เฉินเฉียวมองไปที่ชายตรงข้าม“ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่จะคุยกับคุณจริงๆรบกวนเวลาของคุณไม่นาน”
เธอย้ำว่า: “เกี่ยวกับเรื่องสัปดาห์ที่แล้ว”
อวี้เฟยหันหน้ามาและมองอย่างสงสัย
ดูเหมือนทุกคนกำลังรอให้ชายคนนั้นพูด เฉินเฉียวก็ด้วยเช่นกัน
ชายคนนั้นดับบุหรี่ แล้วยืนขึ้น
อวี้เฟยรีบเดินเข้าไปข้างในและบอกคนอื่นๆ “โปรดรอคุณชางสักครู่”
เฉินเฉียวมองชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าเขา ภายใต้แสงสีเหลืองจาง ๆทำให้ร่างเขาดูสูงสง่าขึ้น ออร่าที่เปล่งออกมาจากเขาทำให้คนลุ่มหลงได้ง่ายๆ
ในที่สุดเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากและเน็คไทผ้าไหมที่อยู่ใกล้คอของเขาก็อยู่ตรงหน้าเธอ
เหนือเน็คไทลูกกระเดือกของเขาดูยั่วยวน
เธอมองอยู่ครู่หนึ่งเธอลืมที่จะถอยหลังยืนอยู่ข้างๆเขาที่ประตูห้องส่วนตัว
ไม่เจอกันนานเป็นเขาซังหลินจวินที่พูดก่อน
มือข้างหนึ่งซุกในกระเป๋า เขามองเธอหัวจรดเท้า
เฉินเฉียวดึงสติกลับมา จมูกเธอได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเรือนร่างของชายคนนั้น เธอรู้สึกเพียงว่าผู้ชายคนนี้ลึกลับ
เธอพูดเล่นๆ: “คิดว่าจะลืมฉันซะแล้ว”
“ประทับใจจนลืมไม่ลงเลยล่ะ”เขาเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เฉินเฉียวรู้สึกอายเมื่อนึกถึง ‘ความป่าเถื่อน’ ของตัวเองในวันนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้รอยฟันของเธอหายไปหรือยัง
เธอถามอีกครั้ง: “คุณซาง ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่ามา”
คุณทำงานอะไร?
เฉินเฉียวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวในวันนี้ไม่เหมือนคนธรรมดา และทุกคนมองเขาด้วยความเคารพดูเหมือนว่าเขาจะมีตำแหน่งที่ใหญ่โต
“ที่บอกว่าเรื่องสำคัญ ก็คือเรื่องนี้หรอ”เขายกข้อมือขึ้นเหลือบมองเวลาและมองไปที่เธออีกครั้ง “ฉันทำงานอะไร เธอตัดสินไปแล้วไม่ใช่หรอ”
เขาเลี่ยงไม่ตอบคำถามของเธอ
ผู้ชายคนนี้ตั้งรับได้เก่ง
เฉินเฉียวแอบรู้สึกว่าเธอเสียมารยาท เป็นคนแปลกหน้าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว เธอได้แต่ส่ายหัวมองเข้าไปในดวงตาของเขาและเปลี่ยนเรื่อง “แล้วชีวิตส่วนตัวของคุณวุ่นวายหรือเปล่า?”
เห็นได้ชัดว่าซังหลินจวินคาดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอถามเรื่องส่วนตัวเช่นนี้สีหน้าเธอดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ถามทำไม”
“หลังจากวันนั้นฉันก็ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด”เธอพูดห้วนๆ
อย่างละเอียดเขาเริ่มเข้าใจและพยักหน้าว่า “ละเอียดแค่ไหนล่ะ”
ละเอียดที่สุด ผลออกมาเป็นลบ แต่หมอบอกว่า – “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉินเฉียวก็หยุดชั่วคราวราวกับว่าเขากลัวที่จะทำลายศักดิ์ศรีของชายคนนั้นและอธิบายว่า:” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคุณ แต่หมอบอกว่า โรคมีระยะฟักตัวและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการถามสถานะของคู่นอนตัวเอง ”
ดังนั้น…..
เธอสงสัยว่าเขาจะมีกามโรค
ซังหลินจวินหรี่ตาลง “คุณมาที่นี่วันนี้เพียงเพื่อถามฉันว่ามีโรคไหม”
เฉินเฉียวพยักหน้า
จู่ๆชายคนนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ เธอผงะและโดยสัญชาตญาณอยากจะถอยกลับ แต่ว่าขากลับไม่ขยับ เอวของเธอถูกชายผู้นั้นกอดไว้ในมือแล้ว
เฉินเฉียวเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆจิตใจของเธอก็ตะเหลิดไม่อยากถอยห่าง
จากนั้นริมฝีปากของเธอก็ถูกชายคนนั้นจูบ เธอหายใจถี่ขนตาที่เรียงยาวของเธอสั่น
ลิ้นของชายคนนั้นเปิดริมฝีปากของเธอ
สมองสั่งการเธอต้องผลักผู้ชายคนนั้นออกไป แต่ลมหายใจอีกฝ่ายก็เหมือนดอกป๊อปปี้ทำให้เธอค่อยๆหมดเรี่ยวแรงและจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ
ความรู้สึกนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกที่ปู้อี้เฉินมอบให้กับเธอ ปู้อี้เฉินทำให้เธอต่อต้าน แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูดมหาศาลต่อเธอ
อันตรายเกินไปแล้ว
มันไม่ควรอย่างยิ่ง
เฉินเฉียวดึงสติกลับมา ผลักออก เธอสูดหายใจและถามเขาว่า “คุณทำอะไร”
ดวงตาพร่ามัว เธอดูมีเสน่ห์แบบสวยหยาดเยิ้ม ถามด้วยความตำหนิห้าพยางค์ชัดๆ แต่กลับไม่มีความมั่นใจ เหมือนกับเป็นการยั่วยวน
ชายคนนั้นปล่อยเธอไป เมื่อเทียบกับเธอแล้วดูสุขุมใจเย็น “ทำแบบนี้แล้วติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ใครเป็นคนสอนคุณล่ะ”
“……”เฉินเฉียวสมองตื้อ “อะไรนะ?”
