ซังอวิ๋นกำลังทายาให้เฉินเฉียว เธอคิ้วขมวด อดกลั้นกับความเจ็บ
“ เจ็บไหม”ซังอวิ๋นหยุดทา มองเฉินเฉียวตรงหน้าเขา น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากตาของเธอ
หัวใจของซังอวิ๋นเจ็บและมีความสงสารในสายตาของเขา แต่เธอไม่เห็น
ไม่เจ็บเฉินเฉียวกัดฟันและแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไร
จู่ๆซังอวิ๋นก็ส่งมือซ้ายให้เฉินเฉียว เธอมองแบบงงๆ เขาเลยอธิบาย: “ถ้าเจ็บก็กัดมือผมสิ ยานี่ช่วยทำให้แผลหายเร็ว ถึงแม้ว่ามันจะแสบมากๆก็เถอะ”
ประโยคสุดท้ายของซังอวิ๋นแซวเธอเล่น
เฉินเฉียวหน้าแดง
อย่างไรก็ตามเมื่อซังอวิ๋นทายาให้เธอเธอก็ไม่ได้กัดมือของเขาจริงๆ แต่เธอบีบต้นขาของเธอแน่นจนทายาเสร็จ
ตอนนี้เธอเหงื่อออกมากราวกับว่าเธอออกกำลังกายหนัก
หลังจากที่ซังอวิ๋นเก็บยาเข้าไปเฉินเฉียวก็ตั้งใจที่จะดูว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
ในห้องเต็มไปด้วยโต๊ะไม้เก้าอี้ไม้
เตียงที่เพิ่งนอนไปตะกี้ก็ยังเป็นเตียงไม้ผ้านวมและเสื่อฟางเรียบๆซึ่งทั้งหมดนี้ดูเหมือนอยู่ในบ้านนอก
“อาอวิ๋น ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี้ ตกลงที่นี้ที่ไหน”ในใจของเฉินเฉียวเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ตอนแรกจะถูกขัดด้วยเรื่องเพื่อนเก่า แต่ตอนนี้ความสับสนทั้งหมดกลับเข้ามาในจิตใจของเธออีกครั้ง
ซังอวิ๋นที่เก็บยาเสร็จหันกลับมาเก็บอารมณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้
เขานั่งข้างๆและรินชาให้เฉินเฉียวอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะอธิบาย
“นี่คือหมู่บ้านเสี่ยวเหลียนเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลคนไปๆมาๆที่นี้น้อยมากๆ”ซังอวิ๋นชี้ไปที่ขาตั้งภาพอีกด้าน
เฉินเฉียวแปลกใจทำไมเขากลายเป็นนักวาดภาพไปได้ ตอนนี้เธออยากรู้ว่าตกลงใครเอาเธอมาไว้ที่นี้
ซังอวิ๋นดูเหมือนดูออกถึงความร้อนรนของเธอ เลยไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแต่เข้าเรื่อง“เมื่อวานตอนออกไปเดินบนภูเขา ผมเห็นคนสองคนแบกกระสอบไปทิ้ง ผมสงสัยก็เลยไปแกะดู ปรากฎว่าเจอคุณ”
“เฉินเฉียวผมไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ แต่มีคนเอาคุณมาไว้ที่หมู่บ้านบนภูเขานี้ที่มีหมาป่าและเสือออกมาได้ตลอดเวลา ผมว่ามีอันตายอยู่รอบๆตัวคุณแน่ ถ้าไม่รังเกียจก็พักอยู่ที่นี้นึงเถอะ ผมอยู่ที่นี้มานานแล้วทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก “ซังอวิ๋นพูดถึงข้อดีของหมู่บ้านเสี่ยวเหลียน ถือว่าเป็นการเชิญชวนให้อยู่ต่อ
จิตใจของเฉินเฉียวไม่ได้อยู่ที่นี้ เธอจำได้แต่ว่าวันเสาร์เป็นวันที่ซังหลินจวินกับเถียนเถียนหมั้นกัน
ซังอวิ๋นเมื่อวานเป็นคนช่วยเธอไว้ ถ้างั้นตอนนี้ซังหลินจวินอาจจะหมั้นไปตั้งนานแล้ว และกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้จมูกของเธอก็เจ็บและดวงตาของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมา
ตัดใจไปตั้งนานแล้วเรื่องทั้งหมดมันจบไปแล้ว เพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอขาดเขาไม่ได้
