ซังหลินจวินรอเจียงฉยงฉยงมาถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยไปบริษัท
ตอนที่เจียงฉยงฉยงเดินไปข้างเตียงที่เฉินเฉียวนอนอยู่ ใบหน้าที่สวยงามมีแต่ความกังวล
เธอเห็นซังหลินจวินที่กำลังจะไป จึงไปขวางเขาไว้
“ประธานซัง คุณยุ่งมากสินะ เฉียวเฉียวยังไม่ฟื้น คุณก็จะไป ไม่รู้สึกผิดกับเธอเหรอ?”
เจียงฉยงฉยงรู้ว่าวันนี้พวกเขาไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ตระกูลซัง แต่อยู่ดีๆกลับมานอนที่เตียงคนป่วยแบบนี้ ไม่รู้ว่าเฉียวเฉียวถูกรังแกอะไรมาบ้าง
นี่จะให้เธอก้มหน้าก้มตาทนได้ยังไง
ซังหลินจวินโดนเจียงฉยงฉยงขวางไว้แต่ไม่โมโห เขารู้ว่าที่เจียงฉยงฉยงโทษเขาก็เพราะเป็นห่วงเฉินเฉียว
ทีแรกฝีเท้าที่อยากรีบไปบริษัท จึงจำเป็นต้องหยุด
เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจียงฉยงฉยงฟัง
“ที่แท้เป็นแบบนี้?” พอเจียงฉยงฉยงรู้เรื่องหมดแล้ว ในใจเลยรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ที่บริษัทคุณยังมีธุระที่ต้องจัดการใช่ไหมคะ ถ้ามี คุณก็รีบไปเถอะค่ะ ที่นี่มีฉัน ฉันจะดูแลเฉียวเฉียวเอง” เจียงฉยงฉยงตบหน้าอก พูดอย่างมั่นใจ
“ขอบคุณ” ซังหลินจวินขอบคุณเจียงฉยงฉยงอย่างจริงใจ คำขอบคุณของเขาไม่ใช่เพราะวันนี้ที่เธอดูแลเฉินเฉียว แต่เป็นตอนที่เฉินเฉียวเสียใจแต่ไม่เคยทิ้งเธอไว้คนเดียว
พอพูดแบบนี้ เขารู้ว่าเขาทำได้ไม่เท่าเธอ
เจียงฉยงฉยงก็แค่เพื่อนของเฉินเฉียว แต่กลับอยู่ข้างเธอได้ตอนที่เธอต้องการ
แต่เขากลับทิ้งเธอเพราะเรื่องในบริษัทหรือเรื่องในบ้าน
ซังหลินจวินรู้สึกผิดกับเฉินเฉียวมาก
แต่ใจเขาก็รู้สึกโชคดี เพราะเจียงฉยงฉยงไม่ใช่ผู้ชาย ไม่งั้นเฉินเฉียวอาจจะชอบเธอก็ได้
เจียงฉยงฉยงไม่รู้ว่าผู้ชายที่มาดเข้มตรงหน้ากำลังคิดแบบนั้นอยู่
เธอส่ายหน้าอย่างเขินอายเล็กน้อย
ซังหลินจวินยังเป็นห่วงเรื่องในบริษัท เลยไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากทอดมองเฉินเฉียวที่นอนอยู่บนเตียงแล้วค่อยจากไป
ตอนที่เฉินอินกับหวังอี๋จวินมาถึงโรงพยาบาล รถก็ขับผ่านรถของซังหลินจวินพอดี แต่ซังหลินจวินที่นั่งอยู่ข้างหลังกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เลยไม่เห็นคนที่คุ้นเคยในรถอีกคัน
แต่กลับเป็นเฉินอินที่สนใจซังหลินจวินมาโดยตลอด แว็บแรกที่เห็นรถของเขา ก็รู้เลยว่าใครนั่งอยู่ในรถ
หลังจากที่ออกจากบริษัท เธอไม่ได้เจอเขานานแล้ว
เหมือนเขาว่ากันว่า ไม่ได้เจอแค่วันเดียวเหมือนนานเป็นชาติ
แต่เฉินอินกลับรู้สึกว่าเธอไม่ได้เจอเขานานมากๆๆๆๆๆ นานจนเธอรู้สึกว่าผ่านแต่ละวันไปอย่างยากลำบาก
มีแค่เจอเขาทุกคืนในฝัน ถึงรู้สึกว่าชีวิตมีความสุข
แต่การนอนช่างสั้นเหลือเกิน เธอมองเขาแค่นั้นไม่พอหรอก
หวังอี๋จวินนั่งอยู่ข้างเฉินอิน ก็ต้องรู้ปฏิกิริยาของเธออยู่แล้ว
พอเห็นเธอตอนที่เธอเห็นรถของซังหลินจวินเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ใบหน้าที่ทุกข์ใจแบบนั้น เลยแอบมองบน
เธอรู้สึกว่าเมื่อกี้สายตาตัวเองอาจจะผิดพลาด
ผู้หญิงที่เพ้อเจ้อตรงหน้าคนนี้ที่เธอไว้ใจ เธอจะทำให้เฉินเฉียวกับซังหลินจวินมีปัญหากันได้
