“พ่อครับ ผมรู้ว่าพ่อเป็นห่วงพี่เฉียว ถึงแม้พ่อจะเครียดหน้าบึ้งแบบนี้ก็ช่วยอะไรพี่เฉียวไม่ได้ พ่อต้องใจเย็นๆ นั่งอยู่ที่นี่ดีๆเถอะครับ” โยว่อีเขย่งเท้าขึ้น แล้วใช้มือนุ่มๆตบบ่าพ่อตัวเองเบาๆ
ซังหลินจวินรู้สึกตลกกับท่าทางโยว่อี แต่ก็ยังเม้มปาก ไม่พูดอะไร แล้วแอบขยิบตาใส่โยว่อี
เป็นพ่อลูกทางสายเลือดกัน แค่ซังหลินจวินขยิบตาไม่กี่ที โยว่อีก็เข้าใจความหมายทันที
ดวงตาขยับมองไปมา จากนั้นจึงก้าวถอยหลังไป
เขาวิ่งไปหาปู่ของเขา จับมือท่านไว้แล้วเบะปาก “คุณปู่ครับ ที่นี่ไม่สนุกเลย เรากลับบ้านเถอะครับ ยังไงที่พี่เฉียวก็มีคุณพ่ออยู่แล้ว”
ซังหลีหย่วนกลัวหลานอ้อนที่สุด พอได้ยินจึงรีบตอบตกลงทันที
ซังหลีหย่วนจูงมือโยว่อีไปทางประตู ตอนทีโยว่อีกำลังจะเดินออกประตู จึงหันกลับไปส่งสายตาที่ได้ใจกับพ่อตัวเอง
ซังหลินจวินเลยยกนิ้วโป้งให้เขาทันที
รอโยว่อีกับซังหลีหย่วนเดินออกไปแล้ว แต่ในห้องยังมีอีกสองคนที่ไม่เกี่ยวข้อง
ซังหลินจวินพุ่งความสนใจไปที่กลูโคสที่กำลังให้เฉินเฉียว สายตาไม่เคยมองไปทางคนสองคนนั้นเลย
ทันใดนั้น นอกห้องพักฟื้นเฉินเฉียว มีเงาร่างสูงยืนอยู่หน้าประตู สายตาที่ดุดันจ้องมองมาที่ซังหลินจวินในห้อง
ซังหลินจวินที่นั่งอยู่เหมือนรู้สึกอะไรบางอย่าง จึงหันหน้าไปทางประตู
ซังอวี้ที่ยืนอยู่หน้าประตูรีบหลบไปข้างๆทันที
เขาหลับตาแน่น พิงแนบชิดกับผนัง ในใจโล่งอกไปที
เหงื่อที่หลังไหล่ออกมาท่วมเสื้อผ้า
เขาแอบสบถในใจ
คิดไม่ถึงจริงๆ ไหวพริบซังหลินจวินจะดีขนาดนั้น
พอยื่นหน้าออกไปดูอีกครั้ง ซังหลินจวินก็หันกลับไปนั่งเหมือนเดิมแล้ว
จะว่าไป วันนี้ที่ซังอวี้ออกมาสูดอากาศสักหน่อย
ตอนที่กำลังเดินเพลินๆ ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณลุงกับโยว่อี
ในใจเลยสงสัยว่าพวกเขามาโรงพยาบาลทำไม
พอคนไปแล้ว เลยรีบเดินมาทันที
คิดไม่ถึงเลยว่า ในห้องจะเป็นซังหลินจวิน ถ้าอย่างนี้ ซังอวี้จึงรู้ทันทีว่าใครนอนสลบอยู่
ในใจเขาแอบสะใจ
เขามาเงียบๆ แล้วจากไปเงียบๆ
พอกลับไปถึงห้องพักฟื้น เขาเลยรีบโทรหาคุณแม่ทันที
“ว่าไงเสี่ยวอวี้ ลูกมีเรื่องอะไรหรือเปล่า อยู่ดีๆถึงโทรหาแม่”
หวังอี๋จวินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เธอใส่ชุดเดรสที่หรูหรา ข้างกายมีผู้ชายที่ใส่สูทสีเข้มกำลังถือถุงช้อปปิ้งอยู่หลายถุง ดูเหมือนจะได้ของเต็มมือมาก
ตอนบ่าย หลังจากที่คนตระกูลซังออกไปหมดแล้ว หวังอี๋จวินเลยเรียกคนขับรถส่งเธอออกไปช้อปปิ้ง
กี่วันนี้เอาแต่ยุ่งกับการดูแลลูกชาย แม้แต่ไพ่นกกระจอกกับการซื้อเสื้อผ้าก็ไม่ได้แตะ วันนี้อารมณ์ดี เธอเลยออกมาปลดปล่อยสักหน่อย
ซังอวี้ได้ยินเสียงวุ่นวายทางคุณแม่ ใบหน้าจึงขมวดคิ้วอย่างอารมณ์ไม่ดี
เขาเอ่ยถามเสียงดัง “แม่ทำอะไรข้างนอก ทำให้เสียงดังขนาดนี้ แม่ออกไปช้อปปิ้งอีกแล้วใช่ไหมครับ”
ซังอวี้รู้จักนิสัยที่ไม่ดีของแม่ตัวเองดี
พอหวังอี้จวินได้ยินลูกชายถามแบบนี้ จึงร้อนตัว เสียงที่พูดเลยเบาลง “เสี่ยวอวี้ วันนี้แม่แก้แค้นให้ลูกแล้ว เลยอารมณ์ดี อยากจะซื้อของฉลองสักหน่อย เสี่ยวอวี้ เราไม่โกรธใช่ไหม”
