห้วนๆ
“ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หรือพี่มีเจตนาอย่างอื่น?”เฉินอินมองไปที่เธอ
เฉินเฉียวขมวดคิ้ว“ ฉันจะมีเจตนาอะไรได้?”
“ พี่มองออกว่าประธานซังจริงๆแล้วสนใจฉัน ใช่ไหมล่ะ?”เฉินอินรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“ ตอนนี้พี่รู้หรือยังที่พี่สั่งสอนฉันตอนนั้น ไม่เป็นความจริง? เธอสบายใจได้ ฉันไม่หัวเราะเยาะพี่หรอก ”
เฉินเฉียวประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมเธอคิดว่าประธานซังสนใจเธอล่ะ?”