เสียงยังคงน่าฟังเหมือนเดิม
เฉินเฉียว จำได้ว่า เฉินอินตกหลุมรักเขาเพราะเสียง ผู้ชายคนนี้คือหายนะจริงๆ
เธอยังไม่ได้ขยับตัวและถูกกดลงบนเก้าอี้ข้างๆซังหลินจวิน “นั่งอย่ายืนเลย”
จากนั้นก็มีคนถามอย่างกระตือรือร้น:“ คุณเฉิน อยากดื่มอะไรหน่อยไหมครับ? น้ำผลไม้หรือโยเกิร์ตดีครับ ”
“ ผมว่าถ้าไม่สบายดื่มชาร้อนๆน่าจะดีนะครับ”
“ ใช่ใช่คุณดื่มชาก็ได้ แต่ต้องถามคุณเฉินก่อน ”
ทุกคนก็เออ ออกันไป กลัวว่าตัวเองจะแสดงออกไม่ชัดเจน
คนในห้องนี้ต่างรู้กันดีว่าประธานซังผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิง ผู้หญิงไร้เดียงสา ผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มหรือแม้แต่ผู้หญิงเซ็กซี่ เพียงแค่เขากระดิกนิ้วผู้หญิงประเภทไหนที่เขาต้องการก็มาอยู่ตรงหน้า เขาจะปฏิเสธไม่ก็ได้ เวลานี้เขาปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ทุกคนต่างเกิดความสงสัย
เฉินเฉียวรู้สึกเขินอายเมื่อโดนทุกสายจาจับจ้อง จิตใต้สำนึกทำให้เธอมองไปที่ผู้ชายด้านข้าง
เขากำลังมองเธออยู่พอดี แขนยาวเหยียดออกไปที่เก้าอี้ที่เธอนั่ง เขาตัดสินใจแทนเธอ: “ชาผูเอ่อร์ถ้วยนึง”
ภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนผู้ชายคนนั้นมีกล้ามแขนที่น่ามอง
ในท่านี้มือของเขาไม่ได้สัมผัสเธอเลย แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันแบบคลุมเคลือ
แม้แต่หลี่ชิงที่อยู่ตรงข้ามก็ยังมอง
เฉินเฉียวมีอาการปวดหัว
เห็นได้ชัดว่าคนที่เธอพามาเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซังหลินจวิน
เรื่องของเธอนั้น เป็นเพียงแค่ฉากเล็กๆของอาหารค่ำมื้อนี้
ในไม่ช้าทุกคนก็เริ่มการสนทนากันอีกครั้ง
ซังหลินจวินเหมือนจะลืมไปแล้วว่ามีเธออยู่ เขาเอาแต่พูดคุยเรื่องธุระไม่ได้มองเธอเลย แต่แขนยาวๆของเขายังคงอยู่บนเก้าอี้ของเธอและไม่ขยับ
เฉินเฉียวรู้สึกมีความสุข เธออึดอัดมากจนไม่อยากเข้าสังคมกับใครแม้แต่วินาทีเดียว
ไม่นานบริกรนำชาผูเอ่อร์มาเสิร์ฟ ชาร้อนถูกส่งมาให้เธอเธอถือไว้ในมือทั้งสองข้างรู้สึกว่าร่างกายสบายขึ้นมาก
เธอเหลือบไปมองชายข้างๆ เห็นว่าเขาไม่ค่อยว่าง เธอกระซิบเบาๆ”ขอบคุณค่ะ ประธานซัง”
ซังหลินจวินหยิบตะเกียบคีบซี่โครงหนึ่งชิ้นให้เธอ “ลองชิมดู”
เฉินเฉียวส่ายหัว “ฉันไม่อยากกิน”
เธอนั่งนิ่งโดยไม่ขยับตะเกียบด้วยซ้ำ
ซังหลินจวินจุนขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นวางบนหน้าผากของเธอ
หัวใจของเฉินเฉียวตุ้มๆต่อมๆหลายครั้งและรู้สึกได้ว่าทุกคนจับจ้องเธออีกครั้ง ก่อนหน้านี้เธอมีไข้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเวียนหัวมากขึ้น
เธอดึงแขนเสื้อเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน: “อย่าทำแบบนี้ทุกคนจะเข้าใจผิด”
เขายิ้มวางมือลงและถามอย่างจริงจัง: “เข้าใจอะไรผิด?”
เฉินเฉียวมองไปที่เขา
แสงสว่างจ้าในห้องรับร้องส่วนตัวสาดจรดศีรษะของเขาาและทำให้ดวงตาของชายผู้นั้นเป็นประกาย ดวงตาของเขาหยั่งลึกราวกับบ่อน้ำ มองเพียงแวบเดียวเหมือนจะตกลงไป
เธอรู้สึกอันตราย ไม่มองชายผู้นั้น “รู้อยู่แก่ใจยังจะถาม
“ กลัวคนเข้าใจผิดเหรอ?”
เฉินเฉียวพยักหน้า
“ฉันคิดว่าเธอชอบให้คนเข้าใจผิดซะอีก”ตอนที่เขาพูดเขามองไปทางหลูตงซิง
เฉินเฉียวรู้สึกอายเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้ช่างคิดจริงๆ ในจุดนั้นเธอใช้กลอุบายของเขา ก็ปิดเขาไม่ผิด
“ ถ้าจะให้พูดจริงๆ นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”ซังหลินจวินดื่มรังนกอย่างช้าๆแล้วมองเธอ“ เธอเคยซื้อบริการมาแล้วจะมาทำไร้เดียงสาอะไรกับเรื่องนี้”
“ แค่ก แค่ก … ”เฉินเฉียวกำลังดื่มชาผู่เอ่อร์ได้ยินคำพูดของเขาสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล
สังเกตเห็นสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของคนข้างๆ เธอรีบทำสีหน้าให้ปกติ พลางขอโทษขอโพย
รอให้ทุกคนละสายตาไป เธอเอียงตัวไปกระซิบเขา “นายอย่ามาแขวะฉันอีกได้ไหม คืนนั้นพวกเราไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย”
พอเข้าใกล้ตัวเขานอกจากกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล์แล้วยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ติดอยู่ด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอซังหลินจวินก็หันหน้ามา
เธอยังไม่ทันได้หันกลับไป ริมฝากทั้งสองเกือบจะชนกัน เธอหายใจแรงและมือบีบต้นขาตัวเอง
ได้ยินเขาถาม: “หอมจัง ใช้น้ำหอมอะไร? ”
เสียงทุ้มๆของเขาช่างมีแรงดึงดูด
ในขณะนี้ทั้งสองคนใกล้กันมากเสียงนั้นผ่านแก้วหูเธอฟังดูเหมือนความฝันราวกับว่าพวกเขาอยู่ไกลกันแต่มันใกล้มาก
ภาพในหัวของเฉินเฉียวว่างเปล่าและมีเพียงจิตใต้สำนึกเท่านั้นที่ตอบว่า: “เช้าตรู่หลังเสร็จกิจ”
ซังหลินจวินตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเบา ๆ “ เช้าตรู่หลังเสร็จกิจ …คุณเฉิน กลิ่นมีเอกลักษณ์มาก ”
เฉินเฉียวดึงสติกลับมา หน้าร้อนผ่าวพลางอธิบาย: “นี่คือชื่อน้ำหอม”
“อืม รู้แล้ว”เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามสีหน้าเขาดูเหมือนไม่เข้าใจ
เฉินเฉียวอธิบายอย่างละเอียดอีกครั้ง: “เป็นน้ำหอมจริงๆนะ”
เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงต้องตั้งชื่อน้ำหอมแบบนี้!
“ ดื่มน้ำเยอะๆเถอะ”ซังหลินจวินมองไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอและยกชาผู่เออร์มาให้ “ดูเหมือนจะตัวร้อนกว่าเดิมนะ”
“……”เฉินเฉียวอยากจะกลอกตามองบน
เธอรู้สึกว่าอธิบายยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เธอดื่มน้ำด้วยความกลัดกลุ้มตัดสินใจไม่สนใจเขาอีก
ซังหลินจวินยังยุ่งอยู่กับการเข้าสังคมเขาไม่ได้คุยกับเธออีกเลยสีหน้าของเขายังคงจืดชื่นและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่การแสดงออกของเขาดูแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะต่างก็รู้ดีและเข้าใจดี
หลี่ชิงมองดูอยู่ทางนี้ก็ตกตะลึง
อีกทั้ง
เธอคาดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการกับประธานซังจะเข้ากันดีขนาดนี้ อย่างกับกิ่งทองใบหยก นั่งด้วยกันช่างเป็นภาพที่มีความสุขเสียจริงๆ
แต่น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการแต่งงานแล้ว!
“คุณหลี่ ผมคิดไม่ถึงเลยว่าผู้อำนวยการจะเยี่ยมยอดขนาดนี้”หลูตงซิงมองข้ามศีรษะไป เขาถือแก้วไวน์และกระซิบกับหลี่ชิง: “ต่อไปภายหลัง พวกเรารื่ออันมีอะไรก็คงต้องขอพึ่งผู้อำนวยการของคุณซะแล้ว”
หลี่ชิงรีบนำแก้วไวน์มาชน“ ได้ค่ะ ท่านประธานหลู ถ้าท่านต้องการอะไร บอกทางเราได้เลยค่ะ ”
หลูตงซิงอารมณ์ดี หัวเราะร่า”ขอบใจ ขอบใจ”
เฉินเฉียวรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเพราะเขาช่วยเธอไว้จากประโยคก่อนหน้านี้คำว่า ดื่มน้ำผลไม้ ช่วยชีวิตกระเพาะของเธอไว้ไม่ต้องดื่มเหล้า
นั่งไปนั่งมา คนเริ่มวุ่นวาย ง่วงนอนตาจะปิด
หลังจากที่ซังหลินจวินดื่มเหล้าในแก้วเสร็จแล้วเขาก็รู้สึกหนักๆบนไหล่
เขาหันศีรษะไปกลิ่นหอมโชยเตะปลายจมูกเธอหน้าแดงหลับไปบนไหล่ของเขา
ชายร่างสูงหยุดชั่วคราวไม่ขยับอีกเพียงแค่มองไปที่เธอ
เธอเอียงศีรษะผมยาวของเธอคลี่ออกและคอขาวๆราวกับหิมะของเธอปรากฏอยู่ใต้เส้นผมที่สวยงาม มีอาการแดงผิดปกติบนหน้าขาวๆเล็กน้อยของเธอในขณะนี้
ยัยซื่อบื้อ
ซังหลินจวินเหยียดแขนยาวโอบเธอและเงยหน้าขึ้นมองอวี้เฟย
อวี้เฟยรีบลุกขึ้น“ ทุกๆท่านที่กำลังดื่มอยู่ คุณซังต้องขอตัวก่อน”
——
Loewe มีน้ำหอมรุ่นหนึ่งแบ่งเป็นของผู้หญิง กับของผู้ชาย อันหนึ่งเรียกว่า’เช้าตรู่หลังเสร็จกิจ’ และอีกกลิ่นหนึ่งเรียกว่า‘พันธะรุ่งอรุณ’