เธอแอบถอนหายใจ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ในใจเธอก็ไม่หวังอะไรมาก ถ้าทำให้เฉินเฉียวกับซังหลินจวินอยู่ไม่เป็นสุขได้ แค่นี้ก็บรรลุเป้าหมายของเธอแล้ว
หวังอี๋จวินสะกิดเฉินอินเบาๆ เลยทำให้วิญญาณของผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าร่าง
เฉินอินดึงสติกลับมา พอเห็นอาสองของซังหลินจวินมองตัวเองอย่างเป็นห่วง เลยแสดงสีหน้ารู้สึกผิด “อาสอง ขอโทษนะคะ เมื่อกี้หนูนึกถึงเรื่องที่เสียใจเลยเหม่อ ขอโทษจริงๆนะคะ”
หวังอี๋จวินทำหน้าเข้าใจ แล้วตบมือปลอบเธอเบาๆ “ท่าทางของคนหนุ่มสาวอย่างเรา อาก็เคยเจอตอนที่ยังสาว ตอนนั้น ตอนที่อากำลังคบกับพ่อซังอวี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่เจอแค่วันสองวัน ก็วิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง เพราะฉะนั้น หนูไว้ใจได้ อาไม่หัวเราะหนูหรอก”
พอหวังอี๋จวินพูดจบ ใบหน้าของเฉินอินก็แดง เธอจับหน้าแล้วเอ่ยอย่างเขินอาย “ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“แน่นอน”
ทั้งสองพูดคุยกันไปในรถ จนไม่รู้ว่ารถหยุดเมื่อไหร่
พอเข้าโรงพยาบาล หวังอี๋จวินไม่ได้ไปเยี่ยมเฉินเฉียวพร้อมเฉินอิน
เพราะยังไงละครที่เตรียมมาจะเริ่มแล้ว เธอก็ไม่อยากให้ตัวเองโป๊ะแตกด้วย
“หนูเฉินอิน อายังต้องไปหาลูกชาย ไม่ไปเยี่ยมพี่สาวพร้อมหนูนะ” หวังอี๋จวินเดินไปหน้าห้องพักฟื้นของซังอวี้ แล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะอาสอง หนูไปคนเดียวได้ค่ะ” เฉินอินแสดงสีหน้าใจกว้าง พอดูดีๆ ก็เหมือนกำลังเลียนแบบเฉินเฉียว
หวังอี๋จวินยิ้ม จากนั้นก็ชี้ทางให้เธออย่างหวังดี “พี่สาวหนูอยู่ห้องแรกตรงทางเลี้ยว หนูเดินไปจะเห็นเอง วันนี้ได้พูดคุยกับหนู อารู้สึกมีความสุขมาก อยากจะใ้ห้หนูมาเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ”
เธอเอ่ยอย่างเสียดาย
คำพูดนี้ทำให้อารมณ์ที่ร้อนรนของเฉินอินสงบลง
เธอเอ่ยออกมาทีละคำ “ต้องเป็นแน่นอนค่ะ”
เธอเชื่อว่าสักวัน เธอจะได้เป็นคนที่ยืนเคียงข้างซังหลินจวิน
ทั้งหมดนี้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง
มองเห็นหวังอี๋จวินเข้าห้องซังอวี้ไป เฉินอินเลยรู้สึกแปลกใจที่ซังอวี้ก็อยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน แต่ในใจเธอก็สนใจเรื่องเฉินเฉียวมากกว่า เลยไม่ได้สนใจพวกเขามาก จึงเดินตรงไปที่ห้องพักฟื้นของเฉินเฉียว
ก่อนจะเดินเข้าห้อง เธอจงใจทำผมให้ยุ่งก่อนค่อยเดินเข้าไป
“พี่เป็นอะไรคะ หนูเป็นห่วงพี่มาก” เฉินอินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบที่แฝงไปด้วยความกังวล ทำให้คนฟังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นห่วงมาก
แต่คำพูดนี้ พอคนในห้องพักฟื้นได้ยินแล้ว กลับหันไปมองเธออย่างมึนงง
“เฉินอิน เธอไม่สบายเหรอ”
เจียงฉยงฉยงมองบนใส่เธอ แล้วหันไปหาเฉินเฉียวบนเตียงอย่างเป็นห่วง พอเห็นว่าเธอไม่ได้ตื่นเพราะเสียงนั้น คิ้วที่ขมวดเข้มค่อยคลายออก
“ทำไมเธออยู่ที่นี่” เสียงของเฉินอินแหลมมาก สำหรับคนที่พักฟื้นในโรงพยาบาล ถือว่ารบกวนมาก
เจียงฉยงฉยงเงยหน้าขึ้นมองไป รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย