ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 221 ยินดีที่ได้ลูกสาว

ปู้อี้เฉินดันหัวเธอออก ยังดีที่เขายังมีสติ จึงไม่ได้ใช้แรงหนักมาก

แต่เพราะแบบนี้ เฉินเฉียวเลยดิ้นหลุดออกจากมือเขาได้

พอปู้อี้เฉินยังอยากจะไปดึงอีก

เฉินเฉียวเลยทำท่าทางอ้าปากจะกัดเขา เขาเลยหยุด

แต่ในปากก็เอาแต่พึมพำ “เฉียวเฉียว ที่เธอมาโรงพยาบาลเพราะไม่สบายหรือเปล่า ทำไมไม่บอกฉันล่ะ ฉันจะได้มาหาเธอ”

ทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งโดนเธอกัด แถมยังว่าร้ายนินทาเธออีก แต่คนคนนี้กลับเปลี่ยนเป็นอีกคนอย่างรวดเร็ว

เฉินเฉียวรู้สึกหมดคำพูดมาก

แต่ว่า ยังไงก็รู้จักมาหลายปี เฉินเฉียวเข้าใจดี คนอย่างปู้อี้เฉินไม่มีจิตสำนึกหรอก ถ้ายังยืดยื้อกับเขาต่อ เรื่องคงวุ่นวายกว่าเดิม จึงเอ่ยพูดอย่างไม่ไว้หน้า “ที่ฉันอยู่โรงพยาบาลฉันจะสบายหรือไม่สบายเกี่ยวอะไรกับนาย อีกอย่าง นายบอกว่าฉันประสาทไม่ใช่เหรอ เพื่อความปลอดภัยของนาย นายควรจะอยู่ห่างๆจากฉันสิ”

จากนั้นเฉินเฉียวก็นึกได้ โหยวจิ้งหลีน่าจะคลอดลูกของปู้อี้เฉินแล้ว ไม่งั้นผู้ชายที่แข็งแรงไม่เคยมาโรงพยาบาล คงไม่โผล่มาที่นี่หรอก

“อีกอย่าง ภรรยานาย ตอนนี้น่าจะอยู่โรงพยาบาลนี้ไม่ใช่เหรอ นายควรไปอยู่กับเธอไม่ใช่เหรอ?” เฉินเฉียวเอ่ยเตือน

พอเฉินเฉียวพูดจบ ในสายตาปู้อี้เฉินก็มีความไม่สบอารมณ์ สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด

ที่เขาไม่สบอารมณ์ไม่ใช่เพราะคนตรงหน้า แต่กลับเป็นคำพูดของเธอ

เฉินเฉียวเดาไม่ผิด

เธอคลอดลูกตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว

ถึงแม้ปู้อี้เฉินจะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ แต่ก็ยังมีความรู้สึกกับลูกของตัวเองเล็กน้อย

เพราะฉะนั้นก่อนกำหนดคลอดครึ่งเดือน ก็ส่งเธอมาโรงพยาบาลแล้ว

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ช่วงก่อนเขาไม่ได้ไปตอแยเฉินเฉียว

พักไปประมาณครึ่งเดือน โหยวจิ้งหลีก็คลอดลูกสาวที่โรงพยาบาล ทีแรกปู้หมิงหยวนกับเริ่นหมิงเซวียนมาเจอหลานอย่างดีใจ แต่พอได้ยินว่าเป็นผู้หญิงจึงขมวดคิ้ว

ความดีใจหายไปในพริบตา

จนแม้แต่ตอนที่เธออยู่เดือน ปู้อี้เฉินก็เป็นคนดูแลเอง

เขาก็ไม่อยากมาอยู่แล้ว แต่โหยวจิ้งหลีอะไรๆก็เอาแต่พูดถึงลูกสาว เขาเลยต้องจำใจมา แล้วไปกลับทุกวันอย่างฝืนใจ

แต่ว่าตอนนี้ เขาอารมณ์ดีมาก

ถ้าเขาไม่ได้มาดูแลเธอ ก็คงไม่เจอเฉินเฉียวที่นี่ นี่ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ

“เฉียวเฉียว เรา……” เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

ซังหลินจวินที่ฝากคุณหมอให้ดูแลโยว่อี ให้ส่งเขากลับจิ้งหย่วนอย่างปลอดภัย ตอนนี้เลยมีเวลามาพาเฉินเฉียวกลับบ้าน แต่คิดไม่ถึง ตอนที่เดินไปจะเห็นปู้อี้เฉินดึงกระชากเธออยู่

เขาเดินก้าวไปดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด กอดไว้แน่นๆ ใช้สายตาก้มมองผู้ชายที่เขาไม่แยแส “คุณชายปู้ ทำตัวให้เกียรติหน่อย ผู้หญิงของผมไม่ใช่คนที่คุณจะแตะต้อง ถ้าให้ผมเห็นว่าคุณตอแยเธออีก ผมว่าครั้งหน้าที่เราจะเจอกัน คงอยู่ที่โรงพัก”

ปู้อี้เฉินมองไปที่เขา ในใจโกรธมาก

ตั้งแต่เขาเคยเสียเปรียบ จนสร้างความเสียหายให้กับบริษัท เขาจึงไม่กล้าต่อกรซึ่งๆหน้ากับเขา

ถึงแม้เฉินเฉียวจะสำคัญ แต่ถ้าไม่มีบริษัท เขาคงไม่มีแม้แต่โอกาส

แต่เขาก็ไม่อยากก้มหัวต่อหน้าเฉินเฉียว เลยปากแข็ง “คุณชายซังคงเข้าใจผิดแล้วครับ ผมก็แค่ทักทายกับเฉียวเฉียว ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยครับ”

สีหน้าของซังหลินจวินตึงกว่าเดิม ครั้งนี้เป็นเพราะสรรพนามที่ปู้อี้เฉินเรียกเฉินเฉียว เขาเอ่ยพูดกับปู้อี้เฉินอย่างกดดัน “ผมว่าการที่เป็นสามีเก่าของคนอื่น คุณก็ควรจะรู้จักมารยาท กับผู้หญิงคนอื่น อย่างน้อยก็ต้องรักษาระยะห่าง แล้วเปลี่ยนสรรพนามที่เรียก แม้แต่มารยาทแค่นี้คุณก็ไม่รู้เหรอครับ?”

“แก……” ในสายตาปู้อี้เฉินมีประกายไฟ เขายอมถอยหลังให้เขาแล้ว แต่เขายังเอาแต่กระตุกอารมณ์เขา น่าโมโหชะมัด

แต่ทันใดนั้น ซังหลินจวินก็เหมือนนึกอะไรได้ จึงเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ลืมยินดีกับคุณชายปู้ไปเลย ยินดีที่ได้ลูกสาวนะครับ”

คำพูดคำนี้ทำให้ปู้อี้เฉินเป็นใบ้

เขาไม่ชอบเด็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะลูกที่เกิดกับคนที่ไม่มีความรู้สึกชอบ ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย เขาก็ต้องให้ทุกอย่างที่เขาควรจะได้ แต่เป็นเด็กผู้หญิง จึงทำให้เขาขมวดคิ้วแลัวไม่สบอารมณ์

เฉินเฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าในสายตาปู้อี้เฉินมีความเสียดสี

ถึงแม้แต่ก่อนเธอไม่ชอบโหยวจิ้งหลี แต่เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นรักปู้อี้เฉิน คิดไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้ได้รักแท้ที่อยากได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับเป็นแค่ฟองอากาศ

เธอแอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่ไม่ได้ตอแยยืดยื้อจะอยู่กับเขา รีบดิ้นหลุดออกมาจากกรงก่อน ไม่งั้นคงต้องเหนื่อยทั้งกายใจกับเขาที่ขยะแขยงแน่ๆ

แต่ปากเธอก็พูดแสดงความยินดีด้วย “คุณชายปู้ ฉันก็ต้องพูดแสดงความยินดีด้วย แต่ว่าคุณชายปู้ คุณควรจะไปดูแลภรรยาของคุณ เธออยู่โรงพยาบาลแต่ไม่มีคนดูแล แบบนี้คงไม่ค่อยดี”

“ทำไมจะไม่มีคนดูแล จ้างคนดูแลตั้งสองคน ไม่มีทางไม่มีคนดูแล” พอปู้อี้เฉินได้ยินคนพูดถึงโหยวจิ้งหลีจึงไม่สบอารมณ์ จนเส้นเลือดกระตุก

คำพูดที่พูดก็กระแทกกระทั้นด้วย

ซังหลินจวินจึงเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย “คุณชายปู้ คุณเป็นสามีเธอ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ ยังไงเธอก็เป็นญาติห่างๆของตระกูลซัง ไม่ใช่ให้พวกคุณมารังแกแบบนี้”

ปู้อี้เฉินค่อยนึกขึ้นได้

ระหว่างซังหลินจวินกับโหยวจิ้งหลีเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ถึงแม้สายเลือดนั้นจะจางจนเกือบไม่มี

แต่ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน ยังไงก็ต้องยืนข้างเธออยู่แล้ว

เขาอยากจะกลับคำพูดอะไรดีๆ แต่ก็ก้าวข้ามใจตัวเองไม่ได้ จึงก้มหน้าเล็กน้อย ในสายตาแฝงไปด้วยความอดกลั้น

เฉินเฉียวจูงมือซังหลินจวินแล้วเอ่ย “เรากลับบ้านกันเถอะ ไม่ได้กลับไปตั้งนาน ฉันเริ่มคิดถึงป้ามั่วแล้ว”

ซังหลินจวินขยี้หัวเธออย่างเอ็นดู “ได้ ไปกันเถอะ”

เห็นคนสองคนตรงหน้าหันหลังจะเดินจากไป ปู้อี้เฉินเลยตามไป มืออีกข้างอยากดึงเฉินเฉียวไว้ ไม่อยากให้เธอไป แต่กลับได้ยินเธอพูดว่า “ปู้อี้เฉิน นายทำให้ฉันรู้ว่าอะไรเรียกว่าด้านหน้า เป็นผู้ชายทั้งคน แม้แต่ดูแลภรรยาดูแลลูกตัวเองก็ไม่ได้ ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆที่เลิกกับนาย”

คำพูดของเฉินเฉียวเหมือนเป็นสายฟ้าที่ผ่าลงมาที่ปู้อี้เฉิน จนสมองเขาว่างเปล่าแล้วเวียนหัว

จนกระทั่งเงาของทั้งสองหายไปแล้ว เขาค่อยกัดฟันพูด “ซังหลินจวิน”

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset