ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 15 พ่อของเด็กคือนาย

เฉินเฉียวไม่ลังเลที่จะรับโทรศัพท์

“โย่วอี ให้เวลาแกอีกหนึ่งนาทีต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงของผู้ชายปลายสายดูท่าเหมือนจะหมดความอดทน

โย่วอี?

เป็นชื่อที่พูดยากจริงๆ

เฉินเฉียวตอบว่า: “คุณคะ เขาไปหาคุณตอนนี้ไม่ได้ค่ะ แต่คุณต้องรีบมาหาเขาเดี๋ยวนี้ตอนนี้”

อีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า“ทำไมถึงเป็นคุณ”

คำถามนี้ราวกับว่าเธอกับเขารู้จักกัน

“ลูกชายของคุณโย่วอีเพิ่งเป็นลมหมดสติที่ไป่ฮวาซินฮุ่ยฉันบังเอิญไปพบเขาเข้าก็เลยพาเขามาโรงพยาบาล”

คำพูดของเธอถูกชายคนนั้นแทรก“ โรงพยาบาลไหน?”

“โรงพยาบาลเหรินหมินตรงถนนเฉิงหนาน”เธอเข้าใจความกังวลอีกฝ่ายจึงรีบตอบ

“อืม ผมจะรีบไป”

ห้าคำชัดเจน

เฉินเฉียวคิดว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่คุ้นเคยและน่าฟัง เธอคิดอยู่พักหนึ่ง “คุณคะพวกเรารู้จักกันไหม”

“ไว้เจอกันก่อน”อีกฝ่ายทิ้งไว้แค่เพี่ยงสี่คำง่ายๆ ก่อนจะวางสายไปดื้อๆ

เฉินเฉียวฟังเสียง‘ตู๊ด ตู๊ด’ในโทรศัพท์ คิ้วขมวดเล็กน้อย

ใครบอกเขาล่ะว่าเธอต้องรอเขาอยู่ที่นี้ เธอยังมีแขกรออยู่ที่ไป่ฮวาซินฮุ่ย ต้องรีบกลับไปสะสางนะ

แต่เมื่อคิดถึงเด็กน้อยผู้น่าสงสารเฉินเฉียวก็ทิ้งเขาไม่ลง ช่างเถอะ คิดจะทำดีก็ต้องทำให้มันถึงที่สุดเถอะ

เธอวางสายโทรศัพท์และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เห็นกลุ่มทีมแพทย์ในชุดกาวน์เดินเข้ามา คนที่ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลเดินอยู่ด้านหน้าถามพยาบาลว่า“ได้ยินว่าคุณหนูถูกส่งมาที่นี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“ เด็กที่เพิ่งเข้าไป ยังไม่ได้พูดเลยว่าเป็น คุณหนู ”

ลองเข้าไปดูเดินไปพลางถามไป:“ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”

“เรื่องเล็กหน่า. ในที่สุดตอนนี้เขาก็ฟื้นแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่คุณหนูโย่วอีหรือไม่”

คนกลุ่มหนึ่งรีบเข้าไปในห้องรักษา

เฉินเฉียวเห็นเหตุการณ์ก็รู้สึกใจไม่ดี ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะช่วยชีวิตคุณหนูผู้ส่งสูงไว้ได้

หลังจากนั้นไม่นานเด็กน้อยก็ถูกเข็นออกมาจากห้องส่งต่อไปที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี เขาหลับแล้ว นอนหลับตาเงียบๆบนเตียง หน้าซีดและดูน่าสงสาร

“ เด็กอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม”เฉินเฉียวถามพยาบาลที่เดินมา

“ ค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว อีกสักครู่ฉีดยาเสร็จคงจะฟื้น”

งั้นก็ดีแล้วค่ะเฉินเฉียวถอนหายใจอย่างโล่งอก

เด็กปลอดภัยแล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ รอจนเห็นว่าพยาบาลฉีดยาให้เด็กน้อย เธอจึงหันหลังเตรียมจะกลับ มือเพิ่งจะแตะลูกบิดประตูก็มีแรงดึงประตูจากด้านนอกอย่างแรง

เฉินเฉียวไม่ทันตั้งตัว ปล่อยมือไม่ทันตัวถลาไปด้านนอก

เธอคิดว่าต้องล้มแบบหมดท่าแน่ๆและเธอก็หลับตารอให้ความเจ็บปวดมาถึง แต่เอวของเธอถูกคว้าไว้ได้ด้วยมืออุ่นๆ

เธอชนเข้าที่หน้าอกเขาอย่างแรง

“ ดื่มไปกี่แก้วเนี่ย”เสียงทุ้มสุดเซ็กซี่ดังขึ้นเหนือหัวของเธอ

เสียงนี้มัน …คุ้นมาก!

เฉินเฉียวเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนว่าเขาไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของเธอ

เฉินเฉียวจ้องเขา “คุณมาที่นี้ได้ยังไง”

สายตาของชายคนนั้นมองผ่านเธอและมองเข้าไปข้างใน

เฉินเฉียวก็เข้าใจในทันที “ฉันว่าแล้วตอนคุยโทรศัพท์รู้สึกเสียงมันคุ้นๆ”

เขาคลายคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยและเขาก็เหลือบมองเธอ”ความจำดีนิ”

สายตาแบบนี้ทำให้เฉินเฉียวรู้สึกร้อนลุ่มอย่างบอกไม่ถูก

เธอเผลอหวนนึกถึงภาพความทรงจำในคืนนั้น และนึกถึงเรื่องที่คลับที่เธอโดนเขาหยอกล้อ ทำให้รู้สึกฉุนเฉียวอยู่บ้าง”ถ้าฉันรู้ว่าพ่อของเด็กคนนั้นคือนาย ฉันกลับไปนานแล้ว”

“ไหนๆก็ยังไม่กลับ พวกเราเข้าไปคุยกันหน่อย”ท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนยังคงเหมือนเดิม ขณะที่เขาพูดเขาตบเอวของเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ๆ “คุณยืนตรงๆได้ไหม”

เฉินเฉียวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากำลังอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอหน้าแดง เขายืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหันไปด้านข้างและให้เข้าปล่อย

เขาเดินเข้าไปในห้องคนไข้

อวี้เฟยเดินตามไป เฉินเฉียวยังจำเขาได้แม่น ครั้งก่อนที่ห้องส่วนตัวสุดหรูที่เธอใช้เขาให้เอาเงินไปให้เจ้านายของเขา

อวี้เฟยก้มหัวให้เธอพร้อมกล่าว “สวัสดีครับ”

เฉินเฉียวยังคงรู้สึกอายเมื่อเธอนึกถึงเรื่องครั้งก่อนเธอจึงแค่ก้มหัวถือเป็นการตอบรับ

ชายคนนั้นเข้าไปในห้องคนไข้ หมอและพยาบาลยืนพูดคุยกันเรื่องอาการของเด็กน้อย

เฉินเฉียวยืนรออยู่ด้านนอก ได้ยินไม่ชัด

สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่ชายคนนั้นเท่านั้น

รูปโฉมของชายคนนี้ไม่มีอะไรจะต้องเอ่ย ไม่ใช่แค่หนึ่งในร้อย ในพัน ในหมื่น ไม่ได้เวอร์เลยสักนิด พยาบาลข้างๆมองเขาอย่างหลงไหล เขินหน้าแดง

ผู้ชายคนนี้เป็นหายนะจริงๆ ใครที่เป็นภรรยาเขา คงจะต้องตามล้างตามเช็ดผู้หญิงที่มาเกาะแกะทุกวัน

ภรรยา

เฉินเฉียวนึกถึงเรื่องนี้ ถึงกับตัวแข็งทื่อ

เขามีลูกชายแล้ว ถ้าอย่างนั้นน่าจะภรรยาแล้วสิ

คืนนั้นพวกเขา …

เฉินเฉียวไม่ต้องการเป็นมือที่สาม เธอนอกใจ สิ่งที่ทำลายก็คือชีวิตคู่เธอและปู้อี้เฉิน แต่ไม่เสียดายเลยถ้าเธอจะเป็นมือที่สามแล้วไปทำร้ายชีวิตคู่ของคนอื่น

คิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกหนักอก

เมื่อเงยหน้า ก็เห็นผู้ชายคนนั้นกวักมือเรียกเธอให้เข้าไป

เฉินเฉียวเดินเข้าไปเธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนลูกหมาแสนเชื่อง โดนกวักมือเรียกแบบนั้น

เธอเชื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวเองอยู่ต่อหน้าปู้อี้เฉินออกจะหยิ่งทะนงตัว

ฉันต้องไปแล้วเธอพูด

“ ไปนั่งกินเหล้ากับพวกตาแก่หรอ”เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง

อืมเฉินเฉียวพยักหน้า “ฉันทิ้งแขกไว้ที่ไป่ฮวาซินฮุ่ย ถ้าไม่รีบไปล่ะก็มีหวังตายแน่”

“แขกที่ไหน”เหมือนเขาจะถามไปอย่างนั้น พลางห่มผ้าให้ลูกชาย

บอกไปนายก็ไม่รู้หรอก

เฉินเฉียวคิดแต่ปากมันตอบอัตโนมัติ “ที่ดินแปลงใหม่ใกล้จะปล่อยออกมาแล้ว ฉันนัดคนไปดูๆไว้ก่อน”

เขาเงียบ

เด็กที่นอนอยู่บนเตียงร้องครางเบา ๆ ปากน้อย ๆ ของเขาขยับและเขาร้องอย่างน่าสงสาร: “หม่ามี๊ เจ็บ…”

เฉินเฉียวทนฟังไม่ไหว

“นายเรียกแม่ของเด็กมาดีกว่า”

ซังหลินจวินมองตาเธอ”คุณก็อยู่นี้แล้วไม่ใช่หรอ”

“ ฉันจะทำอะไรได้ อีกอย่าง ฉันต้องไปแล้ว”เฉินเฉียวรู้สึกว่า เธอไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยังจะให้ไปเป็นแม่อีก

“ เมื่อก่อนตอนเขาเจ็บ ยายเขาก็จะเป็นคนปลอบตลอด เอาหน่า ฉันไม่ค่อยถนัด ”

เป็นน้ำเสียงที่ชัดเจนอีกครั้ง

จนกระทั่งเขาเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางให้เธอเข้ามาที่ตำแหน่งข้างเตียง

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset