เฉินเฉียวมองไปที่เขาและหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
เด็กน้อยตะโกนเรียก ‘หม่ามี๊’ บนเตียงทำให้เธอสะเทือนใจ
เฉินเฉียวเห็นพ่อเขานิ่งเฉย จึงไม่มีทางเลือกยื่นมือไปกุมหลังมือของเด็กน้อยเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นถาม :“แบบนี้หรอ”
สายตาของซังหลินจวินมองไปที่บนมือเธอ
นิ้วขาวสะอาดเรียวยาวของเธอ ในคืนนั้นมือคู่นั้นเคยลูบไล้ไปทั่วร่างกายเขา
ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ชอบทำให้คนอื่นปวดหัวอยู่เรื่อย แถมยังทิ้งรอยกัดไว้ตามตัวเขาอีก แต่พอเป็นมิตรขึ้นมาก็รู้สึกอยากจะครอบครอง ถ้าเธอไม่ร้องไห้ฟูมฟายในคืนนั้น เธอคงจะเสร็จเขาไปแล้ว
นายกำลังคิดอะไรอยู่เฉินเฉียวไม่ได้ยินเขาตอบ แต่เห็นเขาเอาแต่จ้องมองเธอเลยถามอีกครั้ง
ชายคนนั้นละสายตาไป มองไปที่เด็กน้อย “ก็ประมาณนี้แหละ แค่เขาไม่ร้องว่าเจ็บก็โอเคแล้ว ”
เฉินเฉียวไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ เธอก็มองไปที่หน้าของเด็กน้อยด้วย
ใบหน้าเล็ก ๆ อ้วนๆของเขาเหมือนหมั่นโถวเล็กๆน่ารักจริงๆ เหมือนว่าจะเจ็บคิ้วน้อยๆขมวดเล็กน้อยทำให้ทนดูไม่ได้
เฉินเฉียวกุมมือเด็กน้อยเบาๆอย่างเอ็นดู”เกิดอะไรขึ้นกับเขา “เฉินเฉียวถามชายที่อยู่ข้างหลังเขา “พยาบาลบอกว่าอาการเล็กน้อย มันจะเล็กน้อยได้ยังไง ถึงขนาดเป็นลมหมดสติ”
หอบหืด คนอื่น ๆ หายใจไม่ออกด้วยโรคหอบหืดแต่เด็กคนนี้จะเป็นลมเมื่อเขาป่วย ”
เป็นหนักไหม
ซังหลินจวินสบตาของเธอทั้งส่ายหัวและพยักหน้า “ถ้าดูแลดีๆ ก็ไม่อันตรายถึงชีวิต”
เฉินเฉียวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แม้ว่าจะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้เจ็บปวดทรมานได้
ว่าแต่เฉินเฉียวคิดอะไรออกบางอย่าง “คุณแต่งงานหรือยัง”
ซังหลินจวินสอดมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกงของเขามองเธอหัวจรดเท้า”อะไรนะ”
เฉินเฉียวหยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดว่า: “ไหนๆนายก็แต่งงานแล้ว ลูกนายก็โตขนาดนี้แล้วไม่ควรที่จะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแบบนั้น”
ชายคนนี้ดูเหมือนจะยิ้ม นี่เขาถูกผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้สั่งสอนหรอ
“ไม่บอกตัวเองก่อนหรอ เข้มงวดกับคนอื่นแต่ตัวเองกลับ ทำตรงกันข้าม ”
เฉินเฉียวรู้สึกละอายใจและใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว สถานะของเธอในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติเลยสักนิดที่จะเที่ยวไปสั่งสอนคนอื่น แต่ปากเธอดันไม่ยอมแพ้ “มันไม่เหมือนกัน”
“ ไม่เหมือนยังไง ไหนลองบอกมาสิ”ดูเหมือนเขาค่อนข้างสนใจ
ฉัน….ท้ายที่สุดเฉินเฉียวไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวเองและปู้อี้เฉินเธอกลืนคำพูดนั้นกลับไปมีเพียงเสียงต่ำๆ: “ฉันไม่อยากเป็นมือที่สามที่ไปทำลายงานแต่งของใครเค้า”
คำพูดของเธอทำให้ชายคนนั้นหัวเราะ
เฉินเฉียวรู้สึกไม่พอใจ รอยยิ้มนั้นเหมือนว่ากำลังดูถูกเธอ เธอรู้สึกหงุดหงิด “นายหัวเราะอะไร”
ซังหลินจวินก้มหัวลงมามองเธอใกล้ ๆ “ก็แค่คืนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเกินเลย จะไปทำลายงานแต่งใครได้”
ทันใดนั้นเขาก็เดินเข้ามาประชิดตัว ทำให้สมองของเฉินเฉียวว่างเปล่า
เนื่องจากเธอดื่มเหล้ามา รู้สึกขาดอากาศ เหมือนจะเป็นลม
เธอถอยออกไปโดยสัญชาตญาณ เข่าติดขอบเตียง ร่างเธอเซลงไปทางเตียงข้างหลัง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเด็กน้อยนอนอยู่ สองมือก็เอื้อมไปเกาะผู้ชายด้านหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
