เธอรับพยักหน้า “ได้เลยเฉียวเฉียว เลิกงานแล้วเธอห้ามหนีเด็ดขาด เดี๋ยววันนี้ไปเดินช้อปปิ้งด้วย”
เฉินเฉียวเริ่มลังเล เพราะเธออยากเลิกงานแล้วรีบกลับไปหาโยว่อี เลยปฏิเสธอย่างลำบากใจ “ที่บ้านมีธุระ ไว้ครั้งหน้าละกัน”
หลีชิงไม่ใช่คนตอแยคนอื่น เพราะเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของเฉินเฉียว ก็รู้เลยว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรแน่นอน
เกิดเรื่องกับลูกชายผู้บริหารหยวนเซิ่ง เรื่องนี้มีแค่คนส่วนน้อยที่รู้
เพราะตอนที่เกิดเรื่อง สถานที่ค่อยข้างไกล บวกกับไม่อยากให้คนอื่นลือกัน เลยปิดข่าวได้ดี
นี่เลยทำให้คนรู้เรื่องนี้ไม่มาก ก็อาจจะมีแค่ข่าวลือ เพราะผู้บริหารหยวนเซิ่งไม่ใช่ดารา เลยโดนข่าวอื่นกลบอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เฉียวเฉียวเข้าไปในห้องทำงานตัวเอง จึงเห็นว่าฉยงฉยงก็อยู่ แล้วเธอกำลังถือโทรศัพท์คุยกับคนอื่นว่า “คุณหลูคะ ถึงแม้โปรเจ็คนั้นจะมีข่าวว่าเรารับ แต่ก็แค่ข่าว เพราะข่าวลือพวกนี้แล้วคุณเอาแต่โทรมาถามฉันไม่ได้นะคะ คุณอย่าพูดเลยค่ะ ที่เราไม่มีจริงๆ ร่วมงานกับคุณมาตั้งนาน ฉันจะโกหกคุณเหรอคะ?
เฉินเฉียวนั่งฟังอยู่ข้างๆ จนกระทั่งเจียงฉยงฉยงวางสาย ผมก็โดนเธอขยี้จนฟู เฉินเฉียวจึงเดินไปหาด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเหรอพี่สาว จับหน้าตัวเองจนแดงไปหมดแล้วเนี่ย ดูเหมือนว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ แกก็อยู่ไม่เป็นสุขเลยสินะ”
เจียงฉยงฉยงหงุดหงิดมาก แม้แต่เฉินเฉียวก็ทำให้เธออารมณ์ดีไม่ได้ เอามือเท้าคางแล้วเอ่ยอย่างหมดหวัง “โอ๊ยแกอย่าพูดถึงเลย ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวมั่วบอกว่าบริษัทเรารับเครื่องมือคุณภาพสูงมา กี่วันนี้เลยมีคนโทรมาหาฉันตลอด แม้แต่คุณหลูที่ร่วมงานกันบ่อยยังโทรมาถามเลย”
เฉินเฉียวเห็นใจฉยงฉยง กี่วันนี้ที่เธอไม่อยู่ เธอแบกรับงานไว้ทั้งหมด เลยกอดเธออย่างเป็นห่วง “ฉยงฉยงแกอย่าคิดมาก ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว เดี๋ยวเราสองคนช่วยกันจัดการเรื่องนี้”
ข่าวลือก็ต้องมีต้นตออยู่แล้ว เฉินเฉียวคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือรู้ให้ได้ว่าข่าวลือนี้มาจากไหน
เฉินเฉียวนั่งอยู่ในห้องทำงานทั้งเช้า มองเห็นเอกสารที่วางเกะกะ ตอนที่กำลังเก็บจึงรู้ว่ามีเอกสารหายไป
“ฉยงฉยง เอกสารครั้งก่อนที่ฉันเอามาให้แก ทำไมไม่อยู่ที่นี่”
เจียงฉยงฉยงที่เล่นเกมส์อยู่บนโซฟาโผล่หามาถามอย่างไม่เข้าใจ “เอกสารอะไร นานขนาดนั้นฉันจำไม่ค่อยได้”
เฉินเฉียวเลยเตือนความจำเธอ บอกวันที่เอามาให้ “ครั้งก่อนที่ฉันเอามาให้ตอนที่กลับมาจากหมู่บ้านเสี่ยวเหลียน นั่นเป็นเอกสารที่ซังหลินจวินให้ฉันเอามาให้แก”
เจียงฉยงฉยงคิดไปมา เลยนึกขึ้นมาได้นิดหน่อย
เธออ๋อทันที “ครั้งก่อนพี่ชายฉันบอกจะเอาเอกสารนั่น เลยหยิบไปด้วย มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ในเมื่อเจียงอี้ฟานเป็นคนเอาไป งั้นก็คงเชื่อใจได้
แต่ไม่รู้ว่าเอกสารฉบับนั้นคนอื่นเห็นหรือเปล่า
เฉินเฉียวกำลังจะถาม เจียงฉยงฉยงก็เหมือนนึกอะไรได้ “ใช่สิ ตอนที่แกไม่อยู่ ปู้อี้เฉินนั่นเอาแต่ใช้ข้ออ้างบอกว่าจะร่วมงานด้วย แล้วเอาแต่มาหาแกที่บริษัท แกว่า จะเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า”
ตอนที่เจียงฉยงฉยงพูดก็รู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย
เพราะลำคาญไม่อยากเห็นหน้าเขา เลยให้เขารอที่ห้องทำงาน ถ้าเป็นเพราะแบบนี้แล้วเอกสารหลุดออกไป นี่ความผิดเธอเต็มๆ
ถ้าเป็นความผิดของเธอ เธอก็จะรับผิดชอบ แต่ในใจก็รู้สึกเสียใจขอโทษ
เพราะถ้าโปรเจ็คนั้นสำคัญเหมือนที่คนอื่นพูด ตอนนี้เธอก็เป็นคนทำให้ข้อมูลหลุด นี่เป็นสิ่งต้องห้าม
เฉินเฉียวรู้ว่าเจียงฉยงฉยงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอตบไหล่เบาๆแล้วเอ่ย “อย่าคิดมาก เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ใครไม่รู้ว่าอยู่ห้องทำงานคนอื่นจะค้นดูอะไรมั่วๆไม่ได้ ถ้าเขาเห็นแล้วปล่อยข่าวจริงๆ ทั้งหมดก็ความผิดของเขา แกไม่ผิด”
ขอบตาเจียงฉยงฉยงมีน้ำตา แต่ก็รีบเช็ดทันทีแล้วกิดเฉินเฉียวไว้แน่น “เฉียวเฉียวแกดีที่สุด ดีกว่าพี่ชายฉันอีก”
เฉินเฉียวยิ้ม ตบไหล่เธอไปด้วยพูดไปด้วย “พวกแกเป็นอะไร ทะเลาะอะไรกันอีก”
ถึงแม้ในใจเฉินเฉียวไม่อยากให้ฉยงฉยงชอบเจียงอี้ฟาน เพราะยังไงพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน ไม่มีทางสมหวัง แต่เรื่องของความรู้สึก ไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่ง เพราะบางที การต่อต้าน อาจจะเป็นแรงผลัก
เจียงฉยงฉยงปล่อยเฉินเฉียว แล้วกลับไปที่โซฟา ในปากก็เอาแต่พึมพำความผิดของเจียงอี้ฟาน
โดยเฉพาะวันที่นิทรรศการภาพวันนั้น
คำพูดของเจียงฉยงฉยงทำให้เฉินเฉียวนึกถึงซังอวินที่ยังอยู่ในโรงพัก ในใจแอบถอนหายใจ ไม่รู้่าเขาเป็นยังไงบ้าง เธอควรจะคิดหาวิธีไปเยี่ยมเขา
ในโรงพัก ซังอวินยังสวมใส่ชุดสูทเต็มยศ แม้แต่สีหน้าก็ยังดูดีไม่ทรุดโทรมเลย
ตอนนี้เขาออกไปได้แล้ว เพราะมีคนมาประกันตัวเขา
บวกกันที่เรื่องไม่ได้หนักหนาสาหัสมาก ก็เลยไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่ให้ประกันตัว
ซังอวินคิดว่าเฉินเฉียว จึงเดินออกไปอย่างดีใจ แต่กลับเห็นรถเฟอร์รารีที่คุ้นเคยจอดอยู่
ในใจเลยหดหู่ไม่น้อย
เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับ ร่างกายที่อ่อนนุ่มก็พุ่งมาหาทันที
ซังหลินรีบผลักออกแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้ายังลงไม้ลงมืออีก ฉันก็ลงไปทันที”
ในสายตาของโม่ยวี่ที่โดนผลักออกมีความเสียใจ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน เธอแค่จัดกระโปรง แล้วมือทั้งสองข้างก็กลับไปที่พวงมาลัยรถ “ที่รัก ตอนนี้จะกลับบ้านหรือว่าไปที่ไหนคะ”
ซังอวินไม่สนใจคำว่าที่รักของเธอ แล้วเอ่ย “กลับสำนักรากษส”
เรื่องครั้งนี้มีหนอนบ่อนไส้ เขาต้องเอาตัวเอามาให้ได้ ไม่งั้นถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก บริษัทของเขาคงต้องปิดตัว
มุมปากของโม่ยวี่เลิกขึ้น จนทำให้เห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง “งั้นก็กลับกันเถอะ”
เธอเหยียบคันเร่งแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วพริบตาก็ไม่เห็นเงารถแล้ว
ซูเยี่ยนเดินออกมาจากประตู มองเห็นหน้าประตูที่ว่างเปล่า นึกถึงคำพูดของคนที่เพิ่งจากไป สายตาก็เยือกเย็น เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า แล้วคีบไว้ที่ปาก แต่ก็ไม่ได้จุดไฟ
แต่ตอนที่เดินเข้าไปในโรงพักอีกครั้ง เขาโยนบุหรี่ม้วนนั้นที่ถังขยะ เหมือนไม่เคยจับต้องอย่างนั้น