เจียงฉยงฉยง รู้สึกว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวในสายตาของซังหลินจวิน เมื่อตอนมีประโยชน์ ก็จะโทรมาขอความช่วยเหลือ
ตอนหมดประโยชน์ ก็จะถีบหัวส่ง
เธอกลั้นใจเตือนตัวเอง
ซังหลินจวินเป็นแค่ผู้ชายหลอกลวง อย่าไปใส่ใจ
หลังจากบอกกับตัวเองแบบนี้อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมากจริงๆ
เจียงฉยงฉยง หยิบกระเป๋าเดินไปที่เตียงของเฉินเฉียว และบอกลาเธอ: “เฉียวเฉียว วันนี้ฉันจะกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันค่อยมาเยี่ยมใหม่”
“กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปสิ”เฉินเฉียวรู้สึกผิดวันนี้ฉยงฉยงอยู่กับเธอมานานแล้วและม่ได้ชวนเธอไปทานอาหารค่ำด้วยซ้ำ
แม้จะเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้
นอกจากนี้เฉินเฉียวยังรู้สึกว่ากระเป๋าที่หลินจวิน ถืออยู่นั้นค่อนข้างใหญ่และมันต้องมีสิ่งของมากมายอยู่ในนั้น
นึกถึงพวกเขาสั่งอาหารมามากทุกครั้ง แต่พวกเขาก็กินทิ้งกินขว้าง
กินกับฉยงฉยงดีกว่า กินกับเธอหมดทุกครั้ง
“ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ ถ้าฉันอยู่นานกว่านี้ คงมีบางคนจ้องฉันจนตาถลนแน่”เจียงฉยงฉยงโบกมือหยิบกระเป๋าและเดินไปที่ประตู
หลังจากโบกมือลากับเฉินเฉียวแล้วเธอก็ออกไป
ซังหลินจวินเขาของที่เขานำมาวางบนโต๊ะ แล้วเปิดฝาออก กลิ่นหอยโชยออกมาเตะจมูก
เฉินเฉียวมองไปที่จานบนโต๊ะเปลือกตาของเธอกระตุกและพูดกับเขาอย่างโกรธ ๆ ว่า “อาหารเยอะขนาดนี้ ฉันกินไม่หมดอยู่แล้ว ทำไมไม่ให้ฉยงฉยงกินกับฉันล่ะ”
เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนขี้เหนียว แต่เธอก็ต้องยอมรับมัน
ว่าเขาเป็นแบบนี้ก็น่ารักดี
เหมือนกับพวกเด็ก ในโรงเรียนอนุบาลที่แย่งชิงความรักจากครู
และเมื่อได้รับแล้วจะไม่ต้องการแบ่งกับคนอื่น
หลังจากที่ซังหลินจวินตักข้าวให้เฉินเฉียว ตัวเขาเองก็หยิบมาถ้วยหนึ่ง:“ผมจะกินกับคุณ เราสองคนกินก็อิ่มพอดีแล้ว”
ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แค่เพียงพอ แต่เหลือเยอะเกินไปมาก
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ซังหลินจวินช่วย เฉินเฉียวพยุงจากเตียงและพาเธอออกไปเดินเล่น
จู่ๆซังหลินจวินก็ถามว่า “เฉียวเฉียวคุณคิดว่าอาหารวันนี้อร่อยไหม”
เฉินเฉียวสวมเสื้อโค้ทและใบหน้าที่สวยงามของเขายังคงขาวซีดเห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
เธอพูดไม่ออกทำไมวันนี้เขาพูดอะไรแบบนี้
อย่างไรก็ตามอาหารวันนี้อร่อยมากเธอพูดตรงๆ: “อร่อยมาก คุณรับพ่อครัวมาใหม่หรือซื้อมาจากร้านหรอ?”