กลับไปเถอะเขาออกคำสั่งไล่
เขาโน้มศีรษะลงมาเล็กน้อยฝีปากของเขาเกือบแตะติ่งหูของเธอ “ที่แท้ก็เป็นสาวบริสุทธิ์จริงๆด้วย”
เสียงของชายคนนั้นต่ำราวกับว่าเป่าหูของเธอ แก้มของเฉินเฉียวร้อนผ่าวและเธอสับสนเล็กน้อยมองไปที่เขาอย่างว่างเปล่า
เขาหันกลับไปและกลับไปที่ห้องส่วนตัวอีกครั้ง
ที่ทั้งสองคนคุยกันที่เมื่อกี้ตอนที่ทั้งคู่จูบกันพวกเขาไม่ได้ปิดประตูห้องเลยด้วยซ้ำทันทีที่เขาเข้ามาคนอื่น ๆ ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ คุณซาง มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”ทุกคนรู้ดีว่าซังหลินจวินเป็นคนอารมณ์แบบไหน แต่ตอนนี้มันน่าเหลือเชื่อมากที่ได้เห็นเขาจูบผู้หญิงคนหนึ่ง!
เขาตอบอย่างเงียบ ๆ : “ไม่ค่อยสนิทหรอก”
“ ไม่สนิทยังขนาดนี้ ถ้าสนิทกันขึ้นมา คงจะมันน่าดู”
ฮ่าฮ่า มีความสัมพันธ์ใหม่ๆในหมู่คนหนุ่มสาวเต็มไปหมด คนแก่อย่างเราเทียบไม่ติด! ”
ทุกคนพูดอย่างคลุมเครือและหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ได้จะอธิบายความหมายอะไรเลย
เฉินเฉียวสติกลับมา เกิดอารมณ์โกรธ เธอถูกผู้ชายคนนี้ลวนลามอย่างโจ่งแจ้ง!
เธอชำเลืองมองจากระยะไกล แต่เขาก็ไม่ได้มองไปที่เธออีก
ไอ้สารเลว! !
แบบนี้เฉินเฉียวจะทนไหวได้ยังไง เมื่อระงับความโกรธในใจเธอจัดผมของเธอพร้อมเดินไปหาอวี้เฟยช้าๆเปิดกระเป๋าและหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วส่งให้อวี้เฟย
อวี้เฟยมองไปที่เธออย่างงงงวย
“ รบกวนเอาเงินไปให้ผู้ชายที่อยู่ตรงกลางด้วย นี้คือค่าบริการ ราคาเหมือนกับครั้งก่อน”เสียงนั้นไม่เบาไม่ดังเกิดไป คนในห้องสามารถได้ยินชัดพอดี “ยังไงก็ช่วยบอกเขาด้วยว่าความเป็นมืออาชีพของเขาแย่มากและฉันก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ”
เอ่อ…
ทั้งห้องตกตะลึง
ค่าบริการ? ค่าตัว? ความเป็นมืออาชีพ?
ฮ่าๆ นี่เป็นการทำให้คุณซางผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดังกลายเป็นเด็กดริ้งตัวท๊อปในคลับซะแล้วหรือ ยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังค่อนข้างไม่พอใจกับการบริการ
ริมฝีปากของอวี้เฟยกระตุกสองครั้ง
คราวนี้เฉินเฉียวไม่ได้มองไปที่หน้าของอีกฝ่าย ใส่ส้นสูงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกย่างก้าวสง่างามสุด ๆ
“ คุณซาง ผู้หญิงคนนี้เหลือเชื่อจริงๆ”มีคนแซว
“ผู้ช่วยอวี้ เอาเงินนี้ไปให้บอสคุณด้วยนะ เงินนี้หามาได้ไม่ใช่ง่ายๆนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
ทุกคนในห้องส่วนตัวไม่ได้มีบรรยากาศที่เคร่งขรึมเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป แต่กลับรู้สึกเริงร่าและมีชีวิตชีวา
ซังหลินจวินจิบไวน์ของเขาและมองไปที่แผ่นหลังที่กำลังเดินจากเขาแอบขำกับตัวเองเงียบๆ
ยัยนี่