หลังจากอาบน้ำเย็นๆซังหลินจวินก็เดินลงไปชั้นล่างหยิบขวดเหล้าจากตู้และเปิดมัน
ในกระเป๋าของผู้หญิงที่วางทิ้งไว้บนโซฟา โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เขาหยิบขึ้นมาดูและเห็นคำว่า ‘ปู้อี้เฉิน’ ปรากฏบนหน้าจอ
วางสาย.
โยนไปอีกทาง
หยิบเอกสารบนโต๊ะกาแฟและพลิกไปมา
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งและคราวนี้เขาปิดเครื่องโดยไม่ได้ชายตามองเลยด้วยซ้ำ
โลกกลับมาสงบอีกครั้งและเขายังคงจดจ่ออยู่กับการทบทวนเอกสารพลางจิบเบียร์
วันรุ่งขึ้น
แสงแดดส่องสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง ส่องไปที่ผ้าปูที่นอนสีเทา เฉินเฉียวตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าคอเธอเหมือนโดนไฟคลอกมันเจ็บปวดและกระหายน้ำมาก
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างเหนื่อยล้าคลำหานาฬิกาจากข้างเตียงเพื่อดูเวลา
หันไปรอบ ๆ ถึงกับตะลึง
ทุกสิ่งรอบตัวไม่คุ้นตาเลยสักนิด
ห้องทั้งห้องที่เธอนอนหลับคลุมด้วยโทนสีเทาและสีขาว
เตียงนอนขนาดใหญ่ผ้านวมสีเทาผ้าปูที่นอนสีขาวหมอนลายสีเทาและสีขาว
ด้านนอกหน้าต่างมีทะเลสีฟ้ากว้างไกลสุดสายตา ภายใต้แสงแดดยามเช้า บนท้องทะเลมีแสงสว่างจ้าและกระจัดกระจายซึ่งทำให้ลืมตาไม่ขึ้น
เฉินเฉียวมองแวบเดียวก็รู้ว่าเธออยู่ที่เขตป้านซานของเป่ยเฉิงตงเมี่ยน ที่นี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและน้ำและทุกตารางนิ้วแพงหูฉี่
ห้าปีที่แล้วราคาคฤหาสน์ที่นี่เกิน 150 ล้าน ผ่านไปแล้วห้าปีไม่รู้ราคาพุ่งไปถึงไหนแล้ว
แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
เมื่อเฉินเฉียวนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน‘ซังหลินจวิน’ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ
ซังหลินจวินเป็นผู้ชายคนนั้น!
ทั่วเป่ยเฉิงมันเล็กขนาดนี้เลยหรอ
ตอนนี้เธอคงไม่ได้อยู่ที่บ้านเขาหรอกมั้ง
แต่จะเป็นไปได้ยังไงกัน เมื่อวานหลี่ชิงก็ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วย เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องพาเธอกลับไปบ้านเขา
ระหว่างเขาและเธอถือได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น
ตอนที่เธอกำลังฟุ้งซ่าน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก เธอเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวและเห็นหัวเล็กๆชะโงกเข้ามา
ผู้ใหญ่คนนึงเด็กคนนึง ทั้งสองมองหน้ากันและกัน
ตาของเจ้าตัวเล็กลุกวาว “คุณน้าจริงๆด้วย”
อรุณสวัสดิ์เฉินเฉียวกล่าวทักทาย เห็นได้ชัดว่านี่ต้องเป็นบ้านของท่านประธานซังที่เขาเล่าขานกันมา
ซังโย่วอีเดินเท้าเปล่า กระโดดขึ้นเตียง ตื่นเต้นแบบสุดๆ เด็กน้อยทิ้งตัวลงบนเตียง
เฉินเฉียวรีบเตือน“ ระวังนะ เดี๋ยวเป็นลมอีกหรอก ”
“ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซังโย่วอีนั่งขัดตะหมาดตรงด้านหน้าเธอ”คุณปู่เฉินมาดูอาการคุณน้าเมื่อคืน บอกว่าคุณน้ามีไข้สูง”
“ คุณปู่เฉินคือใครหรอ”
“คุณหมอที่รักษาผม”
อ๋อเฉินเฉียวแตะหน้าผากของเธอ “น่าจะเป็นหวัดนิดหน่อย”
“ ตอนนี้ดีขึ้นหรอยัง
“ ดีขึ้นมากแล้ว”เฉินเฉียวยิ้มให้เด็ก ความห่วงใยของเด็กน้อยทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมาก เธอนึกถึงเรื่องครั้งก่อน จับแขนเล็กๆของเขา “ไหนยืนขึ้นหน่อยสิ”
ทำไมหรอครับเด็กน้อยถามโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ยืนอยู่บนเตียงจับแขนเธออย่างเชื่อฟัง
เฉินเฉียวพับขากางเกงนอนขึ้น ตรวจดู
รอยช้ำบนขาเขาหายไปแล้ว
เธอเลิกชุดนอนของเขาขึ้นเผยให้เห็นพุงจ้ำม่ำ
ด้านบนก็ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บอะไร
เด็กน้อยเขินเล็กน้อยหน้าแดงและเขาอิดออดจะใส่ชุดนอนกลับคืนพลางถามว่า: “คุณน้าจะทำอะไร”
เฉินเฉียวเงยหน้าขึ้นและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของคนตัวเล็ก
น่ารักอะไรขนาดนี้!
