เฉินเฉียวพูดไม่ออกขณะที่เธอมองดูเขาและลูกที่กำลังเดินออกไป
สองพ่อลูกไม่กระดากปากเลยแม้แต่น้อยที่ว่าเธอต่อหน้าโดยไม่มีเธออยู่ในสายตาเลย ยิ่งไปกว่านั้น จะให้เธอห่วงชูชีพ ถามเธอหรือยังว่าอยากได้หรือเปล่า?
เฉินเฉียวบ่นในใจและเดินตามพวกเขาลงไปชั้นล่าง
คฤหาสน์ใหญ่มาก สไตล์การตกแต่งหรูหรามากด้วยการออกแบบที่แยบยล จะเห็นได้ว่าเจ้าของบ้านมีรสนิยมที่ไม่ธรรมดา
“ อรุณสวัสดิ์ นายท่าน”เมื่อพวกเขาลงมาแม่บ้านก็กล่าวทักทาย “คุณหนู เมื่อคืนหลับสบายไหม”
“ ต้องโทษพ่อไม่ให้ผมไปดูพี่เฉียว ผมนอนไม่หลับเลย”ซังโย่วอีบ่นอีกครั้งและเขาก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลง
เขาตบเก้าอี้ข้างๆและเรียกเธออย่างกระตือรือร้น “พี่เฉียว มานั่งตรงนี้สิครับ ”
เฉินเฉียวมองไปที่ซังหลินจวินและเขาพยักหน้าเล็กน้อย “ไปนั่งเถอะ”
เธอนั่งลงข้างๆซังโย่วอีและถามเขาด้วยรอยยิ้ม “ตะกี้ข้างบนยังโกรธฉันอยู่เลยไม่ใช่หรอ หายงอนแล้วหรอ”
“ ผมไม่ได้งอน”เสียงของซังโย่วอีชัดเจน “คุณน้าไม่ชอบพ่อผม แต่ไม่ไช่ไม่ชอบผมไปด้วย ใช่ไหม”
“อื้อ ฉันก็มีความคิดนะเฉินเฉียวพยักหน้าอย่างจริงจังมองไปที่ใบหน้าอันน่ารักของเด็กน้อยและบีบเบา ๆ “ฉันชอบหนูจริงๆ”
ซังโย่วอีตาโต หน้าขาวๆของเขาเริ่มแดง เขาจับมือบนเธอที่อยู่บนหน้าตัวเองอย่างอายๆ แอบมองเธอพลางพูดเสียงเบาๆ:“จริงๆแล้ว….ผมชอบน้ามากๆ ”
เฉินเฉียวดีใจ”งั้นแสดงว่าพวกเราตาถึง”
เด็กน้อยหันหน้าไปมองพ่อ“ พ่อครับ พี่เฉียวเธอชอบผม ผมก็ชอบเธอ ถ้างั้นให้พี่เฉียวเป็นแฟนผมเถอะ ”
เฉินเฉียวหัวเราะออกมา เด็กน้อยคนนี้! เพิ่งจะไม่กี่ขวบริอาจจะมีแฟน
“ ถ้าอยากได้แฟนก็หาเอง คนนี้ห้าม”คำปฏิเสธจากคนบางคน หลังจากพูดจบสามคำสุดท้าย เขาส่งสายตามองเฉินเฉียว
เฉินเฉียวอ่านแววตาเขาไม่ออก แต่อยู่ๆในใจลึกๆรู้สึกใจเต้น
“ พ่อทำไมขี้งกจัง”
ซังหลินจวินนั่งลงบนที่นั่งหลักของโต๊ะอาหาร
เฉินเฉียวก้มหน้ารับประทานอาหารและมองไปที่เขาเป็นครั้งคราว
ตั้งแต่รู้ว่าเขาคือซังหลินจวินแห่งหยวนเซิ่งกรุ๊ปเธอก็กลายเป็นคนแปลกหน้าและห่างเหินจากเขาอย่างไม่มีเหตุผล
ทำไมตอนแรกเจียงฉยงฉยงบอกว่าเขาเป็นเด็กขาย เธอสติหลุดลอย ดันไปเชื่อคำพูดของเจียงฉยงฉยงจริงๆ
มองย้อนกลับไป รู้สึกเหลือเชื่อมากๆ
“หน้าฉันมีอะไรน่าดูหรอ”ทันใดนั้นชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นและถามเธอ
โดนจับได้แล้วว่าแอบมอง น่าอายจริงๆ
ขายหน้าสุดๆ
เฉินเฉียวรู้สึกอายรีบหาข้อแก้ตัว“ ก็แค่ …มีเศษอะไรไม่รู้ติดอยู่บนหน้า”
ไหน?
นี้ไงเธอพยกหน้าชี้ไปมั่วๆ
ซังหลินจวินมองเธอ ยกมือขึ้นมาปลายนิ้ววางลงบนหน้าเธอ
ความร้อนระอุทำให้เฉินเฉียวตกใจและภาพที่พวกเขาจูบกันบนเตียงก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเธอมันช่างเหมือนฝันที่เป็นจริง
ใจเธอเต้นแรง สัญชาตญาณทำให้เธอถอยหลบมือเขา
อย่าขยับเขามองไปที่เธอ พูดกับเธอเบาๆสองคำ มีความรู้สึกบังคับแอบแฝง
นิ้วเรียวยาวช้อนคางของเธอและปลายนิ้วก็ลูบที่มุมริมฝีปากของเธอเบา ๆ
จิตใจของเฉินเฉียวว่างเปล่าได้ยินเพียงเขาพูดว่า: “เลอะน้ำมะเขือเทศ”
เอ่อ…
คนที่มีอะไรติดบนหน้าจริงๆแล้วเป็นเธอหรอ ตะกี้เข้าเพิ่งเช็ดปากให้เธอ
“ ขอบคุณค่ะ ประธานซัง”ด้วยความอายเธอเหลือบมองเขาแวบนึงแล้วละสายตาไปอย่างรวดเร็ว
เธอใช้มือขึ้นเช็ดอีกครั้งไม่รู้ว่ากำลังพยายามเช็ดสิ่งที่ตกค้างบนริมฝีปากหรือไอร้อนปลายนิ้วชายคนนั้น
ด้วยความยินดีซังหลินจวินมองเธออย่างกังวล
คำตอบสี่คำนั้น ตอบแบบเรียบเฉยไร้อารมณ์ เหมือนกับว่าสิ่งที่ทำเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไร
เฉินเฉียวรู้สึกได้ว่า ผู้ชายคนนี้อันตรายมากๆ ใครบอกเขาไม่แตะผู้หญิง ที่แท้เป็นพวกหน้าหม้อ
——
ผู้ใหญ่สองคนกับเด็กน้อยหนึ่งคน ทานอาหารเช้าต่อ โชคดีที่ซังโย่วอีอยู่ด้วยทำให้บรรยากาศไม่อึดอัด
ส่วนใหญ่ตอนที่เฉินเฉียวคุยกับซังโย่วอี ซังหลินจวินจะไม่ได้ร่วมวงด้วย
ตอนนี้โทรศัพท์เขาดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อมองไปที่หน้าจอกดรับสายเปิดลำโพงแล้ววางบนโต๊ะ
“ ฮัลโหล หลินหลิน แม่เอง “เสียงหญิงชราดังมาจากโทรศัพท์ ‘หลินหลิน’คำนั้นเฉินเฉียวอยากจะขำก๊าก
ซังหลินจวินมองเธอ แล้วพูดกับแม่”แม่ ลูกชายแม่อายุสามสิบแล้วนะ เปลี่ยนคำเรียกได้แล้ว”
“ถึงจะอายุหกสิบก็ยังเป็นหลินหลินลูกชายแม่”อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้
เฉินเฉียวแทบจะกลั้นขำไม่อยู่
ตลกเกินไปแล้ว
คุณชายผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดัง คิดไม่ถึงว่าจะโดนเรียกว่าหลินหลิน ฮ่าฮ่า
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาคำพูดของหญิงชราทำให้เธออดหัวเราะไม่ได้
“ หมอเฉินบอกว่าเมื่อคืนลูกพาผู้หญิงกลับมาด้วย นั่นใคร? ใช่คนที่ลูกจูบด้วยที่คลับครั้งก่อนหรือเปล่า ”
ตะเกียบในมือของเฉินเฉียวเกือบตก แน่นอนว่าเรื่องดีไม่มีคนรู้แต่ถ้าเรื่องไม่ดีละก็ชาวบ้านชาวช่องรู้กันหมด
สีหน้าเขาดูเรียบเฉย ดันโทรศัพท์ไปข้างหน้าเธอ และผู้กับแม่ว่า: “แม่ถามเธอเองเถอะ ตอนนี้เธอกำลังฟังอยู่”
“ถามฉัน?”เฉินเฉียวถามเขาพลางชี้ไปที่ตัวเอง
ซังหลินจวินไม่สนใจ
“ฮัลโหล แม่หนู เธอชื่อเฉินเฉียวใช่ไหม?”เธอไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงชราก็ถามเธออย่างจริงจัง
เฉินเฉียวไม่มีประสบการณ์มากนักในการพูดคุยกับผู้ใหญ่แปลกหน้าเมื่อเธอแต่งงานกับปู้อี้เฉินเธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับแม่สามีมากนัก ได้ยินหญิงชราถามเธอจึงพยักหน้าตอบ “สวัสดีค่ะ ฉันเองค่ะ”
“ อย่าหาว่าฉันเร่งเร้าเลยนะ แต่ลูกชายฉันปกติไม่เคยจูบกับผู้หญิงคนอื่นยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยพาใครมาที่จิ้งหย่วน เพราะฉะนั้นฉันอยากรู้เรื่องเธอจริงๆ ”
หน้าของเฉินเฉียวร้อนขึ้นเล็กน้อย
ผู้ใหญ่ท่านนี้พูดตรงเกินไปจนไม่ทันตั้งรับ
เธอมองไปที่ชายคนนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เขายังคงกินอาหารอย่างช้าๆโดยไม่สนใจเธอ
เฉินเฉียวกัดริมฝีปากตัวเองและดึงแขนเสื้อเขา
“รีบหรอ”เขาเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ
“……นายช่วยอธิบายให้หน่อยสิ”เฉินเฉียวขอร้องให้เขาช่วยเขา
ซังหลินจวินเหลือบมองเธอและเขยิบเข้าไปใกล้ๆพูดเสียงเบาๆ “ยังหัวเราะเยาะฉันอยู่หรือเปล่า?”
เฉินเฉียวส่ายหัว “ใครจะกล้าหัวเราะท่านประธานซัง”
ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจมาก เอาคืนอย่างฉับพลัน!
“อยากให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ”เขาถามอีกครั้ง เสียงเบาๆที่มีแรงดึงดูด พูดผ่านหูเธอเหมือนดั่งฝนตกในหนองน้ำ กระเซ็นเป็นระลอกคลื่น