หวังอี๋จวินเช็ดขอบตา รู้สึกงงชั่วขณะ ไม่เข้าใจความหมายคำว่ากลับบ้านที่ลูกชายพูด
เสียงของเธอแหบเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา “เสี่ยวอวี้ ลูกอย่าเป็นห่วง รออีกสองวันลูกออกจากโรงพยาบาล แม่จะไปรับลูกเอง”
ซังอวี้เข้าใจ คุณแม่ไม่ได้เข้าใจความหมายที่เขาจะพูด เลยพูดไปตรงๆ “แม่ครับ ผมพูดว่า กลับบ้านหลังเก่าของเรา บ้านของเราสองคนกับพ่อที่เสียไปแล้ว แม่ครับ เราไม่จำเป็นต้องก้มหน้าก้มตาให้คนตระกูลซัง ผมมีวิธีที่จะดึงซังหลินจวินลงมาจากตำแหน่งแล้วครับ”
พอนึกถึงพี่ชายที่ยอมช่วยเขา กี่วันนี้ เริ่มปฏิบัติการตามแผนแล้ว ไม่นานไอ่ซัหลินจวินนั่นคงจนปัญญาแน่
เขายิ้มอย่างเยือกเย็น
หวังอี๋จวินพยักหน้า ในใจรู้สึกอุ่นใจ ลูกชายยอมกลับบ้านของพวกเขาสักที จึงตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม
พอวางสาย หวังอี๋จวินก็ไม่มีอารมณ์ช้อปปิ้งต่อ
เธออยากจะรีบไปเก็บของของตัวเองกับลูกชายที่คฤหาสน์นั่น
กำลังจะเรียกคนขับรถยกของกลับไป
แต่ทันใดนั้นก็มีเงาของคนสองคนที่คุ้นเคยเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้า
“เอ๋ นี่คุณหญิงลู่ไม่ใช่เหรอ?” หวังอี๋จวินไม่เคยเจอแม่เลี้ยงกับน้องสาวของเฉินเฉียว แต่กี่วันนี้เธอได้ดูข้อมูลเกี่ยวกับพวกเธอแล้ว
เพราะฉะนั้นถือว่ารู้เรื่องในบ้านของเฉินเฉียวเป็นอย่างดี
อย่างเช่น ผู้หญิงที่ดูหน้าเด็ก หน้าตาสดใสตรงหน้าก็คือน้องสาวของเฉินเฉียวเฉินอิน คนที่ชอบหลานชายของเธอ
พอคิดได้แบบนี้ เลยนึกถึงเฉินเฉียวที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล เธอเลยมีไอเดียบางอย่าง
“คุณคือ?” ลู่ลี่ลี่กับเฉินอินสบตากัน ในใจสงสัย
หวังอี๋จวินยิ้มอ่อน “ลืมแนะนำตัวกับพวกคุณ ฉันเป็นอาสองของหลินจวิน อีกหน่อยก็จะเป็นอาของเฉินเฉียวด้วย”
พอเห็นทั้งสองคนงงเหมือนซื่อบื้อ เธอเลยเบิกตากว้าง เหมือนกำลังสงสัย จึงมองไปทางพวกเธออย่างไม่เข้าใจ แล้วเอ่ยถาม “ทำไมคะ หรือว่าพวกคุณยังไม่รู้”
“วันนี้เฉินเฉียวของพวกคุณไปคฤหาสน์เราแล้ว พูดมาก็แปลก พวกคุณเป็นคนในครอบครัวของเธอ ทำไมไม่ไปด้วยกัน ว่าที่เจ้าสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานมาคนเดียว ไม่สมควรจริงๆ”
หวังอี๋จวินเอาแต่บ่น เหมือนกำลังบ่นแทนเฉินเฉียว
แต่พอเฉินอินกับลู่ลี่ลี่ได้ยิน กลับรู้สึกว่าพูดแทงใจมาก
สีหน้าของทั้งสองย่ำแย่กว่าเดิม ในสายตาเฉินอินมีความโกรธกับอิจฉา ดวงตาก็เริ่มดุเดือด
แต่ว่ากี่วันนี้อยู่บ้าน เธอเรียนรู้ความใจเย็นจากคุณแม่มาบางแล้ว
หักห้ามความโกรธจนจะเป็นบ้าไว้ เฉินอินเม้มปาก ส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา “คุณอาสอง เราไม่เคยได้ยินพี่สาวพูดถึงเลยเรื่องที่เธอจะแต่งงาน ครั้งก่อนที่พี่สาวโดนลักพาตัว แล้วคนอื่นใส่ร้ายหนู ตั้งแต่ตอนนั้นความสัมพันธ์ของพี่สาวกับที่บ้านก็เริ่มไม่ดี ถ้าพี่สาวจะแต่งงานจริงๆ เราก็ดีใจกับเธอด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ อาสองบอกพวกเราได้ไหมคะว่าตอนนี้พี่สาวอยู่ไหน เราเป็นญาติเธอ เราคิดถึงเธอมาก”
เฉินอินพูดอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าจะฟังยังไง ก็ฟังไม่ออกว่ากำลังหลอกว่าอะไรเฉินเฉียว