หวังอี๋จวินอายุมากแล้ว ปกติให้ลูกชายเป็นคนตัดสินใจตลอด
ครั้งนี้ลูกชายจับได้ว่าตัวองไปช้อปปิ้งตอนที่เขายังอยู่ในโรงพยาบาล หวังอี๋จวินเลยร้อนตัว
เพราะฉะนั้น เพื่อที่จะไม่ให้ลูกชายอารมณ์เสีย เธอเลยบอกข่าวดีที่ลูกชายอาจจะดีใจนี้ทางโทรศัพท์
“แม่ทำอะไร?” ความจริงซังอวี้พอเดาได้แล้วว่าแม่ตัวเองทำอะไร แต่เขาไม่อยากเชื่อ คุณแม่ที่อ่อนแอขนาดนั้น จะกล้าทำแบบนั้น
หวังอี๋จวินมองสำรวจคนรอบข้าง เห็นว่าทุกคนไม่ได้สนใจตัวเอง เลยพูดเสียงเบากับโทรศัพท์ “เสี่ยวอวี้ ครั้งก่อนแม่ซื้อยาระบายที่โรงพยาบาล วันนี้ตอนที่เฉินเฉียวมางานเลี้ยงที่บ้าน เลยใส่ลงไปในน้ำให้มัน ลูกก็รู้จักลุงเราดีว่าให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทแค่ไหน ถ้าดื่มแก้วนั้นลงไป นางเฉินเฉียวต้องขายหน้าแน่ๆ เพราะฉะนั้น งานเลี้ยงของพวกเขา ถูกแม่ทำลายไปแล้ว”
“แม่ ผมเจอพวกเขาที่โรงพยาบาลแล้ว ขอบคุณที่ทำเพื่อผมนะครับ” ซังอวี้ตั้งสติไปสักพัก จากนั้นค่อยเอ่ยขอบคุณคุณแม่
บนโลกนี้ ทุกคนอาจจะคิดร้ายกับเขา มีแค่แม่ของเขาที่ไม่เคยทำร้ายเขาเลย
แต่กลับเป็นเขา เอาแต่สร้างเรื่องให้แม่เป็นห่วง
เขาเป็นลูกชายที่ไม่กตัญญูจริงๆ
แต่เขาก็ไม่เสียใจ ทุกอย่างที่เขาทำไปก็เพื่ออีกหน่อยแม่จะได้มีชีวิตที่สุขสบายกว่าเดิม
เป็นผู้ถือหุ้นว่างๆ แล้วได้เงินเดือนปีละหลายสิบล้าน
แม้แต่เงินที่แม่จะซื้อพวกกระเป๋าแบรนด์เนมกับเครื่องเพชรก็ไม่พอ
เขาอยากได้มากกว่านั้น
เขาอยากได้ตำแหน่งที่สูงที่สุดในหยวนเซิ่ง
ทำไมซังหลินจวินถึงได้มาอย่างง่ายดาย
เพราะว่าเขากลับชาติมาเกิดได้ดีกว่า?
เขาไม่ยอม เลยจะแย่งชิงกับเขา
ทั้งชีวิตของคนเรา ก็เอาแต่แย่งชิงทั้งนั้นแหละ
แย่งชิงกันตอนเรียน ตอนทำงาน แม้แต่ตอนแต่งงานก็ไม่เว้น
ถ้าปล่อยผ่านให้เป็นไปตามโชคชะตา โลกนี้จะยังมีความหมายอะไรอีก
พอหวังอี๋จวินได้ยินคำขอบคุณจากลูกชาย เลยรู้สึกอบอุ่นใจ
ไม่รู้ว่าในตามีน้ำตาเอ่อล้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหลลงมาหยดลงที่เสื้อ
เธอพยายามควบคุมเสียง แต่ก็กลบเสียงสะอึกสะอื้นไม่ได้
“เสี่ยวอวี้ ตอนนี้แม่กำลังซื้อเสื้อผ้าข้างนอก ลูกอยากได้อะไรหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ซื้อให้ ลูกก็ใกล้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว กี่วันนี้ดูผอมลงไปเยอะเลย เดี๋ยวแม่เตรียมเสื้อผ้าที่บ้านให้เราดีกว่า”
ซังอวี้เขาใจว่านี่เป็นความรักความห่วงใยจากแม่ เลยไม่ได้ปฏิเสธ
แต่อยู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ กี่ปีนี้คุณแม่กับเขาอยู่ที่คฤหาสน์ตลอด จนเกือบจะลืมไปแล้วว่าไม่ใช่บ้านของพวกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้โดนซังหลินจวินตัดนิ้ว ความเจ็บปวดนี้เลยทำให้เขาได้สติ
เขาควรจะกลับไปที่บ้านของตัวเอง แต่ต้องมีสักวัน อะไรที่เขาเสียไปต้องเอากลับคืนมา เขารอวันนั้น เขาเชื่อว่าวันนั้นคงไม่ไกลแล้ว
“แม่ เรากลับบ้านกัน”