บี้จมูกเล็กๆของเขา และช่วยใส่เสื้อให้ “ดูเหมือนว่าช่วงนี้ไม่ได้ไปทะเลาะกับเด็กคนอื่นนะ”
“พ่อบอกว่า ถ้าไปต่อยกับเพื่อนอีก เขาจะตีก้น”เด็กน้อยบ่นอิดออด มือลูบก้นตัวเอง แล้วมองเธออีกครั้ง”คุณน้าชื่ออะไร”
เฉินเฉียว
เฉินเฉียว….ดวงตากลมโตของซังโย่วอีกลอกไปมา “งั้นต่อไปผมจะเรียกว่าพี่เฉียว”
ได้เลย ยังไงซะฟังดูดีกว่า “น้าขี้เมา” เยอะเลย
“ คุณเป็นแฟนของพ่อผมเหรอ?”เด็กน้อยนั่งลงอีกครั้ง “ต่อไปผมต้องเรียกว่าหม่ามี๊ใช่ไหม”
เอ่อ
ใช่ที่ไหนกันล่ะ
เฉินเฉียวพูดอย่างขบขันและวางมือบนหัวเล็ก ๆ ของเขา “เด็กน้อยเอ๋ยกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย”
“ ไม่ใช่เหรอ”
ไม่ใช่อยู่แล้ว
ทำไมไม่ใช่ล่ะ?เด็กน้อยไม่ยอมแพ้และถามอย่างต่อเนื่อง: “คุณน้าไม่ชอบพ่อผมหรอ? แต่ว่ายายผมบอกว่าจำนวนผู้หญิงที่ชอบพ่อผมต่อคิวยาวจากตรงนี้ไปถึงทะเลตรงโน้นเลยนะ”
เฉินเฉียวรู้สึกว่ายายเขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่นิด “ซังหลินจวิน”สามคำนี้ แสดงถึงสถานะและความมั่งคั่งเพียงพอที่จะดึงดูดผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วน
พระเจ้าคงจะลำเอียงประทานใบหน้าอันหล่อเหลาอันสมบรูณ์แบบให้แก่เขาผู้นั้น
“นั่นก็ใช่ แต่คนที่ต่อคิวยาวจากตรงนี้ไปถึงทะเลไม่ได้รวมถึงฉัน”
“ ทำไมไม่ชอบพ่อผม”ซังโย่วอีอยากรู้มากๆว่าทำไม
เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับพ่อของเขามีผู้หญิงหลายคนที่ใช้วิธีต่างๆเพื่อเอาใจเขา แต่เขาไม่ชอบพวกเธอเลย เฉพาะกับเธอเขาก็รู้สึกดีเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่พ่อของเธอพากลับมาด้วย เด็กน้อยโย่วอีจึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นไปหมด
“ต่อคิวในทะเลนานๆเดี๋ยวก็จมน้ำตาย”เฉินเฉียวลุกขึ้นอุ้มเด็กลงจากที่นอนและพูดขณะเก็บเตียง: “นอกจากนี้ …ฉันแต่งงานแล้วฉันเป็นหม่าม๊าของหนูไม่ได้ ”
ทันใดนั้นเด็กน้อยก็โกรธมองเธออย่างบึ้งตึงและเดินก้มหน้าออกไป
เมื่อเขาเดินไปที่ประตูประตูก็เปิดออกหัวของเด็กน้อยชนกับร่างชายคนนั้น เสียง‘โอย’ร้องด้วยความเจ็บ ลูบจมูกเบาๆ พลางถอยหลังสองก้าว
เป็นอะไรไปซังหลินจวินเห็นสีหน้าเขาไม่มีร่าเริง
เขาเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองผู้หญิงข้างเตียง
เฉินเฉียวเห็นเขา ก็รีบยืนขึ้นตรง ทันใดนั้นภาพแห่งความสุขก็เข้ามาในใจของเธอ
เมื่อคืนเธอฝันไปหรอ
คิดไม่ถึงว่าจะพวกเขาจะจูบกันในฝัน ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าจะจูบอย่างเร้าร้อน
เมื่อนึกถึงภาพนั้นเธอก็เริ่มมีไข้อีกครั้งและร่างกายก็ร้อนไปทั้งตัว
ด้วยความรู้สึกผิดฉันจึงไม่กล้ามองหน้าเขา กระซิบเบาๆ: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“พ่อครับ เธอบอกว่าไม่ได้ชอบพ่อ”ได้ยินเพียงซังโย่วอีพูด
ซังหลินจวินมองไปที่เธออีกครั้งและมองไม่เห็นอารมณ์ใดๆบนหน้าเขา
เฉินเฉียวรู้สึกอายและทำตัวไม่ถูก ริมฝีปากของเธอขยับและต้องการอธิบาย แต่จะอธิบายว่าอะไรล่ะ ที่เด็กน้อยพูดก็คือเรื่องจริง
เธอก้มหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จากนั้นเสียงของชายคนนั้นก็พูดเบาๆ“ ลงไปทานอาหารเช้ากันเถอะ”
“เฉินเฉียวพูดอีกว่า ยืนต่อคิวในทะเลเดี๋ยวจมน้ำตายกันพอดี”เด็กน้อยเดินออกไป พลางคุยกับเขาต่อ
หรอ? งั้นเธอคงซื่อบื้อเกินไป ”
หะ
“ห่วงยางป้องกันการจมน้ำได้”
ใช่แล้ว ถ้างั้นพ่อก็ให้ห่วงชูชีพพี่เฉียวสิ”
“ขอคิดดูก่อน