ซังหลินจวินเหยียดแขนออกเพื่อรับเธอไว้ในอ้อมกอด
เธอถูกกอดเบา ๆ ในอ้อมแขนของเขาและทั้งสองก็ตัวแนบชิดติดกัน
เฉินเฉียวฉุกคิดขึ้นมาได้เธอดึงคอเสื้อของเขาและหันไปมองคนเด็กน้อยนอนอยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นว่าเขายังคงนอนหลับอย่างสบายเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อหันกลับไปไม่นึกว่าจะใกล้ผู้ชายคนนั้นขนาดนี้และแก้มของเธอก็แตะคางของผู้ชายคนนั้น
ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับลูกกระเดือกสุดเซ็กซี่ของเขา
เขาหายใจแรงและมองลงไปที่ดวงตาของเธอ
ร่างกายเฉินเฉียวว้าวุ่นไปหมดคนทั้งสองคนร่างใกล้ชิดติดกัน เธอสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาทางกายภาพของผู้ชายคนนั้น
มันทั้งร้อนและทั้งแข็งเหมือนแท่งเหล็กที่กำลังทิ่มแทงเธอ
มีเหงื่อออกจากปลายจมูกของเธอและเธอบังคับตัวเองไม่ได้
ครั้งก่อนที่เธอดื่มจนเมาแล้วมีปากเสียงกับเขา ตอนนั้นเองเธอก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
แต่ตอนนี้เธอมีสติ
เธอรู้ดีเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ท่าทางอันคลุมเครือของทั้งสอง อันตรายยิ่งนัก
เฉินเฉียวสูดลมหายใจและผลักไหล่ของเขาออก”ไม่เป็นไร ฉันยืนเองได้”
ซังหลินจวินมองใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเขาไม่ได้ทำอะไรกับเธอ เขาปล่อยมือเธอท่าทางแข็งทื่อ ปฏิกิริยาตอบสนองมันก็แค่ภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้น
เฉินเฉียวกล่าว “ขอบคุณ” เธอไม่ได้มองมาที่เขาอีกแต่พูดว่า: “ฉันขอตัวก่อนนะ”
อืมเขาไม่รั้งเธอไว้อีก เสียงตอบอย่างแผ่วเบา เขาไปส่งเฉินเฉียวที่ประตูและยื่นมือเปิดประตูห้องให้เธอ เฉินเฉียวเพิ่งก้าวไปได้เพียงหนึ่งก้าวก็ได้ยินเขาพูด: “ฉันยังไม่ได้แต่งงาน”
เฉินเฉียวหยุดก้าว
ยังไม่แต่งงาน? แต่เขามีลูกชาย ดูเหมือนว่าจะพยานรักตัวน้อยในวัยเยาว์
จากนั้นเฉินเฉียวฉุกคิด นี่มันไม่เกี่ยวอะไรฉันเลย
เมื่อหันมองกลับไปเธอมองชายคนนั้นและพูดอย่างชัดเจนว่า: “ฉันแต่งงานแล้ว”
ซังหลินจวินหน้าบึ้ง
เฉินเฉียวไม่สนใจเขาและเดินจากไป
————
ทันทีที่ประตูห้องคนไข้ปิดลงเด็กน้อยที่กำลังนอนเงียบ ๆ อยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น
ถอนหายใจ
ส่ายหัว
“ผมอุส่าแกล้งหลับนะ พ่อนี่ใช่ไม่ได้เลยจริงๆ”
ซังหลินจวินมองไปที่เด็กคนนั้นตบหัวเบาๆ”นอนลง”
ซังโย่วอีนอนลงตามคำสั่ง
ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่พ่อเขา”พ่อชอบเธอไหม”
พ่อของเขาไม่สนใจ
เด็กน้อยไม่หยุดพูด“ คุณน้าขี้เมานี่ไม่ทันคนเลยสักนิด ถ้าพ่อเอาเธอเป็นเมียผมตายแน่ เรื่องเดียวไม่พอ ยังต้องมาปวดหัวสองเรื่อง
ซังหลินจวินถาม “ใครบอกว่าพ่อชอบ”
“คุณยายบอก”ซังโย่วอีเบะปาก” คุณยายให้ผมซุ่มดูที่ตรงประตูทางเข้า เห็นคุณน้าสวยๆคนนั้นต้องเป็นคนที่พ่อชอบแน่ๆ ”
หน้าของซังหลินจวินจริงจังมากขึ้น“ ลูกวิ่งไปหาเธอแล้วแกล้งเป็นลมหรอ”
อาจจะเป็นเพราะจูบในครั้งนั้นที่คลับ เรื่องไปถึงหูของคุณหญิงใหญ่ ตอนนี้เกรงว่าคุณหญิงใหญ่รอไม่ไหวแล้วที่จะสืบข้อมูลทั้งหมดของเฉินเฉียว
“ผมไม่ได้แกล้ง เวียนหัวจริงๆ”เด็กน้อยแก้ต่างอย่างจริงจัง
ซังหลินจวินมองหน้าอันซีดเซียวของลูกชาย อดดุไม่ได้ “คุณย่าเป็นห่วงแบบนี้หรอ”
“ คุณย่าบอกว่าถ้าพวกเราไม่ช่วยกันกลัวว่าชีวิตนี้พ่อจะหาแฟนไม่ได้ งั้นชีวิตนี้ผมก็ไม่มีหม่ามี๊ . แต่ว่า พ่อครับ คุณน้าขี้เมาบอกว่ามีสามีแล้วทำยังไงดี ”
ซังหลินจวินหน้าบึ้งอีกครั้ง ท้ายสุดกล่าวเพียงว่า “ช่วยไม่ได้”