เมื่อความสนใจของทุกคนจดจ่ออยู่กับภาพที่ซังอวิ๋นฉายขึ้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของ ซังหลินจวินก็ดังขึ้น
เขาจับกระเป๋าของเขาไว้แน่นและก้าวเท้าออกไปด้านนอกกระซับกับเฉินเฉียว: “เดี๋ยวผมมานะ เฉียวเฉียว รูปนั้นเดี๋ยวผมช่วยประมูลกลับมา ไม่ว่าจะเท่าไหร่ก็ตาม”
ไหนๆซังอวิ๋นต้องประมูลขายภาพวาดทั้งหมดเขาจึงต้องการที่จะประมูลให้เฉินเฉียว
เขาไม่ต้องการให้รูปผู้หญิงของตัวเองถูกคนอื่นเอาไป
เฉินเฉียวพยักหน้าและดูซังหลินจวินเดินออกไปข้างนอกเธอขมวดคิ้วและพูดอย่างเป็นห่วง: “ถ้าเป็นเรื่องบริษัท คุณไปจัดการก่อนเถอะค่ะ ที่นี้ยังมีฉยงฉยงอยู่กับฉัน”
“ไม่ต้องกังวลไม่มีอะไรมากหรอก”ซังหลินจวินแตะศีรษะของเธอและหัวเราะเบา ๆ แม้ว่าเขาจะชอบท่าทางที่เป็นห่วงของ เฉินเฉียว แต่เขาก็หวังว่าเธอจะไม่คิดมาก
เพราะเธอที่เป็นแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาทำไม่ดีพอเธอถึงคอยเป็นกังวล
เมื่อเขาออกจากประตูซังหลินจวินก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเพื่อรับสาย
“ประธานซัง ฉันคือหนานอวี่ เป็นคนของเฟยอี้เหมิน”หลังจากแนะนำตัวแล้วพูดว่า“ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ประตูหลังของนิทรรศการอย่างที่คุณคาดไว้เขาซ่อนของลับไว้ที่ประตูหลังถ้าประธานซังคิดไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในน่าจะเป็นสิ่งที่พวกคุณต้องการ ”
“ขอบคุณ คุณไปตรวจสอบให้หน่อยได้ไหม”
ยังไงซะก็เป็นคนของเจียงอี้ฝาน เขาเชื่อมั่นในคนของเพื่อนมาตลอด แต่ไม่มีหลักฐานดังนั้นเขาจึงดำเนินการขั้นต่อไปไม่ได้
“ได้ครับ นี้เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว”หนานอวี่ตอบรับเขายืนพิงประตูไม้และมองลึกเข้าไปข้างในห้องใต้ดินที่มืด มีสว่างเพราะโคมไฟ
เขาเดินลงไปทีละก้าวและเมื่อเปิดประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา
หนานอวี่ถือมือโทรศัพท์ไว้แน่นและเหงื่อเริ่มเกาะที่เคสโทรศัพท์มือข้างหนึ่งทาบบนหน้าอกของเขา
เขากังวลมากกังวลว่าจะโดนจับได้
ยังกังวลว่าคนที่มาที่นี่เพื่อขนย้ายของที่ชั้นใต้ดิน
หนานอวี่ยืนติดกับกำแพง
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทีละก้าว มีเสียงสองเสียงดังเข้ามา
“ เหล่าอวี้เรื่องที่ผมพาคุณมาที่นี้วันนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด ไม่งั้นผมทางทำมาหากินแน่ปกติแล้วหวังอันก้าวเท้าแบบหยาบๆ แต่ครั้งนี้เขาก้าวอย่างระมัดระวัง
ใบหน้าที่หยาบกร้านของเขาเปื้อนไปด้วยฝุ่นและมีเหงื่อที่หน้าผากของเขา
อวี้โจวรูปร่างผอม แต่สีหน้าเกือบจะเหมือนกัน
เมื่อฉันได้ยินสิ่งพูดว่า: “พี่ ครั้งนี้ผมอยากเปิดโลกกว้างกับพี่ ความสัมพันธ์ของเรา ถ้าคุณไม่พูด ผมไม่พูดใครจะรู้ว่าเราคบกัน ”
หวังอันครุ่นคิดแล้วก็ไม่ได้พูดต่อ
ท้ายที่สุดพวกเขามาพร้อมกับภารกิจในครั้งนี้หากเจ้านายไม่พอใจกับสิ่งที่พวกเขาทำเขาคงต้องอาบน้ำกลับบ้านไปนอน
เมื่อทั้งสองเดินไปที่ประตูห้องใต้ดินหวังอันก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติเขาคุกเข่าลงและมองไปที่พื้นอย่างระมัดระวัง
โบกมือให้อวี้โจว: “พี่ ดูสิตรงนี้มีรอยเท้าคนเคยมาใช่ไหม มีตรงนี้แล้วก็ตรงนี้ด้วย”