แต่ว่า ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้ความขัดแย้งของพวกเธอ ในใจคงแอบด่าว่าอกตัญญูไปแล้ว
อีกอย่าง คำว่าอาสอง มีแค่ว่าที่ภรรยาของหลินจวินที่เรียกได้ แต่เธอเรียกแบบนี้ ดูเหมือนกำลังแสดงเจตนาออกมา
หวังอี๋จวินแอบสังเกตเฉินอิน ในใจรู้สึกพอใจกับเธอมาก
เพราะผู้หญิงตรงหน้าเหมือนดูฉลาดกว่าในข้อมูลที่ได้มา
ได้ข่าวว่าเฉินเฉียวสนิทกับน้องสาวมากที่สุด ถ้างั้นเธอส่งน้องสาวไปหา เธอคงจะรู้สึกขอบคุณมากสินะ
หวังอี๋จวินแอบสะใจในใจ แต่สีหน้าก็ยังเอ็นดู จึงตบบ่าเฉินอินเบาๆ “อย่าเป็นห่วงเลย เดี๋ยวฉันจะพาไปหาเธอเอง”
เฉินอินไม่คิดเลยว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ง่ายแบบนี้ ในใจเลยรู้สึกชื่นชมวิธีของคุณแม่มากกว่าเดิม
แต่เธอกลับพลาดสายตาที่ไม่แยแสของหวังอี๋จวิน
“แม่คะ เดี๋ยวหนูกับอาสองไปหาพี่สาว แม่ยังต้องซื้อของอีกไม่ใช่เหรอคะ? งั้นวันนี้หนูคงไปด้วยไม่ได้แล้ว” เฉินอินกอดไหล่ลู่ลี่ลี่ไว้ แล้วพูดเสียงอ้อน
“ได้ลูก ตอนนี้ ไปหาพี่เราสำคัญกว่าอยู่แล้ว” ลู่ลี่ลี่ก็ต้องเข้าใจความหมายของลูกสาวอยู่แล้ว
กี่วันนี้ ลูกสาวผ่านการอบรมจากท่าน ท่านเชื่อว่าตอนนี้ลูกสาวต้องทำให้ซังหลินจวินเซอร์ไพรส์ได้แน่นอน
ไม่แน่ ถ้าไปครั้งนี้ อาจจะแย่งว่าที่สามีของนางเฉินเฉียวมาได้ก็ไม่แน่
พอนึกถึงว่าอีกหน่อยอาจจะเป็นแม่ยายของผู้บริหารหยวนเซิ่ง ในใจท่านเลยสนับสนุนมาก
มองเห็นลูกสาวเดินไปกับอาสองของซังหลินจวิน ลู่ลี่ลี่ค่อยก้าวขาเดินจากไป
เมื่อกี้ที่เพิ่งส่งเฉียวยวี่หวินกับซังอวินที่ไม่ยอมออกไปเสร็จ โทรศัพท์ของซังหลินจวินที่อยู่กระเป๋าจึงดัง
“แย่แล้วครับคุณชาย ธุรกิจครั้งก่อนที่คุณบินไปคุยกับเอลลิสที่อังกฤษ เขาบอกจะยกเลิกครับ” ยวี้เฟยรีบเอ่ยพูดอย่างร้อนใจ จากความเร็วที่เขาพูด เขาคงต้องร้อนรนแน่ๆ
“อะไรนะ? นายพูดอย่างละเอียดอีกรอบ” พอรับโทรศัพท์ ก็ได้ยินข่าวใหญ่ขนาดนี้ ซังหลินจวินเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงออกไปถามที่ทางเดิน
อวี้เฟยที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ก็ใจร้อนมาก เขาเพิ่งส่งคุณชายกับคุณหญิงไปโรงพยาบาล ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าอารมณ์คุณชายไม่ดี ไม่คิดเลยว่า พอกลับไปถึงบริษัท จะได้ยินข่าวใหญ่แบบนั้น
ดูเหมือนว่า เรื่องที่ไม่ดี จะเกิดพร้อมกันทั้งหมด
กับคำถามที่คุณชายถาม อวี้เฟยเลยเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง
“ได้ รอฉันกลับไป” ซังหลินจวินเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจไป
ที่ซังหลินจวินให้ความสำคัญกับโปรเจ็คนี้ ไม่ใช่เพราะค่าตอบแทนที่ตกลงกับเจียงอี้ฟาน
ที่สำคัญกว่านั้น โปรเจ็คนี้จะเป็นหนูทดลองที่เขาจะตีตลาดอังกฤษ
ที่ให้ยื่ออังของเฉินเฉียวเป็นตัวแทน ก็เพราะว่าเคยร่วมงานกับพวกเขาหลายครั้งแล้ว
ยื่ออังใจโลภมาก พวกเขาไม่สนใจว่าจะย่อยโปรเจ็คนี้ได้หรือเปล่า
แต่ที่พวกเขาสนใจคือ ถ้าได้โปรเจ็คนี้แล้วจะนำพาผลประโยชน์อะไรมาให้ต่างหาก
ซังหลินจวินมาคิดดูดีๆ จึงตัดสินใจที่จะกลับบริษัท
แต่ว่าตอนนี้เฉินเฉียวยังสลบอยู่ เขาไม่วางใจเลย
แต่ว่า เขารู้ว่าเวลานี้ ใครควรจะมาดูแลเธอ