เธอคิดถึงทุกๆส่วนของเขา แม้อดีตของเขาก็กลายเป็นยาพิษรสหวาน
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว
ไม่ว่าเธอจะสนใจเขาแค่ไหน ชอบเขาแค่ไหน เธอก็ไม่อยากเป็นมือที่สาม
เธอทำได้เพียงฝังสิ่งเหล่านี้ไว้ในใจราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อเห็นซังอวิ๋นกำลังรอคำตอบของเธออยู่ เฉินเฉียวก็ตอบเบาๆ : “โอเค”
จิ้งหย่วน
ซังหลินจวินที่นับวันจะยิ่งร้อนใจตอนนี้คิ้วขมวด สายตาเป็นกังวลถึงแม้มองแค่แวบเดียวก็เห็นได้ว่าในตอนนี้หัวใจของเขาว้าวุ่น
“หาเจอหรือยัง?”เขาขมวดคิ้วดวงตาของเขาเหนื่อยล้า
อวี้เฟยมองไปที่ซังหลินจวินแล้วบอกผลการสอบสวน
“ยังครับ คุณเจียงหลังจากที่รู้ว่าคุณเฉินหายไปก็ออกตามหาไปทั่ว ไม่เหมือนกับว่าอยู่ที่นั่น”
“แล้วที่อื่นล่ะ”ซังหลินจวินรู้ดีว่าอวี้เฟยไม่เพียง แต่จะไปตามหาที่ตระกูลเจียงตามที่เขาสั่งเท่านั้นเขายังตามกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเฉินเฉียวด้วย
“ ยังไม่เจอครับ คนในครอบครัวของคุณเฉินอยู๋บ้านทั้งหมด ปู้อี้เฉินพาภรรยาเขาไปฝากท้อง ส่วนคุณเถียนอยู่ผับครับเมื่ออวี้เฟยตอบแบบนี้ ในใจก็รู้สึกกลัว
“ช่างเถอะ ออกไปก่อน”อวี้เฟยหาไม่เจอแต่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาซังหลินจวินไม่สามารถตำหนิเขาได้สำหรับความรับผิดชอบทั้งหมด
ยังไงซะเขาไม่ได้อธิบายให้เธอฟังอย่างชัดเจน
ถ้าเขาบอกเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังบางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่เกิดขึ้น
แต่เขารู้ดีว่าถ้าเขาพูดแบบนั้นจริง ๆ เธอคงจะทิ้งเขาและไม่อยู่กับเขาอีกแล้ว
“ พ่อครับ ผมไม่ได้เจอเฉียวเฉียวหลายวันแล้ว ผมคิดถึงเธอ”โย่วอีวิ่งออกจากห้องโดยสวมชุดนอนเรียบง่ายดวงตาของเขาผิดหวังมากเหมือนถูกทอดทิ้งอย่างน่าสงสาร
ซังหลินจวินเดินไปลูบหัวของซังโย่วอี “ไม่ต้องกังวลจะได้พบเธอในอีกไม่กี่วัน”
คำพูดนี้ไม่เพียงแต่ให้คำสัญญากับโย่วอี แต่พูดกับตัวเองในใจด้วย
ไม่มีข่าวใด ๆ จากเธอในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาและเขาเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าความรู้สึกร้อนรนเหมือนไฟเผาเป็นอย่างไร
เขาไม่มีบริษัท ไม่มีการสนับสนุนของเถียนเฟิงเสียงก็ได้ แต่เขาขาดเธอไม่ได้
เธอฝังรากลึกลงไปในหัวใจของเขาหากเธอต้องจากไปเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป
“โย่วอี ไปนอนเถอะ ไม่แน่นะพอตื่นมา เธออาจจะกลับมาก็ได้”ตอนนี้ดึกมากแล้ว โย่วอียังคงเป็นเด็ก ยังต้องการการนอนที่เต็มอิ่ม ซังหลินจวินถึงแม้จะเป็นห่วงเฉินเฉียว แต่ไม่อยากให้เด็กน้อยต้องมากังวลเหมือนเขา
“พ่อ พูดแล้วนะ สัญญานะ”โย่วอียื่นนิ้วเกี่ยวก้อยสัญญา
ซังหลินจวินพูดไม่ออก แต่เพื่อที่จะทำให้เขาสบายใจเขาก็ยื่นมือไปเกี่ยวก้อยด้วย
“ โอเคไปพักผ่อนเถอะ”หลังจากปล่อยมือของเขาซังหลินจวินก็ตบไหล่โย่วอี
“ โอเค ยังไงซะอยู่กับปู่ผมก็นอนไม่ค่อยสบาย ฮาววว… ”เขาหาวอีกครั้งและเดินไปที่ห้อง
ซังหลินจวินยืนอยู่ในห้องคนเดียว ปล่อยให้จิตใจมัวหมองอีกไม่ได้แล้ว เขาออกจากห้องและขับรถออกไป