“ฉันคิดว่าคุณล้อเล่นซังหลินจวินฉันอยากจะเชื่อคำพูดของคุณ แต่หลังจากที่คุณปิดบังเรื่องการหมั้นฉันไม่รู้ว่าฉันจะเชื่อใจคุณได้อีกหรือไม่”
ซังหลินจวินรู้สึกเจ็บปวดเขารู้ว่าเขาทำร้ายเธอ แต่เขาไม่คาดคิดว่าความไว้วางใจของเฉินเฉียวที่มีต่อเขาแทบจะหมดไปแล้วในตอนนี้
เขาตบหลังเธอกอดแล้วเอาาคางพิงผมของเธอ
“เฉียวเฉียว เชื่อผมครั้งสุดท้าย ผมจะไม่ปิดบังคุณอีกตลอดไป”
“ที่จริงเรื่องที่คุณมาอยู่ที่นี้ก็เพราะซังอวี้”ซังหลินจวินไม่ได้จะปิดบังเธอเรื่องคนร้าย บอกเธอไว้อย่างน้อยก็ให้เธอระวังตัว
ซังอวี้เฉินเฉียวไม่เข้าใจว่าทำไมซังอวี้ ถึงทำเช่นนี้
“ เขาพยายามจะเอาฉันไปขู่คุณหรือเปล่า?”นี้เป็นเหตุผลที่เขาลงมือกับเธอ
แต่นั่นมันไม่ถูก เขาให้เธอเอาคนมาทิ้งที่นี้ เขาควรจะต้องการชีวิตเธอ
ระหว่างพวกเขามีความเกลียดชังที่รุนแรงและลึกซึ้ง
ซังหลินจวินส่ายหัวเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องเป็นมากกว่าฝีมือของซังอวี้เขาเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้ง คนที่ต้องการจะลงมือกับเฉินเฉียวจริงๆ ยังคงแอบอยู่ในที่ลับ
เฉินเฉียว ยังพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเธอคิดว่ามีบางอย่างบางทีเธออาจจะปกปิดเขาไม่ได้จริงๆ
“ที่จริงฉันถูกเอาไปทิ้งบนเขา อาอวิ๋นเขาช่วยชีวิตฉันไว้”
เขาหรอเมื่อซังหลินจวินพบบุคคลนั้นเขารู้สึกว่าบุคคลนั้นไม่ได้อ่อนโยนเหมือนใบหน้าของเขาราวกับว่าเขาสวมหน้ากาก
ประโยคนี้แม้ว่าเขาจะบอกเฉินเฉียวเธอก็อาจจะไม่เชื่อ
ยังไงซะคนๆนั้นก็ช่วยเธอไว้ แถมยังเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอเธอตั้งนานอีก
“ เฉี่ยวเฉียว ไม่ได้บอกว่าจะไปกินข้าวหรอ? รีบแต่งตัวเถอะ จะพาออกไป “ซังหลินจวินปล่อยมือจากคนที่เขากอดพร้อมกับรอยยิ้มในดวงตาของเขาและมืออุ่นๆสะกิดปลายจมูกของเธอเบา ๆ
เฉินเฉียวหันหน้า ทำเสียงฮึดฮัด
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการถามคำถามและตอนนี้เขาหยุดหัวข้อนั้นกะทันหันซึ่งน่ารำคาญจริงๆ!
แต่ถึงอย่างนั้นตาเธอก็ยังคงฉายแววความสุข
เธอเข้าใจว่าเขาหยุดหัวข้อนั้นกะทันหันเพราะเขาไม่อยากให้เธอคิดเรื่องแย่ ๆ
เธอเข้าใจความหวังดีของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเธอควรขอโทษอาอวิ๋นจริงๆ
ตอนเดินออกไปไปมือของทั้งสองก็จูงกันแน่น
แม้ว่าเฉินเฉียวจะเป็นคนขี้อายแต่เธอก็ต้องบอกว่าเธอรู้สึกมีความสุขในใจเหมือนกับความรักนี้
ตอนแรกซางหลินจวินจะพาเธอไปกินอาหารอร่อยๆ
แต่เขาลืมไปว่านี่ไม่ใช่ในเมืองเลยพาเธอไปร้านอาหารสักร้านหนึ่ง
นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขานอกจากพวกชาวบ้านจะมีข้าวกิน พวกเขาก็ทำอาหารเองเทานั้น
โชคดีที่ซังอวิ๋นฝากอาหารไว้ให้พวกเขาสองคน
ซังหลินจวินนั่งอยู่บนม้านั่งไม้มองไปที่อาหารง่ายๆบนโต๊ะดวงตาของเขาลังเล
ยังไงซะมันก็เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ชามและตะเกียบนั้นชาวบ้านเคยใช้แล้ว
เขาถือตะเกียบไว้ในมือและไม่ขยับ
“ ทำไมไม่กินล่ะ”เฉินเฉียวรู้สึกงงงวยเมื่อเห็นเขานั่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้กินอาหารสักคำ
แต่เมื่อเธอเห็นเขามองไปที่ชามกระเบื้องเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นพวกรักความสะอาดนิดหน่อย
เธอมองไปที่ชามของเธอและมองไปที่ชามของเขาแล้วถอนหายใจเบา ๆ
เธอลุกขึ้น สับเปลี่ยนตะเกียบของเธอกับเขา: “กินเถอะ ชาวและตะเกียบของฉันอาอวิ๋นเอามาเอง นอกจากฉันแล้วไม่มีใครเคยใช้มาก่อน”
เมื่อซังหลินจวินได้ยินดังนั้นเขาก็หยิบมันขึ้นมาและกินทันที