เขาพบหลายจุดทำให้สีหน้าเริ่มวิตกกังวล
หวังอันเป็นคนที่หยาบกระด้างแต่ก็มีความละเอียด ไม่งั้นซังอวิ๋นคงไม่ส่งเขามาที่นี้
เขาเดินตามรอยเท้าทีละก้าวและเมื่อเขากำลังจะเดินไปที่ด้านข้างของหนานอวี่อวี้โจวตบบ่าเขา: “อาจจะเป็นเจ้านายเดินมาก็ได้ อย่าคิดฟุ้งซ่าน ไปเถอะพวกเรารีบไปย้ายของ”
เมื่อหวังอันได้รับการเตือนจากอวี้โจวเขาก็สบายใจขึ้น เขาต้องรีบเอาของล๊อตนี้เคลื่อนย้ายให้ได้อย่างปลอดภัย ใครจะมาก็ไม่ต้องไปสนใจ
อวี้โจวจับไหล่ของเขาแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ที่หัวมุมหนานอวี่เดินออกมาจากกำแพง
เขาถามปลายสายที่ยังไม่วาง “ประธานซัง เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ใช่เล่นๆแล้ว พวกเขาจะเริ่มขนของแล้ว
ซังหลินจวินให้ความสนใจและรับฟังสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ใบหน้าของเขานิ่งเฉย: “อวี้โจวนั่นเป็นคนของพวกเราคุณเข้าไปกับเขาและฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่ได้ระวัง จัดการให้มันสลบแล้วเรื่องที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ ครับ คุณซัง”ไหนๆเขาก็รับคำสั่งมากแล้ว หนานอวี่ต้องเคารพในคำสั่่ง
เขาค่อยๆก้าวและเดินเข้าไปข้างในอย่างเงียบ ๆ
หวังอันและอวี้โจวหันหลังให้เขากำลังนับจำนวนของ
เมื่อเขาเดินเข้าไปหวังอันก็รู้สึกได้เขาหันศีรษะโดยสัญชาตญาณดวงตาของเขาเบิกกว้างยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ล้มลง
หลังจากวางสายแล้วซังหลินจวินก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่เขาเตรียมไว้ตอนแรกออกมาและกดหมายเลขถึงสถานีตำรวจ: “สถานีตำรวจใช่ไหมครับ? ผมต้องการแจ้งความวันนี้ผมเห็นกลุ่มคนแอบเข้าไปในอาคารตรงข้าม หยวนเซิ่งที่มีนิทรรศการศิลปะอยู่ที่นั่นผมคิดอยู่ว่านี่จะเป็นคดีลักพาตัวหรือไม่ผมหวังว่าคุณจะมาโดยเร็วที่สุด . ”
เสียงของเขาหอบเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังวิ่งทันทีที่เขาพูดจบเขาก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที
“แปะๆๆๆ แสดงได้เก่งจริงๆ” เจียงอี้ฝานยืนอยู่ข้างหลังเห็นทั้งหมดที่ซังหลินจวินกำกับเองแสดงเอง
ต้องบอกว่า เจียงนั้นเด็ดจริงๆ
ถ้าเรื่องวันนี้ให้เขาจัดการ เจียงอี้ฝานคงจะทำได้ไม่เย็นชาแบบนี้
อย่างน้อยเขาก็คงไม่แจ้งความเรื่องที่ตัวเองทำ
ซังหลินจวินหันหน้ามามองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ก็พอกันและ แกบอกป้าว่าจะพาแฟนมานิทรรศการวันนี้ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ ว่าแกไม่ได้ไปหาพา แต่พาน้องสาวมาดูนิทรรศการไม่รู้ว่าป้าจะทำยังไง ”
ดวงตาของเจียงอี้ฝานหรี่ลงและในไม่ช้าเขาก็ยิ้มออกมา
พูดจริงๆ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแขวะกลับ
อย่างไรก็ตามเขาสะใจทุกครั้ง
นี่อาจเป็นความรู้สึกที่ได้เจอคู่ปรับ
เจียงอี้ฝานก้าวไปข้างหน้าและตบไหล่เขา: “ไปกันเถอะ กลับกัน ออกมาข้างนอกนานแล้วเดี๋ยวคนเข้าใจผิด”
“ไม่เป็นไรหลังจากตำรวจมาถึง ไม่มีใครสนใจหรอกว่าฉันอยู่ไหน”ซังหลินจวินไม่สนใจเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรเลย