“ทำไมว่าที่เจ้าสาวของหลินจวินไม่อยู่ล่ะ หรือว่าหลินจวินล้มเลิกความคิดแล้ว……”
เพราะซังหลินจวินร้อนรนใจมาก ระยะห่างจากห้องโถงไปห้องน้ำถูกเขาลดจนให้เหลือแค่สองนาที
แต่ว่าตอนที่เขาไปถึงห้องน้ำ ประตูที่เคยปิดสนิทกลับเปิดกว้าง
เขาขมวดคิ้วแน่น มองเข้าไปข้างในอย่างกังวลใจ แต่กลับเห็นเงาของคนที่คุ้นเคยกำลังกอดผู้หญิงที่เขารักอยู่
นัยน์ตาดุเดือด อยากจะต่อว่าด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะจำได้ว่าตอนนี้เฉินเฉียวร่างกายไม่สบาย เห็นเหตุการณ์แบบนี้ เขาคงจะเข้าใจผิดจริงๆ
ถึงแม้ตอนนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาเข้าใจผิด แต่ในใจก็ไม่สบอารมณ์อยู่ดี เพราะใครก็ไม่อยากเห็นผู้หญิงที่ตัวเองรักอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนอื่น
เขาก้าวเดินไปไม่หยุด
“เฉียวเฉียวเธอเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ซังอวินพุ่งความสนใจทุกอย่างมาที่เฉินเฉียว ท่อนแขนข้างซ้ายโอบเอวเฉินเฉียวไว้ สีหน้ามีแต่ความกังวล
ที่มาคฤหาสน์ตระกูลซังวันนี้ เพราะสายของซังอวินที่อยู่ในตระกูลซังรายงานเขาว่าที่นี่มีงานเลี้ยง
แล้วซังหลินจวินจะมาพร้อมกับว่าที่เจ้าสาว
พอนึกถึงคำพูดที่ซังหลินจวินเคยพูด จึงเดาได้ไม่ยาก
ซังอวินไม่อยากโผล่ไปหาเฉินเฉียวต่อหน้า ถ้าเขาโผล่มากลางงานเลี้ยงตระกูลซัง เฉินเฉียวคงสงสัยจุดประสงค์ที่เขามาเข้าใกล้เธอแน่ๆ
เพราะความฉลาดของเธอ ซังอวินไม่เคยมองข้ามเลย
สติของเฉินเฉียวเริ่มมัว ความปวดท้องทำให้ร่างกายเธออ่อนแอ
ในตามีแต่ม่านน้ำตา จนมองคนตรงหน้าไม่ชัด
เธอคิดว่าคนที่มาคือซังหลินจวิน
ใบหน้าที่ซีดขาวพยายามฝืนยิ้ม ยื่นมือไปจับท่อนแขนบนเอวตัวเองแล้วส่ายหน้า “อย่าเป็นห่วง ฉันไม่เป็นอะไร”
ซังอวินเห็นสภาพที่อ่อนแรงของเธอ แต่ยังแกล้งไม่เป็นอะไร ในใจเลยเป็นห่วง อ้อมกอดจึงกอดแน่นไปกว่าเดิม
“ปล่อยมือ”
เสียงริมฝีเท้าที่ก้าวเดินเข้ามาพร้อมเสียงเอ่ยที่เยือกเย็นลอยเข้าหูซังอวิน
เขาอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เงยหน้าไปทางต้นเสียง
ซังหลินจวินที่ใส่เสื้อสูทเต็มยศ สีหน้าเย็นชาจนถึงขีดสุด
แต่สายตาที่แหลมคมคู่นั่นกลับจ้องมองมาที่เขา
คนในอ้อมกอดก็รู้สึกบางอย่างผิดปกติ เอียงศีรษะไปดู พอเห็นเงาที่เยือกเย็นนั้นจึงรีบดิ้นออกจากแขนที่ตรึงตัวเองไว้
ซังอวินไม่อยากปล่อยมือ แต่เขาก็ไม่อยากทำร้านเฉินเฉียว แขนที่กอดไว้แน่นจึงค่อยๆคลายออก
ซังหลินจวินก้มลงไปรับตัวเฉินเฉียวมา
ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเฉินเฉียว เลยไม่ได้สนใจเงาของคนอีกคน รีบอุ้มตัวเธอจากไปทันที
จนกระทั่งออกไป เขาก็ไม่ได้ถามซังอวินด้วยคำถามโง่ๆว่าทำไมถึงอยู่ที่นี่
เพราะความจริงก็วางไว้ตรงหน้าอยู่แล้ว
น้องชายในนามของเขาก็คือซังอวินที่เฉินเฉียวรู้จัก
ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งสองคนเป็นคนคนเดียวกัน
“คุณชาย คุณผู้หญิงเป็นอะไรเหรอครับ” อวี้เฟยเพิ่งมาถึง คิดไม่ถึงเลยว่า พอลงรถ ก็เห็นคุณชายอุ้มคนออกมาอย่างร้อนรน
ซังหลินจวินต้องการคนช่วยเหลืออยู่แล้ว ตอนมาไม่รู้ว่าคนขับรถไปไหน ซังหลินจวินเลยสั่งอวี้เฟยแทน “รีบไปขับรถ ไปโรงพยาบาล”
“ครับคุณชาย” อวี้เฟยไม่ได้ถามอะไรมาก รอคุณชายอุ้มคุณหญิงขึ้นมา จึงออกรถทันที
พอไปถึงโรงพยาบาล ซังหลินจวินพาเธอไปที่คลินิกผู้ป่วยนอกทันที
เพราะตอนนี้คือตอนบ่ายพอดี นี่เป็นช่วงเวลาที่คนเยอะที่สุดในโรงพยาบาล
ทั้งคลินิกผู้ป่วยนอก มีคนเบียดไปเบียดมา ซังหลินจวินไม่สบอารมณ์ อุ้มเฉินเฉียวไปทางหน้าประตู
“หมอครับ หมอช่วยดูอาการภรรยาผมหน่อยว่าเธอเป็นอะไร”
ดักคุณหมอที่ดูอายุน้อยที่กำลังจะไปพอดีได้ ซังหลินจวินจึงเอ่ยถามทันที
บนใบหน้าของหมอคนนั้นมีแว่นตาสีเงิน ถูกดักไว้แบบนี้ก็ไม่โกรธ
เขาสำรวจผู้หญิงหน้าซีดเหมือนกระดาษในอ้อมแขนผู้ชาย จากนั้นก็ยื่นมือไปจับข้อมือเธอ
พอซังหลินจวินเห็นหมอยื่นมือมา เลยห้ามไว้แล้วถาม “คุณจะทำอะไร?”
คุณหมอดันแว่นตาขึ้น แล้วยิ้มอ่อน “คุณผู้ชาย ผมเป็นแพทย์แผนจีน ก็ต้องจับชีพจรภรรยาคุณสิครับ”
เขามองบัตรประจำตัวคุณหมอที่แขวนที่หน้าอก บนนั้นเขียนอย่างชัดเจนว่าแพทย์แผนจีนด้านลำไส้หลินหย่วน
“คุณคือหลินหย่วน?” คิ้วของซังหลินจวินคลายออก เขาเคยได้ยินมาว่าหลินหย่วนเป็นแพทย์แผนจีน ถึงแม้จะไม่เคยเจอหน้าเขา แต่ความรู้สึกบอกเขาว่า หลินหย่วนตรงหน้าเป็นคู่หมั้นของซังเวย
“คุณรู้จักผม?” หลินหย่วนสำรวจผู้ชายตรงหน้านานมาก แน่ใจว่าเขาไม่เคยเจอเขา
แต่ว่าสายตาของเขาเขียนว่ารู้จัก
ในใจเลยอดสงสัยไม่ได้
“โอ๊ย” เฉินเฉียวกุมท้องไว้แล้วโอดครวญ
หลินหย่วนไม่สนใจความสงสัยของตัวเอง แล้วเอ่ยกับซังหลินจวิน “คุณผู้ชาย คุณพาภรรยาคุณไปนั่งที่เก้าอี้ยาวเถอะครับ เธอเหมือนจะปวดมาก เดี๋ยวผมจะตรวจดูอาการให้ก่อน”
ซังหลินจวินไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เลยเชื่อฟังคำแนะนำของผู้ชำนาญ
ซังหลินจวินปล่อยเฉินเฉียว พยุงตัวเธอไปที่เก้าอี้ยาวข้างๆ
เห็นว่าหน้าผากเธอเหงื่อตก เลยใช้แขนเสื้อเช็ดให้เธออย่างเป็นห่วง
หลินหย่วนเป็นคนที่อ่อนโยนอยู่แล้ว เพราะครอบครัวเลยเป็นคนที่ชื่นชมคู่สามีภรรยาที่รักกันมาก
มองเห็นคู่สามีภรรยาตรงหน้า ถึงแม้จะอยู่ในสายตาคนนอก แต่ก็มองออกว่าพวกเขารักกันมาก
ในใจเลยรู้สึกดีกับพวกเขาไปด้วย
หลินหย่วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้มลงไปยื่นมือไปที่ข้อมือเฉินเฉียว
ผ่านไปสักพัก ในสายตาก็มีทั้งความโล่งใจกับความหนักใจ
เขาเอ่ยถาม “คุณผู้ชาย ภรรยาคุณทานยาระบายเยอะเกินไปหรือเปล่าครับ ผมเห็นว่าร่างกายเธออ่อนแรง เหงื่อตก ปวดท้อง ต้องทานอะไรมาผิดแน่นอน ชีพจรของเธอเต้นเบาด้วย เหมือนทานของที่ระบายลำไส้”
ในใจซังหลินจวินโมโหมากจนถึงขีดสุด
ทีแรกเขาคิดว่า ป้าหลี่แค่เชื่อฟังหวังอี๋จวินให้เฉียวเฉียวกินอาหารเผ็ด เลยไม่สบายท้อง
ตอนนี้ได้ยินที่คุณหมอพูด จึงเข้าใจทันที เฉินเฉียวถูกคนวางยาชัดๆ
แล้วตัวการที่เป็นคนวางยา ไม่มีทางเป็นคนอื่นแน่นอน
หวังอี๋จวิน
ซังหลินจวินกัดฟันแน่นแล้วพูดชื่อนี้ซ้ำไปซ้ำมาอย่างโกรธแค้น
หักห้ามความโกรธของตัวเองไว้ ซังหลินจวินจึงเอ่ยถาม “คุณหมอหลิน ภรรยาผมต้องนอนโรงพยาบาลไหมครับ?”
หลินหย่วนมองสีหน้าที่ซีดขาวของผู้หญิง เลยพูดกันไว้ “สีหน้าภรรยาคุณไม่ค่อยดีมาก ไม่รู้ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า ตรวจร่างกายให้แน่ใจก่อนดีกว่า คุณไปทำเรื่องแอดมิทก่อนก็ได้ครับ”
“ขอบคุณครับ” ซังหลินจวินพยักหน้า