ซังหลินจวินยิ้มและส่ายหัว: “เฉียวเฉียว ผมทำให้คุณเอง”
คำพูดเหล่านี้ของซังหลินจวินทำให้ดวงตาของเฉินเฉียวหม่นลงชั่วขณะและและพูดเสียงสั่น ๆ ว่า “ไม่น่าล่ะคุณอยากให้ฉยงฉยงกลับไป ที่แท้คุณทำอาหารมาให้ฉัน”
ซังหลินจวินเลิกคิ้วร่องรอยแห่งชัยชนะฉายแววในดวงตาของเขา
ในเวลานี้เฉินเฉียวคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับรสชาติที่เธอเพิ่งกินและพบว่าซังหลินจวินถ้าไม่ใช่ประธานที่เอาแต่ใจเขาก็สามารถเป็นพ่อบ้านได้ความสามารถรอบด้านเลยจริงๆ
คิดแค่นี้ก็อดดีใจไม่ได้
เพราะเธอรู้ว่าคน ๆ นี้เป็นของเธอและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ทั้งสองคนออกไปเดินเล่นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับไปที่ห้องผู้ป่วย
ตอนแรกห้องผู้ป่วยไม่มีคนเลย แต่ตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่
“ พี่ คุณ….คุณซัง พวกคุณกลับมาแล้วหรอ”เฉินอินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้ามีความสุข
เมื่อเธอเห็นซังหลินจวินแววตาของเธอเต็มไปด้วยความสุขและลนลาน
สีหน้าของซังหลินจวินเย็นชา
ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าของ เฉินเฉียว เขาจะไม่อยากเห็นคน ๆ นี้เลย
เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เธอทำกับเฉินเฉียว เขารู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น
เฉินอินรู้สึกไวต่อความรังเกียจในสายตาของซังหลินจวิน เธอเจ็บเล็กน้อย แต่เมื่อเธอเห็น เขาดูแลเฉินเฉียวเธอก็รู้สึกอิจฉามาก
เธอรู้สึกว่าเฉินเฉียวต้องพูดเรื่องแย่ ๆ มากมายเกี่ยวกับเธอลับหลังไม่เช่นนั้น ซังหลินจวินจะเกลียดเธอได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเธอเข้าใจดีว่าตอนนี้เธอต้องอดทนต่อไปถ้าเธอกับ เฉินเฉียวผิดใจกันเธอกลัวว่าจะยากที่จะได้เจอเขา
คราวนี้เธอทนได้
ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเฉินอินเธอรีบเข้าไปจับไหล่ของเฉินเฉียวและพูดอย่างเป็นห่วง: พี่สาวรู้ไหมฉันได้ยินมาว่าพี่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและฉันเป็นห่วงคุณมากถ้าพี่ป่วยจริงๆทำไมไม่บอกครอบครัวเลย”
เธอบ่นเบา ๆ
เฉินอินที่เป็นเช่นนี้ทำให้หัวใจของ เฉินเฉียว อบอุ่น
ในอดีตทุกครั้งที่เธอล้มป่วย เฉินอินตั้งความหวังไว้กับเธอ เฉินเฉียวรู้สึกว่ามันนานมาแล้ว
เฉินเฉียวแตะหัวของเธอเบา ๆ และยิ้มอย่างสบายใจ: “ฉันได้ยินฉยงฉยงพูดว่าวันนี้เธอจะมาเยี่ยมฉัน อินอินไม่โกรธฉันแล้วหรอ?”
เฉินอินขมขื่นในใจเธอบีบมือแน่น แต่เธอยิ้มและส่ายหัว: “พี่เป็นพี่สาวของฉันฉันโกรธได้อย่างไรฉันแค่รู้สึกเศร้าที่พี่ไม่เคยบอกฉันเรื่องความสัมพันธ์กับคุณซัง ถ้าพี่บอกฉันก่อนฉันก็จะไม่ชอบเขาแล้ว ”
เฉินเฉียวรู้สึกสับสนเล็กน้อยที่เธอไม่ได้บอกก่อนเพราะเธอรู้สึกว่าความรู้สึกของเฉินอิน ที่มีต่อซังหลินจวินนั้นมากเกินไปเธอกังวลว่าถ้าเธอถูกปฏิเสธเธอจะต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน
เพราะเธอไม่อยากเสียน้องสาวไปเพราะซังหลินจวิน เธอเลยปิดบังไว้
เธอคิดว่ามันดีสำหรับเธอ
แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งนี้จะทำให้เธอเจ็บมากขึ้น
เฉินเฉียว เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเธอไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้เธอเพียงยิ้มและพูดว่า: “ดึกมากแล้ว เธอกลับบ้านไปก่อนเถอะ ตอนนี้ร่างกายฉันแข็งแรงดีแล้ว ไม่นานก็กลับบ้านได้ ”
เฉินอินส่ายหัว: “พี่คะ ฉันอยากอยู่กับพี่ เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันนานแล้ว วันนี้ให้ฉันค้างได้ไหม”
เฉินอินจับมือของ เฉินเฉียวและเขย่า
ซังหลินจวินไม่ได้พูดในตอนแรก แต่เมื่อเขาเห็นว่าเฉินอินโตขนาดนี้แล้วยังจะทำเหมือนเด็กๆรบกวนเฉินเฉียว ในใจเขาก็ไม่สบอารมณ์
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของ เฉินเฉียวยังอ่อนแอมากเธอจะทนได้อย่างไรเธอสั่นอย่างแรง
ซังหลินจวินดึงเธอออกไปและตำหนิ: “พี่สาวคุณอยู่ที่นี้ มีผมอยู่ด้วย ถ้าไม่วางใจก็รออยู่ที่บ้านดีกว่านะ คุณไปกวนพี่สาวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะหายดีคุณจะค้างที่นี้ก็มีแต่จะเพิ่มภาระ”
คำพูดของซังหลินจวินไม่ได้แสดงความใจดีเลยและตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วสำหรับคนหน้าด้านอย่างเฉินอินสิ่งที่พูดนั้นมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอแม้แต่น้อย