เฉินเฉียวไม่ลังเลที่จะรับโทรศัพท์
“โย่วอี ให้เวลาแกอีกหนึ่งนาทีต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงของผู้ชายปลายสายดูท่าเหมือนจะหมดความอดทน
โย่วอี?
เป็นชื่อที่พูดยากจริงๆ
เฉินเฉียวตอบว่า: “คุณคะ เขาไปหาคุณตอนนี้ไม่ได้ค่ะ แต่คุณต้องรีบมาหาเขาเดี๋ยวนี้ตอนนี้”
อีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า“ทำไมถึงเป็นคุณ”
คำถามนี้ราวกับว่าเธอกับเขารู้จักกัน
“ลูกชายของคุณโย่วอีเพิ่งเป็นลมหมดสติที่ไป่ฮวาซินฮุ่ยฉันบังเอิญไปพบเขาเข้าก็เลยพาเขามาโรงพยาบาล”
คำพูดของเธอถูกชายคนนั้นแทรก“ โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลเหรินหมินตรงถนนเฉิงหนาน”เธอเข้าใจความกังวลอีกฝ่ายจึงรีบตอบ
“อืม ผมจะรีบไป”
ห้าคำชัดเจน
เฉินเฉียวคิดว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่คุ้นเคยและน่าฟัง เธอคิดอยู่พักหนึ่ง “คุณคะพวกเรารู้จักกันไหม”
“ไว้เจอกันก่อน”อีกฝ่ายทิ้งไว้แค่เพี่ยงสี่คำง่ายๆ ก่อนจะวางสายไปดื้อๆ
เฉินเฉียวฟังเสียง‘ตู๊ด ตู๊ด’ในโทรศัพท์ คิ้วขมวดเล็กน้อย
ใครบอกเขาล่ะว่าเธอต้องรอเขาอยู่ที่นี้ เธอยังมีแขกรออยู่ที่ไป่ฮวาซินฮุ่ย ต้องรีบกลับไปสะสางนะ
แต่เมื่อคิดถึงเด็กน้อยผู้น่าสงสารเฉินเฉียวก็ทิ้งเขาไม่ลง ช่างเถอะ คิดจะทำดีก็ต้องทำให้มันถึงที่สุดเถอะ
เธอวางสายโทรศัพท์และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เห็นกลุ่มทีมแพทย์ในชุดกาวน์เดินเข้ามา คนที่ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลเดินอยู่ด้านหน้าถามพยาบาลว่า“ได้ยินว่าคุณหนูถูกส่งมาที่นี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ เด็กที่เพิ่งเข้าไป ยังไม่ได้พูดเลยว่าเป็น คุณหนู ”
ลองเข้าไปดูเดินไปพลางถามไป:“ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“เรื่องเล็กหน่า. ในที่สุดตอนนี้เขาก็ฟื้นแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่คุณหนูโย่วอีหรือไม่”
คนกลุ่มหนึ่งรีบเข้าไปในห้องรักษา
เฉินเฉียวเห็นเหตุการณ์ก็รู้สึกใจไม่ดี ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะช่วยชีวิตคุณหนูผู้ส่งสูงไว้ได้
หลังจากนั้นไม่นานเด็กน้อยก็ถูกเข็นออกมาจากห้องส่งต่อไปที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี เขาหลับแล้ว นอนหลับตาเงียบๆบนเตียง หน้าซีดและดูน่าสงสาร
“ เด็กอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม”เฉินเฉียวถามพยาบาลที่เดินมา
“ ค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว อีกสักครู่ฉีดยาเสร็จคงจะฟื้น”
งั้นก็ดีแล้วค่ะเฉินเฉียวถอนหายใจอย่างโล่งอก
เด็กปลอดภัยแล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ รอจนเห็นว่าพยาบาลฉีดยาให้เด็กน้อย เธอจึงหันหลังเตรียมจะกลับ มือเพิ่งจะแตะลูกบิดประตูก็มีแรงดึงประตูจากด้านนอกอย่างแรง
เฉินเฉียวไม่ทันตั้งตัว ปล่อยมือไม่ทันตัวถลาไปด้านนอก
เธอคิดว่าต้องล้มแบบหมดท่าแน่ๆและเธอก็หลับตารอให้ความเจ็บปวดมาถึง แต่เอวของเธอถูกคว้าไว้ได้ด้วยมืออุ่นๆ
เธอชนเข้าที่หน้าอกเขาอย่างแรง
“ ดื่มไปกี่แก้วเนี่ย”เสียงทุ้มสุดเซ็กซี่ดังขึ้นเหนือหัวของเธอ
เสียงนี้มัน …คุ้นมาก!
เฉินเฉียวเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนว่าเขาไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของเธอ
เฉินเฉียวจ้องเขา “คุณมาที่นี้ได้ยังไง”
สายตาของชายคนนั้นมองผ่านเธอและมองเข้าไปข้างใน
เฉินเฉียวก็เข้าใจในทันที “ฉันว่าแล้วตอนคุยโทรศัพท์รู้สึกเสียงมันคุ้นๆ”
เขาคลายคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยและเขาก็เหลือบมองเธอ”ความจำดีนิ”
สายตาแบบนี้ทำให้เฉินเฉียวรู้สึกร้อนลุ่มอย่างบอกไม่ถูก
เธอเผลอหวนนึกถึงภาพความทรงจำในคืนนั้น และนึกถึงเรื่องที่คลับที่เธอโดนเขาหยอกล้อ ทำให้รู้สึกฉุนเฉียวอยู่บ้าง”ถ้าฉันรู้ว่าพ่อของเด็กคนนั้นคือนาย ฉันกลับไปนานแล้ว”
“ไหนๆก็ยังไม่กลับ พวกเราเข้าไปคุยกันหน่อย”ท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนยังคงเหมือนเดิม ขณะที่เขาพูดเขาตบเอวของเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ๆ “คุณยืนตรงๆได้ไหม”
เฉินเฉียวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากำลังอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอหน้าแดง เขายืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหันไปด้านข้างและให้เข้าปล่อย
เขาเดินเข้าไปในห้องคนไข้
อวี้เฟยเดินตามไป เฉินเฉียวยังจำเขาได้แม่น ครั้งก่อนที่ห้องส่วนตัวสุดหรูที่เธอใช้เขาให้เอาเงินไปให้เจ้านายของเขา
อวี้เฟยก้มหัวให้เธอพร้อมกล่าว “สวัสดีครับ”
เฉินเฉียวยังคงรู้สึกอายเมื่อเธอนึกถึงเรื่องครั้งก่อนเธอจึงแค่ก้มหัวถือเป็นการตอบรับ
ชายคนนั้นเข้าไปในห้องคนไข้ หมอและพยาบาลยืนพูดคุยกันเรื่องอาการของเด็กน้อย
เฉินเฉียวยืนรออยู่ด้านนอก ได้ยินไม่ชัด
สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่ชายคนนั้นเท่านั้น
รูปโฉมของชายคนนี้ไม่มีอะไรจะต้องเอ่ย ไม่ใช่แค่หนึ่งในร้อย ในพัน ในหมื่น ไม่ได้เวอร์เลยสักนิด พยาบาลข้างๆมองเขาอย่างหลงไหล เขินหน้าแดง
ผู้ชายคนนี้เป็นหายนะจริงๆ ใครที่เป็นภรรยาเขา คงจะต้องตามล้างตามเช็ดผู้หญิงที่มาเกาะแกะทุกวัน
ภรรยา
เฉินเฉียวนึกถึงเรื่องนี้ ถึงกับตัวแข็งทื่อ
เขามีลูกชายแล้ว ถ้าอย่างนั้นน่าจะภรรยาแล้วสิ
คืนนั้นพวกเขา …
เฉินเฉียวไม่ต้องการเป็นมือที่สาม เธอนอกใจ สิ่งที่ทำลายก็คือชีวิตคู่เธอและปู้อี้เฉิน แต่ไม่เสียดายเลยถ้าเธอจะเป็นมือที่สามแล้วไปทำร้ายชีวิตคู่ของคนอื่น
คิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกหนักอก
เมื่อเงยหน้า ก็เห็นผู้ชายคนนั้นกวักมือเรียกเธอให้เข้าไป
เฉินเฉียวเดินเข้าไปเธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนลูกหมาแสนเชื่อง โดนกวักมือเรียกแบบนั้น
เธอเชื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวเองอยู่ต่อหน้าปู้อี้เฉินออกจะหยิ่งทะนงตัว
ฉันต้องไปแล้วเธอพูด
“ ไปนั่งกินเหล้ากับพวกตาแก่หรอ”เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง
อืมเฉินเฉียวพยักหน้า “ฉันทิ้งแขกไว้ที่ไป่ฮวาซินฮุ่ย ถ้าไม่รีบไปล่ะก็มีหวังตายแน่”
“แขกที่ไหน”เหมือนเขาจะถามไปอย่างนั้น พลางห่มผ้าให้ลูกชาย
บอกไปนายก็ไม่รู้หรอก
เฉินเฉียวคิดแต่ปากมันตอบอัตโนมัติ “ที่ดินแปลงใหม่ใกล้จะปล่อยออกมาแล้ว ฉันนัดคนไปดูๆไว้ก่อน”
เขาเงียบ
เด็กที่นอนอยู่บนเตียงร้องครางเบา ๆ ปากน้อย ๆ ของเขาขยับและเขาร้องอย่างน่าสงสาร: “หม่ามี๊ เจ็บ…”
เฉินเฉียวทนฟังไม่ไหว
“นายเรียกแม่ของเด็กมาดีกว่า”
ซังหลินจวินมองตาเธอ”คุณก็อยู่นี้แล้วไม่ใช่หรอ”
“ ฉันจะทำอะไรได้ อีกอย่าง ฉันต้องไปแล้ว”เฉินเฉียวรู้สึกว่า เธอไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยังจะให้ไปเป็นแม่อีก
“ เมื่อก่อนตอนเขาเจ็บ ยายเขาก็จะเป็นคนปลอบตลอด เอาหน่า ฉันไม่ค่อยถนัด ”
เป็นน้ำเสียงที่ชัดเจนอีกครั้ง
จนกระทั่งเขาเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางให้เธอเข้ามาที่ตำแหน่งข้างเตียง