เฉินเฉียวส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก
หลังอาหารซังหลินจวินไปคุยกับเจียงอี้ฝาน เกี่ยวกับเรื่องออกจากหมู่บ้าน
เฉินเฉียวไปที่ห้องวาดรูปของซังอวิ๋น
ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปเธอเคาะประตูจนกระทั่งเธอได้ยินคำว่า “เข้ามา” จากข้างในเธอจึงเปิดประตูและเดินเข้าไป
จะกลับแล้วหรอ?เขาถือพู่กันในมือดวงตาของเขาจดจ่อราวกับว่าจิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับภาพวาด
เฉินเฉียวไม่ต้องการรบกวนเขาในขณะที่เขากำลังวาดภาพ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดเขาก็พยักหน้าช้าๆ
“ใช่ ฉันหายไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้จะกลับแล้ว บริษัทยังต้องการฉันอยู่ อาอวิ๋นตอนนี้ฉันแกร่งกว่าเมื่อก่อนเยอะ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ไปหาฉันที่รื่ออันได้นะ”เธอยื่นนามบัตรของเธอและตบไหล่เขาด้วยรอยยิ้ม
โชคดีที่ซังอวิ๋นนั่งอยู่บนเก้าอี้มิฉะนั้นเธอจะไม่สามารถแตะเขาได้
ซังอวิ๋นยื่นมือซ้ายออกไปรับนามบัตรแล้วดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็ลูบผมเรียบๆของเธอและยิ้มด้วยความโล่งใจ: “คุณไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัวเหมือนตอนแรกแล้ว เฉียวเฉียว ผมไม่ได้อะไรจะพูดกับคุณเป็นพิเศษ แค่อยากพูดกับคุณว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะคอยอยู่ข้างหลังคุณ เหมือนกับตอนนี้ผมเป็นพี่ชายที่สนิทที่สุดของคุณ จะไม่เปลี่ยนแปลง”
“ฉันเข้าใจ”เฉินเฉียวรู้ว่าอาอวิ๋นยังคงเป็นเด็กน้อยที่คอยปกป้องเธอและเขาไม่เคยเปลี่ยนไป
เฉินเฉียวพบว่าเธอมีเรื่องจะพูดมากมาย แต่เมื่อเธอเผชิญหน้ากับเขาจริงๆเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
เธอยังจำสิ่งที่เธอสัญญากับเขาไว้ได้ตอนอยู่กับเขาในหมู่บ้านเสี่ยวเหลียน แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้เธออดไม่ได้ที่จะขอโทษจากใจ
“อาหวิ๋น ฉันขอโทษ”เฉินเฉียวขอโทษในสิ่งที่เธอรับปากไปแล้วแต่ก็ทำไม่ได้
“ไม่เป็นไร เฉียวเฉียวไม่ต้องขอโทษหรอก”ซังอวิ๋นวางพู่กันที่เขาถือไว้แล้วเขาก็ยิ้มให้เธอเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ว่าแต่เขาคิดอะไรบางอย่างออกลากกระดานวาดภาพและหันไปตามทิศทางของเฉินเฉียว
“เฉียวเฉียว อันนี้สวยไหม”กระดานวาดภาพถูกเปิดออกต่อหน้าเธอ ซังอวิ๋นมองไปที่ภาพวาดบนกระดานวาดภาพด้วยความรักเมื่อเขาหันหน้าไปเขาก็รีบเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาภาพวาดออกจากกระดานและส่งให้เฉินเฉียว “ภาพวาดนี้เป็นของขวัญสำหรับคุณตอนจากผมไป”
เฉินเฉียวประหลาดใจและไม่เชื่อในสายตาตัวเอง
นี่คือ…เฉินเฉียวมองไปที่ฉากที่คุ้นเคยและคนบนกระดาษได้ชัดว่าเป็นฉากที่เธอเป็นแบบให้เขาเมื่อวานนี้
คราวนี้ภาพเป็นสีและเขาวาดด้วยสีซึ่งดูเหมือนจริงมากขึ้น
มันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ซังอวิ๋นมองไปที่ดวงตาเฉินเฉียวและยิ้ม: “เฉียวเฉียว แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่มีฐานะมาก แต่ผมก็มีฝีมือแบบนี้เท่านั้นไม่มีอย่างอื่นที่จะช่วยคุณได้ แม้ว่าภาพวาดนี้จะดูเรียบง่าย แต่ก็วาดให้คุณหลังจากที่เราได้พบกันอีกครั้งผมหวังว่าจะให้คุณไว้เป็นที่ระลึก ”
เฉินเฉียวลูบภาพวาดเบา ๆ ด้วยมือของเธอหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวขอโทษ: “อาอวิ๋นฉันไม่ได้ทำตามที่ฉันสัญญาไว้กับคุณ แต่คุณก็ยังให้ของขวัญฉันอีก เอาอย่างนี้ไหม พวกเราออกจากที่นี้ไปด้วยกันไหม “